- ทัวร์ช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. 2566
- ทัวร์ยุโรป เที่ยวยุโรป ทัวร์ต่างประเทศ แพคเกจทัวร์ยุโรป โปรแกรมทัวร์ยุโรป
- ทัวร์ออสเตรีย
- ทัวร์อิตาลี เที่ยวอิตาลี ช้อปปิ้งอิตาลี
ทัวร์ยุโรป : WONDER DOLOMITES & JULIAN ALPS ออสเตรีย – สโลวีเนีย – อิตาลี 12 วัน (OS/LH)
กำหนดการเดินทาง : 04 – 15 ตุลาคม 2566
ประเทศ : ออสเตรีย – สโลวีเนีย – อิตาลี
สายการบิน : ออสเตรียน (OS)
ราคา : 258,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพฯ – เวียนนา
20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 แถว G เคาน์เตอร์ สายการบินออสเตรียน (OS) เจ้าหน้าที่จากบริษัทเร้นจ์ฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
23.40 น. เดินทางสู่ เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินออสเตรียน เที่ยวบินที่ OS 026
วันที่สองของการเดินทาง
เวียนนา (ออสเตรีย) – กราซ (ออสเตรีย)
05.35 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินเวียนนา หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ ตัวเมืองเวียนนา (VIENNA) (20 กิโลเมตร)
กรุงเวียนนา (VIENNA)
กรุงเวียนนา VIENNA เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ที่มีความเจริญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคและร็อคโคโคที่เป็นแบบของออสเตรียที่งดงามที่สุดในยุโรปเป็นสักขีพยานแห่งความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และสมัยจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์เบิร์กในอดีต อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติในปัจจุบัน และเป็นสถานที่รวมคีตกวีเอกของโลก อาทิ โมสาร์ท บีโทเฟ่น โยฮันสเตราท์ เป็นต้น
เที่ยวชมกรุงเวียนนา (VIENNA)
กรุงเวียนนา ผ่านชมสถานที่สำคัญรอบถนนวงแหวน อาทิเช่น โรงละครโอเปร่า อาคารรัฐสภาซึ่งสร้างด้วยศิลปะแบบกรีกโบราณ สวนสาธารณะ STADTPARK ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์โยฮันสเตราท์ซึ่งฤดูร้อนมีดนตรีบรรเลงเพลงวอลซ์ในสวนแห่งนี้ และถ่ายภาพกับโบสถ์สเตฟาน ซึ่งเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวเวียนนา และช้อปปิ้ง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองกราซ (200 กิโลเมตร)
กราซ (GRAZ)
เมืองกราซ เมืองใหญ่อันดับที่สองรองจากกรุงเวียนนา อยู่ริมแม่น้ำเมอร์ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงด้านอาหารของประเทศอีกด้วย เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่แปลกตา อาคารสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลศิลปะมากมายตั้งแต่บาโรค ยุคกลาง และเรอเนสซองส์ ไปจนถึงอาร์ตเดโค ตัวเมืองเก่าของกราซจึงได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ในปี 1999 และในปี 2003 ยังได้รับยกย่องให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรปอีกด้วย สิ่งโดดเด่น คือ เกาะลอย (Murinsel /Island of the Mur) ซึ่งอยู่เหนือแม่น้ำเป็นเกาะจำลองรูปเปลือกหอย มีสะพานเชื่อมข้ามแม่น้ำ
จากนั้นนำท่าน ขึ้นรถราง (SCHLOSS BERGBAHN) ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1894 ขึ้นชมวิว THE SCHLOSSBERG (CASTLE HILL)
(THE SCHLOSSBERG)
อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 473 เมตร ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของ ป้อมปราการในใจกลางเมืองกราซ ปัจจุบันเนินเขาเป็นสวนสาธารณะและมองเห็นวิวเมืองได้กว้างไกล เป็นที่ตั้งของสถานบันเทิง คาเฟ่ และร้านอาหารหลายแห่ง ใกล้กันจะมี สัญลักษณ์ของเมืองนี้ คือ หอนาฬิกา (Clock Tower-Uhrturm) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก GRAND HOTEL WIESLER หรือระดับเทียบเท่า
วันที่สามของการเดินทาง
กราซ – มาริบอร์ (สโลวีเนีย) – ชิมไวน์ – ลูบลิยานา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มาริบอร์ (MARIBOR) ประเทศสโลวีเนีย (68 กิโลเมตร)
มาริบอร์ (MARIBOR)
เมืองใหญ่อันดับที่ 2 และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศสโลวีเนีย เนื่องจากเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำไร่องุ่นที่มีความเก่าแก่ รวมถึงการที่มีถนนแห่งไวน์เป็นจำนวนมาก เถาองุ่นเก่าแก่ที่ว่านี้มีอายุมากกว่า 500 ปีรวมไปจนถึงประวัติของเถาองุ่นที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกจนได้รับการขนานนามว่า ดินแดนแห่งไวน์ของประเทศสโลวีเนียอีกด้วย
จากนั้นนำท่านสู่ จัตุรัส Glavni Trg Square (Main Square) / ป้อมปราการ (WATER TOWER)
จัตุรัส GLAVNI TRG SQUARE
จัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเมือง อาคารบ้านเรือน สร้างในสไตล์บาโรค, เรอเนสซองส์ และร็อคโคโค่ เป็นจุดศูนย์กลางของเมือง ที่ชาวเมืองจะมารวมตัวพักผ่อนกัน มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายของ ฯลฯ
ป้อมปราการ (WATER TOWER)
ผ่านชมป้อมปราการยุคกลางในเมืองมาริบอร์ประเทศสโลวีเนีย ยุคเรอเนสซองส์ตอนปลาย ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำดราวาและมีอายุตั้งแต่ปีค.ศ.1555 สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากอาณาจักรออตโตมัน มีรูปทรงห้าเหลี่ยมและประกอบด้วยบล็อกหินขนาดใหญ่สลับกับรอยนูน ถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัย
จากนั้นนำท่านสู่ VINAG WINE CELLAR
(VINAG WINE CELLAR)
VINAG WINE CELLAR เป็นห้องเก็บไวน์แบบคลาสสิกที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1847 ห้องใต้ดินอยู่ใต้ใจกลางเมืองมาริบอร์ ที่มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร ขนาด 15,000 ตรางเมตร รับฟังประวัติความเป็นมา, ขั้นตอน การผลิตไวน์ พร้อมทั้งชิมไวน์คุณภาพสูงของยุโรป
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ลูบลิยานา (LJUBLJANA) (127 กิโลเมตร) เมืองหลวงสีเขียวที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของ ประเทศสโลวีเนีย เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมศิลปะสไตล์บาโรค แล้วนำท่านเที่ยวชมเมือง
สะพานมังกร (DRAGON BRIDGE)
เดิมชื่อ สะพานจูบิลีแห่งจักรพรรดิฟรานซ์โจเซฟที่ 1 เพื่อระลึกถึงการครองราชย์สี่สิบปี สะพานมังกรสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1900-1901 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นสะพานมังกร ข้ามแม่น้ําลูบลิยานา เดินไปมาเพียง 5นาที แต่เป็นอาคารสัญลักษณ์ของเมืองสะพานมังกรตกแต่งได้วิจิตรงดงามมาก คือ มังกรปีกสําริดสี่ตัว ประติมากรรมหัวสะพานทั้งสองข้าง
จัตุรัสพรีเซเรน (PRESEREN SQUARE) Square)
จัตุรัสพรีเซเรน ตั้งอยู่ที่เชิงสะพานTRIPLE BRIDGE อันโด่งดัง
อุทิศให้กับกวีแห่งชาติ FRANCE PRESEREN และมีรูปปั้นอยู่กลางจัตุรัสพรีเซเรน ที่นี่เป็นสถานที่ที่สโลวีเนียประกาศความเป็นอิสระ และมีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์ค เป็นที่พบปะสังสรรค์ของคนที่นี่
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก BEST WESTERN PREMIER HOTEL SLON หรือระดับเทียบเท่า อยู่ใจกลางเมืองลูบลิยานา
วันที่สี่ของการเดินทาง
ลูบลิยานา – ปราสาทเพรดจามา – ถ้ำโพสทอยน่า – ลูบลิยานา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทเพรดจามา (57 กิโลเมตร)
ปราสาทเพรดจามา (PREDJAMA CASTLE)
ปราสาทเพรดจามา เป็นปราสาทแห่งเดียวในโลกที่สร้างขึ้นในถ้ํา มีการบันทึกว่าสร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่12 จนกระทั่งสร้างในปี ค.ศ. 1570 ใช้เวลาประมาณ สี่ศตวรรษ ถ้ำแบ่งออกเป็นสามชั้นบน กลาง และล่าง ปราสาทถูกสร้างขึ้นที่ทางเข้าถ้ําด้านบน เดิมเป็นป้อมปราการทางทหารของหัวหน้าชนเผ่าในศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในถ้ําจัดแสดงทหารโบราณ เครื่องใช้ในการใช้ชีวิต ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม และสถานที่สอบสวน ภาพยนตร์เรื่อง Long Long ที่กํากับโดยเฉินหลง Chenglong ก็ถ่ายทําที่นี่
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางต่อสู่ ถ้ำโพสยานา (10.กิโลเมตร)
ถ้ำโพสทอยน่า (POSTOJNA CAVE)
ถ้ำหินปูนที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำใต้ดินจนกลายเป็นระบบถ้ำขนาดใหญ่มีโครงสร้างที่ถูกสลักเสลาโดยธรรมชาติ ก่อให้เกิดเป็นห้องโถงและโพรงใหญ่น้อย ที่ประดับประดาด้วยหินงอกหินย้อยอันงดงามหลากหลายรูปแบบ จนได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งถ้ำ” จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของสโลวีเนียเลยก็ว่าได้
นำท่านเดินทางกลับสู่ ลูบลิยานา (LJUBLJANA) (55 กิโลเมตร)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก BEST WESTERN PREMIER HOTEL SLON หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง
ลูบลิยานา – วินท์การ์ จอร์จ – เบลด – ปราสาทเบลด – ทะเลสาบเบลด
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วินท์การ์จอร์จ (VINTAR GORGE) (65 กิโลเมตร) หรือ เรียกว่า เบลด จอร์จ
เป็นลำธารน้ำใสขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสโลวีเนีย
วินท์การ์จอร์จ (Vintgar Gorge)
ช่องเขายาว 1.6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเขตเทศบาลของเมือง Gorje และ เมืองเบลด ธารน้ำธรรมชาติ วินท์การ์จอร์จ อยู่ในหุบเขา Radovna Valley ซึ่งต้นกำเนิดน้ำในลำธารมาจากแม่น้ำ Radovna ลำธารแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยหุบเขา Hom และ Boršt และตลอดสองข้างทางของลำธาร จะมีผาหินซึ่งมีความสูงประมาณ 50 ถึง100 เมตร และมีน้ำตก Sum Fall ที่ใหญ่ที่สุดในสโลวีเนีย นอกจากนี้ยังมีแอ่งน้ำ ธารน้ำใสสีมรกต ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เบลด (BLED) (5 กิโลเมตร) เมืองพักผ่อนที่มีความสวยงามมากของสโลวีเนีย เคยได้รับรางวัลชนะเลิศรีสอร์ทโลก ขึ้นชื่อในเรื่องสภาพอากาศที่เย็นสบาย ความงดงามของภูเขาที่สะท้อนในทะเลสาบ มีความสงบร่มรื่นท่ามกลางอากาศที่บริสุทธิ์ แวดล้อมด้วยธรรมชาติของขุนเขาแอลป์ที่เรียกว่า Julian Alps Mountain จึงถูกขนานนามว่าไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่ตลอดทั้งปี
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในปราสาทเบลด (BLED CASTLE)
บ่าย นำท่านเที่ยวชม ปราสาทเบลด (BLED CASTLE)
ปราสาทเบลด (BLED CASTLE)
ปราสาทเบลดตั้งอยู่บนริมผาสูง ระดับความสูงกว่า 130เมตร ติดทะเลสาบเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในสโลวีเนียจักรพรรดิเฮนริคที่ 2 แห่งเยอรมนียกให้เป็นสถานที่พักของบิชอป อัลเบี่ยม แห่งบริเซน (Bishop Albium of Brixen)ในปี ค.ศ.1004 ตัวปราสาทสร้างในสไตล์โรมาเนสก์ และส่วนก่อสร้างอื่นๆ ในสไตล์เรอเนสซองส์ ปัจจุบันปราสาทได้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความเป็นมาของเมืองและจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือชมทะเลสาบเบลด (LAKE BLED)
ทะเลสาบเบลด (LAKE BLED)
นำท่านนั่งเรือไม้โบราณข้ามไปยังเกาะกลางทะเลสาบเบลด (Lake Bled) ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะชองธารน้ำแข็งโบฮินจ์ในยุคน้ำแข็ง แต่น้ำในทะเลสาบนั้นกลับไม่ได้มาจากการละลายของธารน้ำแข็งแต่มาจากบ่อน้ำร้อนใต้ดินหลายแห่ง
โบสถ์พระแม่มารี (MARIA CHURCH)
นำท่านเข้าชม โบสถ์พระแม่มารี (Assumption of Maria Church) ของเหล่านักแสวงบุญตั้งแต่ศตวรรษที่ 13-14 จากท่าเรือจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 99 ขั้นก็จะถึงยัง ตัวโบสถ์ ซึ่งมีประเพณีท้องถิ่นสโลวีเนียที่เชื่อกันว่าคู่สมรสใหม่ให้ฝ่ายชายอุ้มฝ่ายหญิงปีนบันได 99 ขั้นนี้ และฝ่ายหญิงจะต้องไม่ส่งเสียงดังใดๆทั้งสิ้น ถ้าทำสำเร็จชีวิตสมรสจะรักกันยืนยาว และที่โบสถ์กลางน้ำยังมีกระดิ่งที่เชื่อกันว่าใครได้ไปสั่นกระดิ่งแล้วจะโชคดี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ ที่พักโรงแรม HOTEL PARK-SAVA HOTELS & RESORT หรือระดับเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง
เบลด – VOGEL VIEW POINT – ZELENCI NATURE RESERVE ครานสกาโกรา – สกีรีสอร์ท
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยัง ทะเลสาบโบฮินจ์ (LAKE BOHINJ) (29 กิโลเมตร) ไปยังสถานีกระเช้า
ทะเลสาบโบฮินจ์ (LAKE BOHINJ)
ทะเลสาบธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในสโลวีเนีย เปรียบเสมือนอัญมณีสีเขียวซ่อนเร้นความงดงามอยู่ภายในหุบเขาโบฮินจ์ของเทือกเขาจูเลียนแอลป์ (Julian Alps) และยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตริเกลา (Triglav National Park) อุทยานที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และมีความสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์
นำท่านขึ้นกระเช้าเคเบิ้ลคาร์ สู่ ยอดเขาโวเกิล (VOGEL VIEW POINT)
VOGEL VIEW POINT
นำท่านขึ้นกระเช้าที่ระดับความสูง 1,535 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งท่านจะสัมผัสถึงความสวยงามอันน่าทึ่งของทะเลสาบโบฮินจ์ และเทือกเขาจูเลียนแอลป์ ในประเทศสโลวีเนีย ที่มีชื่อว่ายอดเขาตริเกลา (Mount Triglav) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตริเกลา และจัดเป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และนำท่านขึ้น กระเช้า ORLOVE GLAVE CHAIRLIFT ไปยังจุดชมวิวที่ระดับความสูง 1,682 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
หมายเหตุ : หากสภาพอากาศไม่อำนวยหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าเพื่อความ
ปลอดภัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ZELENCI NATURE RESERVE (73 กิโลเมตร)
ZELENCI NATURE RESERVE
ได้รับประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเมื่อปี ค.ศ. 1992 ล้อมรอบด้วยป่า Vitranc และ Karavanks เป็นสวรรค์แห่งธรรมชาติท่ามกลางเทือกเขา Triglav มีชื่อเสียงจากการที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตที่สวยงาม และเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางไปสู่ ครานสกาโกรา (KRANJSKA GORA) (5 กิโลเมตร) ตั้งอยู่บนพรมแดนติดกับออสเตรียและอิตาลี เป็นรีสอร์ทสกีบนภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในสโลวีเนีย เป็นสถานที่จัดงานแข่งขันสกีและกระโดดสกีระดับโลกประจำปี และเที่ยวชมเมืองที่มีทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงาม
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ โรงแรมที่พัก RAMADA RESORT BY WYNDHAM KRANJSKA GORA หรือระดับเทียบเท่า แล้วนำท่านเดินเล่นชมความงามของเมือง ครานสกาโกรา (KRANJSKA GORA) หรืออิสระพักผ่อน ตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
ครานสกาโกรา – เวอร์ชิช พาส – โบเว็ก – พายเรือยางล่องแก่ง พักในไร่ไวน์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม แล้วนำท่านเดินทางสู่ โบเว็ก (BOVEC) (47 กิโลเมตร) โดยใช้เส้นทางผ่าน เวอร์ชิช พาส (Vršič Pass)
เวอร์ชิช พาส (Vršič Pass)
เป็นถนนที่สูงที่สุดในสโลวีเนียที่ระดับความสูง 1,661 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่ตัดผ่านเทือกเขาจูเลียนแอลป์ (JULIAN ALPS) มีความยาวประมาณ 24 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่าง เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ครานสกากอรา (KRANJSKA GORA) และหมู่บ้านเทรนต้า (TRENTA) ตลอดเส้นทาง เวอร์ชิช พาส (Vršič Pass) ท่านสามารถชมวิวทิวทิศน์ที่สวยงามและสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ระหว่างทางแวะพักจุดท่องเที่ยว เช่น ทะเลสาบ JASNA, โบสถ์รัสเซีย (RUSSIAN CHAPEL), จุดชมวิว PRISANK เป็นต้น แล้วนำท่านเดินทางต่อสู่ โบเว็ก (BOVEC) (33 กิโลเมตร) เมืองสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ตั้งอยู่ในหุบเขา Soca อันสวยงาม
โบเว็ก (BOVEC)
อยู่ริมอุทยานแห่งชาติ Triglav ภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงในด้านสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย น้ำตกที่งดงามหลายแห่งและ Soca แม่น้ำสีมรกต ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำบนภูเขาที่สวยที่สุดในยุโรปนั้นน่าประทับใจเป็นพิเศษ กิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลายที่สามารถทำได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นล่องแก่ง ล่องเรือแพ พายเรือคายัค ปีนเขา เดินป่า ตั้งแคมป์ในชนบท และขี่ซิปไลน์ที่น่าหวาดเสียวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของไฮไลท์ที่สามารถสัมผัสได้ในโบเว็ก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ให้ท่านทำกิจกรรม ล่องแก่งเรือยาง (RAFTING) ตลอดเส้นทางการล่องแก่งเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพความสวยงามของแม่น้ำ SOCA แม่น้ำสีเขียวมรกตใส ซึ่งท่านจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยใช้เส้นทางที่ง่ายต่อการพายเรือยาง เป็นกิจกรรมที่เหมาะกับครอบครัว ถึงแม้จะมีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุก็ตาม (สิ่งที่ท่านควรเตรียมไปด้วย ชุดว่ายน้ำ, กางเกงขาสั้น, ผ้าขนหนู, ชุดสำหรับเปลี่ยนกลับ, ครีมกันแดด, และสายรัดแว่นหรือแว่นกันแดด)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ที่พักโรงแรม CASTELLO di SPESSA หรือระดับเทียบเท่า (68 กิโลเมตร) ปราสาทในสมัยศตวรรษที่ 12 ที่ล้อมรอบด้วยสวนและไร่องุ่น Capriva Del Friuli และมีห้องเก็บไวน์ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง แล้วนำท่าน เที่ยวชม ปราสาท Castello di Spessa รับฟังประวัติความเป็นมา พร้อมทั้งชิมไวน์รสเลิศ ที่มีกระบวนการผลิตแต่ละขั้นตอนอย่างพิถีพิถ้น ตั้งแต่ การปลูกที่คำนึงพันธุ์องุ่น, เวลาในการเก็บองุ่น, การบ่มหมักในถังไม้โอ๊คของฝรั่งเศส เป็นต้น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เชิญท่านพักผ่อนอิสระตามอัธยาศัยในโรงแรมที่พัก
ไร่ไวน์ – เบลลูโน่ – คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ – ซาน ชานดิโด
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองเบลลูโน่ (BELLUNO) (165 กิโลเมตร)
เบลลูโน (BELLUNO)
เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดย Paleovets ชื่อ Belluno มาจากภาษา เซลติก belo-dunum แปลว่า “เมืองอันรุ่งโรจน์” ตั้งอยู่บน หน้าผาสูงเหนือแม่น้ำ Piave เมืองที่มีความสวยงามด้วยสไตล์เรอเนสซองส์ผสมผสานกันทัศนียภาพชองเทือกเขาแอลป์ที่งดงาม ใจกลางเมือง Piazza del Duomo ล้อมรอบด้วยอาคารที่สวยงาม ศาลากลางสไตล์นีโอโกธิค และพระราชวัง Piazza del Mercato เคยเป็นที่ตั้งของฟอรัมโรมันโบราณ Palazzo dei Rettori อันหรูหราซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของผู้ปกครองเมือง เบลลูโน เมืองนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา โบสถ์ น้ำพุ อาคารบ้านเรือน ถนนที่มีลักษณะเฉพาะและร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo) (68 กิโลเมตร) ให้ท่านเดินเล่น ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า, เสื้อผ้า, รองเท้า ของที่ระลึก ฯลฯ
คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่
(CORTINA D’AMPEZZO)
เมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ เป็น Best of The Alps เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เจมส์บอนด์ 007 ตอน For Your Eye Only เมืองนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ เป็นสถานที่ตากอากาศตลอดปีของชนชั้นสูง และบรรดาหนุ่มสาวที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อเล่นสกีเท่านั้น แต่ในหน้าร้อนมักนิยมท่องเที่ยวแบบ Hiking ปีนเขาชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียง แล้วนำท่านเดินทางต่อสู่ ซาน ชานดิโด (SAN CANDIDO) (36 กิโลเมตร) หนี่งในเมืองเล็กๆ น่ารักที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโดโลไมต์ตัวเมืองที่สวยงาม บ้านเรือนที่มีระเบียงดอกไม้ โบสถ์และร้านค้าที่สวยงาม และยังสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของ MOUNT BARANCI ได้อีกด้วย
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก NATURHOTEL LEITLHOF หรือระดับเทียบเท่า
ซาน ชานดิโด – เตร ซิเม่ ดิ ลาวาเรโด – ทะเลสาบอันตอร์โน่ PASSO GIAU – ซาน ชานดิโด
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไป เตร ซิเม่ ดิ ลาวาเรโด (TRE CIME DI LAVAREDO) (31 กิโลเมตร) สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของโดโลไมต์ อยู่ในเขตอุทยาน TRE CIME NATURAL PARK
เตร ซิเม่ ลาวาเรโด
(TRE CIME DI LAVAREDO)
สัญลักษณ์ของโดโลเมต์และมีชื่อเสียงที่สุด (TRE CIME-เตร ซิเม่ แปลว่า ยอดเขาสามยอด) ซึ่งยอดเขา 3 ยอด ลักษณะจะเป็นยอดเขารูปกรวยเหลี่ยมสูงแหลมสวยงามสามยอดติดกัน เรียงตามทิศตะวันออกไปตะวันตก ประกอบไปด้วย Cima Piccola (Little Peak) 2,857 เมตร Cima Grande (Big Peak) ลูกกลาง สูง 2,999 เมตร ส่วนลูกซ้ายขวาคือ และ Cima Ovest (Western Peak) สูง 2,973 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และมีทัศนียภาพโดยรอบสวยงามอย่างน่าทึ่ง
นำท่าน เดินไฮค์กิ้ง (HIKING) ระยะทางไปกลับโดยประมาณ 10 กิโลเมตร โดยตลอดเส้นทาง ท่านจะ ตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ที่จะมีความสวยงามไม่เหมือนกันและเปลี่ยนไปตามมุมมองของเรา
โดยจะแบ่งเป็นระยะจุดพักดังต่อไปนี้
- RIFUGIO AURONZO TO RIFUGIO LAVAREDO (1.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที)
- RIFUGIO LAVAREDO TO FORCELLA LAVAREDO (0.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที)
- FORCELLA LAVAREDO TO RIFUGIO LOCATELLI (2.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที)
- RIFUGIO LOCATELLI TO MALGA LANGALM (3.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง)
MALGA LANGALM TO RIFUGIO AURONZO (3.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันแบบ BOX LUNCH ปิคนิคระหว่างทางพร้อมชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงาม
ข้อเเนะนำในการเตรียมตัว:
- ชุดเเต่งกายที่ทะมัดทะเเมง (ตามฤดูกาล)
- รองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าเดินเทรล หรือ รองเท้าเดินเขา
- หมวกและเสื้อกันฝน, เเจ็คเก็ตกันลม (บางครั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงได้เร็ว)
- ไม้เทรล (Trekking Pole)
- น้ำดื่ม, ลูกอม ขนม-ของว่างทานในระหว่างทาง
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูป ทะเลสาบอันตอร์โน (LAKE ANTORNO) (6 กิโลเมตร) ทะเลสาบเล็กๆ ที่มีฉากหลังเป็น TRE CIME LEVARADO เป็นจุดถ่ายรูปยอดเขาสัญลักษณ์ของโดโลไมต์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ PASSO GIAU (GIAU PASS) (32 กิโลเมตร) เส้นทางที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในการเดินทางสู่เทือกเขาโดโลไมต์ (DOLOMITES)
PASSO GIAU
(GIAU PASS)
เป็นเส้นทางขับรถที่ชมวิวสวยงามที่สุด มีความคดเคี้ยวไปตามทางซึ่งเชื่อมระหว่าง Cortina d’Ampezzo กับ Colle Santa Lucia และ Selva di Cadore ตลอดเส้นทางที่ท่านเดินทางจะตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพ ที่สวยงาม ซึ่งจะสวยงามแตกต่างกันไปแต่ละฤดูกาล โดดเด่นด้วยภูเขารูปทรงปิระมิด Ra Gusela เหนือทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ และยังเป็นเส้นทางที่จัดการแข่งขัน ที่สำคัญ เช่น Maratona dles Dolomites อีกด้วย
แล้วนำท่านเดินทางกลับสู่ โรงแรมที่พัก NATURHOTEL LEITLHOF หรือระดับเทียบเท่า (52 กิโลเมตร)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก หลังอาหารค่ำอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
ซาน ชานดิโด (อิตาลี) – คิทซ์บูเฮล (ออสเตรีย)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ แคว้นทิโรล (TYROL) อยู่ท่ามวงล้อมของเทือกเขาแอลป์อันสูงตระหง่านและ มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของออสเตรีย เพื่อนำท่านเดินทางสู่ เมืองคิทซ์บูเฮล (KITZBUHEL) (134 กิโลเมตร)
คิทซ์บูเฮล (KITZBUHEL)
เป็นเมืองสกีรีสอร์ทสุดสวยท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขาแอลป์ในแคว้นทิโรล ประเทศออสเตรีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาแอลป์เพียง100 กม.เท่านั้น อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องของสกี และเป็นสกีรีสอร์ทเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย นำท่าน เดินเล่นชมเมือง และเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพบ้านเรือนที่มีสีสันสะดุดตาของเมืองเล็กน่ารักแห่งนี้และช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก LEBENBERG SCHLOSSHOTEL KITZBUHEL หรือระดับเทียบเท่า
โรงแรมสวยระดับ 4 ดาวซูพีเรีย ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนราม่าวิวของเทือกเขาแอลป์ที่โอบล้อม อยู่โดยรอบไม่ว่ามองจากมุมไหน พร้อมกลิ่นไอบริสุทธิ์ของบรรยากาศปลอดมลพิษที่ทุกคนใฝ่ฝันถึง
นำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก จากนั้นอิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของทางโรงแรมตามอัธยาศัย อาทิ สระว่ายน้ำ ROOFTOP POOL ที่มีความยาวถึง 46 เมตร ถือเป็นสระว่ายน้ำที่มีความยาวที่สุดในออสเตรีย และท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศภายนอกแบบ 360 องศาและ ท่านสามารถรับบริการสปาของทางโรงแรม ซึ่งประกอบด้วยห้องซาวน่าแบบฟินแลนด์ ห้องอบไอน้ำเคบินอินฟราเรด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ (กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำ สำหรับผู้ใช้บริการสระว่ายน้ำ)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
คิทซ์บูเฮล – มิวนิค (เยอรมนี) – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มิวนิค (MUNICH) (123 กิโลเมตร)
มิวนิค
มิวนิค มหานครแห่งแคว้นทางตอนใต้ เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามมากมาย อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทาง วัฒนธรรมของภูมิภาค และเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์ที่เด่นที่สุดในประเทศเยอรมนีอีกหลายแห่ง ชมอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่สวยงามจากยุคสมัยอันรุ่งเรืองของราชวงศ์ WITTELSBACH บริเวณจัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (MARIENPLATZ) ซึ่งถือเป็นหัวใจของเขตเมืองเก่า และเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มชมเมือง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย อิสระช้อปปิ้งที่ จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (MARIENPLATZ)
จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (MARIENPLATZ)
ช้อปปิ้งบริเวณรอบๆ จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (MARIENPLATZ) ซึ่งมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไอศกรีมมากมาย มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งวางเรียงรายอยู่ด้านนอกสำหรับนักท่องเที่ยวได้นั่งจิบเบียร์ หรือทานอาหารพร้อมชมความสวยงามของท้องที่นี้ไปด้วยโดยเฉพาะวันที่อากาศดี หรือแม้แต่แดดจ้าคนเยอรมันก็มักนิยมออกมานั่งตากแดดเป็นประจำ อีกทั้งบริเวณย่านนี้ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังเรียงรายอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
17.30 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิวนิค (34 กิโลเมตร)
22.25 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH 772
กรุงเทพฯ
14.10 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…