- ทัวร์ช่วงเดือน ก.พ - มี.ค 2567
- ทัวร์ยุโรป เที่ยวยุโรป ทัวร์ต่างประเทศ แพคเกจทัวร์ยุโรป โปรแกรมทัวร์ยุโรป
- ทัวร์อิตาลี เที่ยวอิตาลี ช้อปปิ้งอิตาลี
ทัวร์ยุโรป : VENICE CARNIVAL สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์/ลุฟท์ฮันซ่าแอร์ไลน์ 10 วัน(OS/LH)
กำหนดการเดินทาง : 05 – 14 กุมภาพันธ์ 2567
ประเทศ : อิตาลี
สายการบิน : Lufthansa เที่ยวบินที่ LH773/1866
ราคา : 252,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพฯ – เวียนนา
20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 แถว G เคาน์เตอร์ สายการบินออสเตรียน (OS) เจ้าหน้าที่จากบริษัทเร้นจ์ฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
23.50 น. ดินทางสู่ เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินออสเตรียน เที่ยวบินที่ OS 026
วันที่สองของการเดินทาง
เวียนนา – วินดิชการ์สเทิน
05.35 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินเวียนนา หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ ตัวเมืองเวียนนา (VIENNA) (20 กิโลเมตร)
กรุงเวียนนา (VIENNA)
กรุงเวียนนา VIENNA เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ที่มีความเจริญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคและร็อคโคโคที่เป็นแบบของออสเตรียที่งดงามที่สุดในยุโรปเป็นสักขีพยานแห่งความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และสมัยจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์เบิร์กในอดีต อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติในปัจจุบัน และเป็นสถานที่รวมคีตกวีเอกของโลก อาทิ โมสาร์ท บีโทเฟ่น โยฮันสเตราท์ เป็นต้น
เที่ยวชมกรุงเวียนนา (VIENNA)
กรุงเวียนนา ผ่านชมสถานที่สำคัญรอบถนนวงแหวน อาทิเช่น โรงละครโอเปร่า อาคารรัฐสภาซึ่งสร้างด้วยศิลปะแบบกรีกโบราณ สวนสาธารณะ STADTPARK ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์โยฮันสเตราท์ซึ่งฤดูร้อนมีดนตรีบรรเลงเพลงวอลซ์ในสวนแห่งนี้ และถ่ายภาพกับโบสถ์สเตฟาน ซึ่งเป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวเวียนนา และช้อปปิ้ง
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านวินดิชการ์สเทิน (WINDISCHGARSTEN) (258 กิโลเมตร) หมู่บ้านเล็กๆ ที่สวยงามรายล้อมไปด้วยเทือกเขา อาคารบ้านเรือนตกแต่งด้วยสีสันสดใส มีจัตุรัสกลางเมืองที่สวยงาม ร้านค้าสุดเก๋ ร้านกาแฟ บาร์ และร้านอาหารภายในหมู่บ้านแห่งนี้
นำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พักโรงแรม DAILY – DAS NATIONAL PARK RESORT หรือเทียบเท่า
อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถภายในบริเวณที่พักตามอัธยาศัยภายในที่พัก หรือจะผ่อนคลายกับบ่อน้ำร้อน ที่มีทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง หรือจะใช้บริการสปา ซาวน่าภายในโรงแรม ***กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำสำหรับแช่น้ำ***(สำหรับบริการสปากรุณาสอบถามค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกับพนักงานของทางโรงแรม)
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม DAILY – DAS NATIONAL PARK RESORT หรือเทียบเท่า
วันที่สามของการเดินทาง
วินดิชการ์สเทิน – ฮัลสตัท – ชมเมือง – มิลสตัท – แช่น้ำแร่
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านฮัลสตัท (HALLSTATT) (86 กิโลเมตร) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 4,500 ปี เดินทางถึง หมู่บ้านฮัลสตัท อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร
หมู่บ้านฮัลสตัท (HALLSTATT)
หมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึงพันคน มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงชัน บ้านเรือนในเมืองนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่แคบๆ ริมทะเลสาบ Hallstatter See จึงต้องสร้างลดหลั่นเป็นชั้นๆ ตามแนวเขาเหมือนกับสวนลอยฟ้า เนื่องจากเขาตั้งสูงชันเหนือผืนน้ำ มีแต่ทางเดินแคบๆผ่านหน้าบ้านที่เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขึ้นไปตามไหล่เขาเท่านั้นดินแดนแถบนี้พบร่องรอยผู้คนที่อาศัยมานานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ราวห้าพันปีก่อนคริสตกาล เพราะที่นี่เป็นแหล่งเกลือขนาดใหญ่ ยุคเหล็กราวปี 800-400 ก่อนคริสตกาลได้ชื่อตามที่นี่ว่า Hallstatt Iron Age สมัยก่อนใช้เกลือในการถนอมอาหาร ฉะนั้นที่ไหนมีเกลือก็เหมือนมีทองในปัจจุบัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมิลสตัท (MILLSTATT) (140 กิโลเมตร) หมู่บ้านตากอากาศเล็กบรรยากาศเงียบสงบ เมืองแห่งรีสอร์ทเพื่อสุขภาพและสปาแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบทะเลสาบ Lake Millstatt (Millstätter See)
จากนั้นให้ท่านได้ผ่อนคลายไปกับการแช่น้ำแร่ที่ THERMAL ROMERBAD SPA
แช่น้ำแร่ THERMAL ROMERBAD SPA
อิสระให้ท่านได้ แช่น้ำแร่ ในบ่อน้ำแร่ ด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะและอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ท่านรู้สึกผ่อนคลาย เลือดลมไหลเวียนดี มีทั้งแบบบ่อน้ำแร่ในร่มและกลางแจ้งให้ท่านได้เลือกผ่อนคลายในวิวที่แตกต่างกัน เป็นกิจกรรมผ่อนคลายในช่วงฤดูหนาวที่เข้ากันได้ดี ***กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำสำหรับแช่น้ำ***
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม SEEGLÜCK HOTEL FORELLE หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง
มิลสตัท – อูดิเน – ชมเมือง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอูดิเน่ (UDINE) ประเทศอิตาลี (178 กิโลเมตร)
เดินทางถึงเมืองอูดิเน (UDINE) เมืองชายแดนของประเทศอิตาลี และหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นปกครองตัวเองฟรีอูลี-เวเนเซียจูเลีย (Friuli-Venezia Giulia) ของประเทศอิตาลี เป็นผลให้เมืองนี้ได้รับการเฉลิมฉลองในฐานะหัวใจของวัฒนธรรมของชาวฟรีอูเลียน อีกทั้งเมืองอูดิเนยังอยู่ห่างจากทะเลเอเดรียติกเพียง 40 นาที โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงตระหง่าน ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่แปลกประหลาดทำให้ที่นี่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ชมเมืองเมืองอูดิเน (UDINE)
ชมเมืองอูดิเน
นำท่านเดินชมเมืองอูดิเน ชมจัตุรัสใจกลางเมือง Piazza della Liberta จตุรัสที่ตกแต่งสไตล์เวเนเชี่ยนที่สวยงามนำท่านเดินไปตามทางเดินที่สวยงามชมบรรยากาศของเมืองถนนที่ปูไปด้วยหิน ระหว่างทางผ่านชมโบสถ์ซานตามาเรีย (Church of Santa Maria al Castello) ที่มีทูตสวรรค์สีทองอยู่บนยอดขอหอระฆังเพื่อแสดงถึงทิศทางของสายลม เดินเข้าชมปราสาทอูดิเน (Udine Castle) เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานหลักของเมืองและตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 138 เมตรในใจกลางเมือง ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระสังฆราชแห่ง Aquileia และร้อยตรีเวนิสแห่ง Patria del Friuli ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าตั้งแต่ช่วงปี 1,300 ถึง 1,800 อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวของเมือง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ จากนั้นนำท่านเดินเล่นที่ถนนคนเดิน อิสระให้ท่านได้เดินชมเมืองจนกระทั่งได้เวลาบ็บภาพเอหเอหอดหดห
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม BEST WESTERN HOTEL CONTIENTAL หรือเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง
อูดินี – เวนิส เมสเตร – ล่องเรือเข้าสู่เกาะเวนิส
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส เมสเตร (VENICE MESTRE) (131 กิโลเมตร)
เดินทางถึงเมืองเวนิส (ฝั่งเมสเตร) ฝั่งแผ่นดินใหญ่ เมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของประเทศ อิตาลี เป็นเมืองที่แสนโรแมนติกที่ไม่เหมือนเมืองใดในโลก ไม่อนุญาตให้รื้อสิ่งก่อสร้างเก่าไม่มีรถยนต์ มีแต่เรือที่จำกัดไม่ให้เสียงดัง ดังนั้นทั่วโลกจึงหลงใหลมนต์เสน่ห์อันสุนทรีย์ของเวนิชตลอดมา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto Pier)
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแบบไพรเวท ไปตามลำคลองสู่ท่าเรือซานมาร์โค เมืองเวนิส
เมืองเวนิส (VENICE)
หนึ่งในเมืองที่สวยและมีชื่อเสียงที่สุดในอิตาลี เป็นเมืองที่รู้จักกันในด้านของความเจริญรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ และศิลปะที่ได้รับหลายฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water) เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light) อีกทั้งยังเป็นเมืองที่โรแมนติกเมืองหนึ่งในยุโรปที่ไม่เหมือนเมืองใดในโลก ไม่มีการอนุญาตให้รื้อสิ่งก่อสร้างเก่า ไม่มีรถยนต์มีแต่เรือที่จำกัดไม่ให้เสียงดัง ดังนั้นทั่วโลกจึงหลงใหลมนต์เสน่ห์อันสุนทรีย์ของเวนิส
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม RADISSON COLLECTION HOTEL, PALAZZO NANI หรือเทียบเท่า เพื่อเช็คอินและผ่อนคลายอิริยาบถ จากนั้นอิสระให้ท่าน เดินเล่นชมเมืองเวนิซ และช้อปปิ้ง ในช่วงเทศกาลหน้ากากเวนิส คาร์นิวัล (Venice Carnival) สินค้าที่มีให้เลือกมากมาย เวนิซเป็นเมืองที่มีซอกเล็กซอกน้อยมากมาย ท่านจะเพลิดเพลินอย่างมากในการเดินเล่นในเมืองเวนิซ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม RADISSON COLLECTION HOTEL, PALAZZO NANI หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)
วันที่หกของการเดินทาง
เวนิส – ชมเมือง – เทศกาลหน้ากากเวนิสคาร์นิวัล
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นพาท่านชมเมืองเวนิส
ชมเมืองเวนิส
นำท่าน ถ่ายภาพบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค จัตุรัสที่สวยงามที่สุดในอิตาลี ผ่านชมมหาวิหารซานมาร์โค พระราชวังดอจ สิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มากว่า 800 ปีมาแล้ว เมื่อสมัยเวนิสยังเป็นสาธารณะรัฐอิสระซึ่งเคยร่ำรวย และมีอำนาจมหาศาล และเคยส่งให้มาร์โคโปโลเดินทางไปเมืองจีน ชมโรงงานเป่าแก้วมูราโน ชมเทคนิคการเป่าแก้วซึ่งมีความชำนาญและสอนกันในเฉพาะวงศ์ตระกูลเท่านั้น มีเวลาให้ท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิซตามซอกซอยต่างๆ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่าน สัมผัสกับมหกรรมความสวยงาม และสนุกสนานของเทศกาลหน้ากากเวนิส คาร์นิวัล (Venice Carnival)
Venice Carnival
สัมผัสกับมหกรรมความสวยงาม และสนุกสนานของเทศกาลหน้ากากเวนิส คาร์นิวัล (Venice Carnival) เทศกาลเก่าแก่ย้อนกลับไปสู่ยุคกลางสมัยศตวรรษที่ 12 ที่ได้รับการสืบสานจากลูกหลานจวบจนถึงปัจจุบัน ระหว่างเทศกาลชาวเมืองจะร่วมกันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ประดับประดาอย่างสวยสดงดงาม พร้อมสวมหน้ากาก ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากรูปคน หรือรูปสัตว์ ออกมาประชันโฉมกันที่จัตุรัสประจำเมือง
ลานวิหารสำคัญของเมืองสะพานข้ามคลองท่าเทียบเรือ หรือแม้แต่บนเรือกอนโดลา (Gondola) สร้างสีสันให้แก่เกาะเวนิสยิ่งนัก นำท่านเดินเที่ยวชมตามถนนต่างๆ ของเมืองเวนิสที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่สวมหน้ากากสีสันสดใส และแต่งกายด้วยชุดแฟนซีย้อนยุค อีกทั้งยังมีการจัดงานเต้นรำ งานแสดงคอนเสิร์ต และขบวนพาเหรดเรือกอนโดล่า ตลอดเทศกาล จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม RADISSON COLLECTION HOTEL, PALAZZO NANI หรือเทียบเท่า(พักคืนที่ 2)
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
เวนิส – ราเวนนา – ชมเมือง – ซาน มาริโน – ชมเมือง – ริมินี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านนั่งเรือกลับสู่เวนิสฝั่งเมสเตร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองราเวนนา (RAVENNA) (150 กิโลเมตร)
เมืองราเวนนา (RAVENNA)
นครแห่งกระเบื้องโมเสกของอิตาลี เมืองราเวนนาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี อยู่ในภูมิภาคเอมิเลีย-โรมันญ่า (Emelia-Romagna) โดยมีเมืองโบโลญญาเป็นเมืองหลวงของแคว้น เมืองราเวนนาเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรโรมันตะวันตก ในราวคริสตศตวรรษที่ 5-6 เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ค่อนข้างเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งคริสต์ศาสนสถานสมัยคริสเตียนยุคแรกที่ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถึง 8 แห่ง ในปี1996 ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของมหาวิหารกระเบื้องโมเสก รวมไปถึงบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ในแบบเมืองเล็กๆของอิตาลีได้เป็นอย่างดี
เดินทางถึง เมืองราเวนนา
ชมโบสถ์ซาน วิตาเล
นำท่านเข้าชม โบสถ์ซาน วิตาเล (San Vitale Basilica) ซาน วิตาเล เป็นโบสถ์รูปทรง 8 เหลี่ยม สร้างในศตวรรษที่ 6 เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองในการใช้โมเสกมาทำเป็นรูป ภาพประดับประดาอยู่ภายในโบสถ์ เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นโบสถ์ก่อด้วยอิฐดูธรรมดามาก แต่โบสถ์นี้มีอายุเก่าแก่กว่าพันห้าร้อยปี แต่ภาพโมเสกทั้งหลายยังคงสีสันสดใสเป็นที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก ภาพโมเสกพวกนี้จะบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิ้ลโดยเฉพาะจากพระคัมภีร์เดิม (The Old Testament) ด้วยภาพโมเสกตามเสาตามช่องตามโค้ง ภาพโมเสกลักษณะนี้จะโดดเด่นมากในศิลปะแบบไบแซนไทน์ จนได้เวลาสมควร
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ซาน มาริโน (SAN MARINO) (80 กิโลเมตร) หรือ สาธารณรัฐ ซาน มารีโน (Repubblica di San Marino)
เมืองซาน มาริโน (SAN MARINO)
ประเทศที่เล็กที่สุดลำดับที่สามของโลก รองจากโมนาโก (Monaco) และรัฐวาติกัน(Vatican) แต่เป็นประเทศสาธารณรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่มีอิสรภาพมายาวนานถึง 1,700 ปี ซานมารีโน เป็นหนึ่งในสองรัฐอิสระในประเทศอิตาลีเช่นเดียวกับรัฐวาติกัน ตั้งอยู่บนเทือกเขาอัพเพนนินี (Appennini) สาธารณรัฐซานมารีโน มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานย้อนไปถึงปี ค.ศ. 257 ( พ.ศ. 800) โดยช่างตัดหินชื่อ “มารีโน” (Marino) กับ “ลีโอเน” (Leone) ได้พากันหลบหนีการเบียดเบียนคริสตศาสนาของจักรพรรพิ์ดิโอเคลเทียน (Diocletien) จากเกาะอาร์เบ (Arbe) ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน มาหลบภัยและตั้งกลุ่มคริสต์ชนบนเขาตีตาโน อันเป็นที่ตั้งของซานมารีโนในปัจจุบัน “มารีโน” ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญ อันเป็นที่มาของชื่อ “ซานมารีโน” (San Marino)
เดินทางถึงเมือง ซาน มาริโน นำท่านชมเมือง
ชมย่านเมืองเก่าซาน มาริโน
นำท่านเดินเล่นชมเมือง เขตเมืองเก่าจะอยู่บนผาสูงชัน ส่วนเขตเมืองใหม่จะอยู่บนที่ราบเชิงเขาเป็นเขตที่อยู่อาศัย มีถนนแคบๆ จากพื้นราบขึ้นไปบนเขา รถบัสขนาดใหญ่จะขึ้นได้แค่ที่จอดรถแล้วต้องเดินเท้าต่อไปเอง
นำท่านชมและถ่ายภาพ บริเวณอาคารสาธารณรัฐ (Palazzo Pubblico) , วิหารนักบุญมารีโน (Basilica di San Marino) ผู้สถาปนาและองค์อุปถัมภ์ของรัฐซานมารีโน, รูปปั้นจูเซ็บเปกา ริบัลดี รัฐบุรุษและนักรบกู้ชาติคนสำคัญของอิตาลีที่เคยมาหลบภัยที่ซานมารีโน , หอกูไอตา (GUIATA FORTRESS) ป้อมค่ายแรกบนยอดเขาตีตาโน อายุ 1000 ปี อิสระท่านถ่ายภาพ เดินชมเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย จนได้เวลาสมควร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองริมินี (RIMINI) (25 กิโลเมตร)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม GRAND HOTEL RIMINI หรือเทียบเท่า
ริมินี – อาเรซโซ ชมเมือง – โรม
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาเรซโซ (AREZZO) (132 กิโลเมตร)
เมืองอาเรซโซ
เมืองอาเรซโซตั้งอยู่ในเขตทัสคานีของอิตาลี ที่ความสูง 296 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นำท่านชมจัตุรัสแกรนด์ (PIAZZA GRANDE) จัตุรัสยุคกลางและเป็นจัตุรัสใหญ่ของเมืองอาเรสโซ ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของเมือง ปัจจุบันเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของอาเรสโซ ชมวิหารอาเรซโซ(AREZZO CATHEDRAL) วิหารที่มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิคแบบอิตาลีสมัยต้น มีหน้าต่างกุหลาบและลายลอมบาร์ดรอบเชิง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงโรม (218 กิโลเมตร)
กรุงโรม (Rome)
เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม NH COLLECTION ROMA VITTORIO VENNETO หรือระดับเทียบเท่า
โรม – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมเมืองโรม เข้าชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน (ST.PETER BASILICA) นครรัฐอิสระ ศูนย์กลางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ให้ท่านชมความยิ่งใหญ่ของศิลปะการออกแบบผลงานอันล้ำค่า โดยปรมาจารย์บราเมนเต้ ราฟาเอล และไมเคิล แองเจโล
ชมเมืองโรม
จากนั้นนำท่าน ผ่านชมพระราชวังคริรีนาเล ที่พักของประธานาธิบดีถ่ายภาพกับโคลอสเซี่ยมสนามประลองการต่อสู้ของคนกับสัตว์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ผ่านชมโรมันฟอรั่มแหล่งชุมนุมของชาวโรมันในอดีตสนามแข่งรถม้าศึกเซอร์กัส แม็กซิมุส หรือที่รู้จักกันดีในภาพยนตร์เรื่อง “เบนเฮอร์”ผ่านชมวังซีซาร์ อดีตที่ประทับของจักรพรรดิโรมัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่าน ถ่ายภาพกับน้ำพุเทรวี (TREVI FOUNTAIN)
น้ำพุเทรวี / ย่านบันไดสเปน
งานประติมากรรมของเทพนิยายกรีก ที่มาของบทเพลง “ทรีคอยน์ อิน เดอะ ฟาวน์เทน” ที่เชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแล้วท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง จากนั้นนำท่าน ชมย่านบันไดสเปน (SPANISH STEPS) บนถนนคอนดอตติ ย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่อของอิตาลี เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ที่ล้อมรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแล้ว จัตุรัสแห่งนี้ยังต่อตรงกับถนน VIA CONDOTTI ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Dior,Prada, Gucci,Amarni, Valentino, Versace, Fendi, Ferragamo, Cartier, Bulgari เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี อิสระให้ท่านได้เดินช้อบปิ้งจนกระทั่งได้เวลา
***แนะนำให้ท่านลองชิม ไอศกรีมเจลาโต (GELATO) ไอศกรีมขึ้นชื่อที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงอิตาลี ***
**** กฏเกณฑ์ที่สำคัญของการมานั่งที่บันไดแห่งนี้ คือห้ามกินไอศครีม! เนื่องจากบันไดสเปนเป็นอีกหนึ่งฉากที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ชื่อดัง (ปี1953) เรื่อง Roman Holiday ทำให้หนุ่มสาวหลายคู่เลียนแบบคู่พระเอกนางเอก ที่มานั่งจู๋จี๋กินไอติมกันอย่างมากมาย จนทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก และต้องออกกฎหมายห้ามจนถึงทุกวันนี้
อิสระให้ท่านช้อปปิ้งต่ออย่างจุใจ จนได้เวลาอันสมควร
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินฟูมิชิโน
19.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ ฯ โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH1871/LH772
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนีเวลา 21.15-22.20 น. ***
กรุงเทพฯ
14.55 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..