02 – 11 กรกฎาคม 2566
วันเดินทาง
สายการบินออสเตรียน
สายการบิน
ฝรั่งเศส, อิตาลี
ประเทศ

ทัวร์ยุโรป : SECRETS OF LAVENDER สายการบินออสเตรียน / ลุฟท์ฮันซ่า 10 วัน (OS/LH)

กำหนดการเดินทาง : 02 – 11 กรกฎาคม 2566

ประเทศ : อิตาลี – ฝรั่งเศส

สายการบิน : สายการบินออสเตรียน เที่ยวบิน OS 026/511

ราคา : 215,800 บาท

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

1

วันแรกของการเดินทาง

กรุงเทพฯ มิลาน

21.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบินออสเตรียน (OS) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

23.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี โดย สายการบินออสเตรียน เที่ยวบิน OS 026/511

2

วันที่สองของการเดินทาง

มิลาน – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง – ช้อปปิ้งเอาท์เลท – เจนัว – ชมเมือง

*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย เวลา 05.35 – 08.05 น. ***                                                                                

09.30 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

ของอิตาลี เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่น หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว

มิลาน / ชมเมือง / ช้อปปิ้ง

จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับโบสถ์ดูโอโม่แห่งมิลาน โบสถ์ใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป เป็นศิลปะแบบกอธิคที่หรูหรา และใช้เวลาในการสร้างนานเกือบ 500 ปี โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1386 และที่น่าทึ่งของโบสถ์ ก็คือการตกแต่งประดับประดาที่เน้นความหรูหราอย่างเต็มที่โดยเฉพาะรูปปั้นรอบตัวอาคาร มีจำนวนกว่า 3,000 ชิ้น ขวามือของโบสถ์มีอาคารทรงกากบาทหลังหนึ่ง และหลังคามุงด้วยกระเบื้องโปร่งใส เรียกกันว่า“อาเขต” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กษัตริย์ วิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ปฐมกษัตริย์ ของอิตาลีในการรวมชาติ

นำท่าน ช้อปปิ้งภายในอาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2(GALLERIA VITTORIO EMMANUELE II) ช้อปปิ้งอาเขตที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีชื่อเรียกเล่นๆว่าเป็นห้องนั่งเล่นของ เมืองมิลาน เพราะนอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงขายแล้วยังมีร้านกาแฟที่เรียกกันว่า ไซด์ วอล์ค คาเฟ่ สามารถนั่งจิบคาปูชิโน นั่งดูหนุ่มสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมความงดงามของอาคารหลังนี้ หรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  SERRAVALLE DESIGNER OUTLET (100 กิโลเมตร)

SERRAVALLE DESIGNER OUTLET

ตั้งอยู่ห่างจากเมืองมิลานเพียง 60 นาที เป็น outlet ที่มีพื้นที่มากที่สุดของยุโรป และบริหารงานโดย McArthurGlen Group เครือธุรกิจ Outlet ชั้นนำของยุโรป ซึ่งมี 13 แห่งในสหราชอาณาจักรฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และอิตาลี ร้านค้าใน Serravalle มีทั้งหมดกว่า 180 ร้าน แหล่งช้อปปิ้งที่พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบหรูหรา ด้วยร้านค้าที่นำเสนอแฟชั่นแบรนด์อิตาลีและแบรนด์ระดับโลกอื่นๆ อาทิ Gucci, Prada, Armani, Burberry, Nike, Adidas, Michael Kors, Calvin Klein, Benetton, Guess เป็นต้น ในราคาที่ลดลง

สุงสุดถึง 70% นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่หลากหลายให้เลือกใช้บริการอีกด้วย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งอย่างจุใจตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเจนัว (GENOA) (55 กิโลเมตร)

เจนัว (GENOA)

หนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของอิตาลี ทั้งยังเป็นรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ที่ลิกูเรีย ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเลอิตาลี ที่มีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึงปี ค.ศ. 1797 และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการเดินเรือนี่เอง จึงส่งผลให้เมืองเจนัวกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญริมฝั่งชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางฝั่งตะวันตกของอิตาลีไปโดยปริยาย เดินทางถึง เมืองเจนัว นำท่าน ชมเมืองเจนัว บริเวณย่านศูนย์กลางที่เรียกว่า เปียซซ่า เดย์ เฟร์รารี่ บริเวณที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวยุโรปคนแรกที่ค้นพบทวีปอเมริกา เคยอาศัยอยู่ตอนเด็กๆ ชมย่านเมืองเก่าที่ยังคงบรรยากาศของวันเวลา และกลิ่นอายของชุมชนในสมัยก่อนที่ยังคงมีอาคารโบราณในแบบสถาปัตยกรรมชาวโรมัน ซึ่งล้วนแต่มีอายุมากกว่า 500 ปีขึ้นไป ซึ่งในอดีตเป็นแหล่งรวมของกะลาสี พ่อค้า และผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH COLLECTION MARINA หรือเทียบเท่า

3

วันที่สามของการเดินทาง

เจนัว – ชิงเกว่ แตร์เร – ชมเมือง – เจนัว

 เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง ลา สเปเซีย (LA SPEZI

A) (90 กิโลเมตร) เมืองในเขตลิกูเรียทางตอนเหนือของอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเจนัว และปิซ่า บนทะเลลิกูเรีย และเป็นหนึ่งในอ่าวที่มีความ สำคัญทางด้านการค้า และการทหาร เดินทางถึง เมือง ลา สเปเซีย

จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่  ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE)

ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า “ห้าดินแดน”   (FIVE LANDS) ประกอบด้วย หมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIOMAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

จากองค์การยูเนสโก้อีกด้วย จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชมความงามและบรรยากาศของหมู่บ้านเป็นบางส่วน เฉพาะหมู่บ้านหลักๆที่เป็นไฮไลท์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลากันทั้งวันเลยทีเดียว โดยเฉพาะ หมู่บ้านริโอแมกจิโอเร (RIOMAGGIORE) เป็นหมู่บ้าน

เล็กๆ ที่มีเสน่ห์ และมีบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีตัดกับน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ให้ท่านชมและถ่ายรูปตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเจนัว (GENOA) (90 กิโลเมตร)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH COLLECTION MARINA. หรือเทียบเท่า

4

วันที่สี่ของการเดินทาง

เจนัว – มองเต คาร์โล – ชมเมือง – หมู่บ้านเอซ – โรงงานน้ำหอม นีส

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเต คาร์โล (MONTE CARLO) (180 กิโลเมตร)

มองเต คาร์โล (MONTE CARLO)

เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางตอนปลายของฝรั่งเศส นำท่าน ถ่ายภาพกับปาเล เดอ แปรงซ์ (PALAIS DE PRINCES) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ ชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหราซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่ง และร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้ แวะถ่ายภาพกับความหรูหราของคาสิโนแห่งมองเต คาร์โลซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของเมือง ผ่านชมมหาวิหารเซนต์นิโคลัส ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1875 ที่เคยใช้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ราชธิดาแห่งโมนาโค

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเอซ (EZE VILLAGE) (10 กิโลเมตร) หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส

หมู่บ้านเอซ (EZE VILLAGE)

หมู่บ้านบนยอดเขา ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของบรรยากาศที่โรแมนติก ลักษณะที่โดดเด่นของเมืองนี้ คือ จะเป็นถนนหรือทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ อาทิ น้ำหอม สบู่ งานช่างฝีมือ และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนต่างๆ รวมไปถึงร้านค้าที่เหมือนกับหอศิลป์ แสดงงานศิลปะมากมาย จนให้คำนิยามเมืองนี้ว่าเป็น “หมู่บ้านพิพิธภัณฑ์” ซึ่งได้มีการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างต่างๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งอาคารบ้านเรือน รวมทั้งร้านอาหารเก๋ๆมากมาย ทำให้บรรยากาศของเมืองนี้ เหมือนกับหลุดเข้าไปในเมืองแห่งเทพนิยายยังไงอย่างนั้น

โรงงานผลิตน้ำหอม FRAGONARD

นำท่าน เข้าชมโรงงานผลิตน้ำหอม ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ชมกระบวนการผลิตน้ำหอมด้วยการสกัด และการกลั่น ตลอดจนห้องจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของการผลิตน้ำหอม และคอลเล็กชั่นขวดน้ำหอมมากมาย เพื่อจะได้รู้ว่าน้ำหอมหรูหราจากแบรนด์ดังที่วางจำหน่ายกันอยู่ทั่วโลกมีที่มาอย่างไร จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองนีส (NICE) (15 กิโลเมตร)

นีส (NICE)

เมืองพักตากอากาศทางทะเลที่เรียกว่า เฟรนช์ ริเวียร่า มีชายทะเลที่สวยงาม ซึ่งเริ่มกลายเป็นสถานตากอากาศยอดนิยมของคนอังกฤษ และชาวยุโรปมาตั้งแต่สมัยวิคทอเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางมานีส เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ชายหาดของนีสไม่ใช่หาดทราย แต่จะเป็นหินก้อนเล็กๆที่ไม่คม ซึ่งคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนีส

เดินทางถึง เมืองนีส

จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้ง บริเวณจัตุรัสมาสเซนา (PLACE MASSENA) ตามอัธยาศัย หรือเดินเล่นริมหาดบน ถนนพรอมเมอนาร์ด เดส์ อังเกลส์ (PROMENADE DES ANGLAIS) ซึ่งอาจแปลได้ใจความว่า “ทางเดินของคนอังกฤษ” เนื่องจากเป็นถนนเลียบชายหาดที่สวยงามเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม LE MERIDIEN NICE. (CONFIRMED)

5

วันที่ห้าของการเดินทาง

นีส – ชมเมือง – หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี – ช่องแคบแวร์ดง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นีส / ชมเมือง / ช้อปปิ้ง

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองนีส เมืองซึ่งอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ร้านเสื้อผ้า ตลาดกลางแจ้ง ภัตตาคาร อันเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม  ถ่ายภาพกับโบสถ์นอร์ทเทรอดามของเมืองนีส (BASILQUE NOTRE-DAME DE NICE) เป็นโบสถ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบโกธิคอย่างชัดเจน เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและเป็นอาคารทางศาสนาแห่งแรกที่มีความทันสมัย ตั้งโดดเด่นสง่างามกลางถนนสายหลักในเมือง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี (MOUSTIERS STE MARIE) (145 กิโลเมตร)  

หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี

หมู่บ้านแห่งดวงดาว อีกหนึ่งหมู่บ้านสุดสวยในเขต Haute Provence (High Provence) ของฝรั่งเศส สวยจนได้รับเป็น Un Les Plus Beaux Village de France (one of The Most Beautiful Villages of France) หมู่บ้านหินนี่ตั้งอยู่ใต้ชะง่อนเขา มีดาวสีทองผูกไว้ระหว่างสองยอดเขาสัญลักษณ์ของหมู่บ้านใจกลาง หมู่บ้านมีธารน้ำตกไหลผ่าน ดอกไม้หลากสีที่พร้อมใจกันออกดอกสวยบนถนนสายเล็กๆ งดงาม เดินทางถึง หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี

หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี / ชมเมือง

นำท่านชมจุดสำคัญที่สุดของเมืองนี้อันได้แก่ ดวงดาว (l’Etoile) ซึ่งมีเรื่องเล่าขานต่อกันมาว่า อัศวินคนนึ่งซึ่งตกไปเป็นเชลยศึกในช่วงสงครามครูเสด ได้ตั้งอธิษฐานว่า “หากมีโอกาสได้กลับบ้านอีกครั้ง จะนำดวงดาวไปแขวนไว้ระหว่างยอดเขา ณ หมู่บ้านของข้า” แสดงว่าคำอธิษฐานของเขาคงเป็นจริง จึงมีดาวแขวนให้เราเห็นอยู่จนทุกวันนี้ สำหรับ l’Etoile ถือเป็นเป็นสัญลักษณ์ของความสมหวังในการขอพรมีขนาดวัดได้ 1.25 เมตร ส่วนโซ่ที่แขวนดาวไว้ยาว 135 เมตร น้ำหนัก 150 กิโลกรัม และมิได้คงทนถาวรตลอดไป ในรอบหนึ่งร้อยปีจะมีอันตกลงมา แล้วต้องเปลี่ยนขึ้นไปใหม่อยู่ 2 ครั้งด้วยกัน เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ความสวยงามอีกอย่างหนึ่งก็คือ การได้เห็นบ้านเรือนสวยๆโดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ท้องฟ้า และแน่นอนเมื่อมองดีๆ ก็จะมีดวงดาวดวงนั้นปรากฏให้เห็นอยู่ด้วย ไฮไลท์ของหมู่บ้านแห่งนี้อีกอย่างหนึ่งคือ เครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า Faïence เป็นภาชนะที่ทำจากดินเผา เครื่องเซรามิก ที่นี่ทำกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดินเผาที่ทำได้ประณีตที่สุดในประเทศ ถึงขนาดพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังโปรดให้สั่งเข้าไปใช้ในภายในวังอีกด้วย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง และถ่ายภาพความงดงามตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก HOTEL & SPA DES GORGES DU VERDON (20 กิโลเมตร)  (CONFIRMED)

โรงแรมทำเลยอดเยี่ยมตั้งอยู่ใจกลางบริเวณช่องแคบแวร์ดง ซึ่งถือเป็นสถานที่อันเป็นไฮไลท์ของภูมิภาคนี้

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก

6

วันที่หกของการเดินทาง

ช่องแคบแวร์ดง – เส้นทางถนนสายลาเวนเดอร์  วาลองโซล   หมู่บ้านคูสสิยงอาวิญง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ช่องแคบแวร์ดง (LES GORGES DU VERDON) (10 กิโลเมตร) หรือเรียก

สั้นๆ กันว่า Grand Canyon ของฝรั่งเศส

ช่องแคบแวร์ดง (LES GORGES DU VERDON)เป็นช่องแคบที่มีความลึก 300-700 เมตรเลยทีเดียว เมื่อมองลงไปด้านล่างมนุษย์จะดูเหมือนมด อีกทั้งแม่น้ำที่ไหลผ่านจะเห็นเป็นริบบิ้นสีเขียว จนนึกไม่ถึงเลยว่าสายน้ำเล็กๆที่มองเห็นอยู่นั้นมีความกว้างถึง 8 เมตร และไหลลงสู่หินด้วยความแรงจนกระทั่งสามารถกัดเซาะหินให้เป็นร่องยาวถึง 25 กิโลเมตร หน้าผาที่ถูกน้ำกัดเซาะกับธารน้ำสีเทอควอยส์นั้น จึงกลายเป็นช่องแคบระหว่างเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งถือเป็น One of Europe’s most beautiful ที่ไม่ควรพลาดชม อิสระให้ท่านถ่ายภาพความงดงามตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองวาลองโซล (VALENSOLE) (50 กิโลเมตร)

วาลองโซล (VALENSOLE)

เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ของทุ่งลาเวนเดอร์กว้างใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ จะแวะมาทักทายเป็นระยะๆ จนท่านแทบจะอดใจไม่ไหวที่อยากจะกระโดดลงไปในท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ที่ละลานตาไปด้วยลาเวนเดอร์ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ชูช่อออกมาเป็นแนวทิวแถวเลยทีเดียว

อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพกับทุ่งลาเวนเดอร์ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมาโนสก์ (MANOSQUE) (25 กิโลเมตร) ที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าชื่อดัง L’occitane en provence ที่ส่งขายไปยัง 85 ประเทศทั่วโลก และมีร้านค้ากว่า 900 ร้าน ในปัจจุบัน นำท่าน แวะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ L’occitane สินค้านำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตมาจากธรรมชาติล้วนๆ อาทิเช่น ดอกลาเวนเดอร์ ดอกส้ม มะกอก น้ำผิ้ง อัลมอลล์ La verveine ฯลฯ จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เส้นทางถนนสายลาเวนเดอร์ในเขตเทือกเขาลูเบอรอง (LUBERON) เพื่อ

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านคูสสิยง (ROUSSILLON) (55 กิโลเมตร)

หมู่บ้านคูสสิยง (ROUSSILLON)

หมู่บ้านโทนสีส้มอันเนื่องมาจากแหล่งแร่ Ocre แร่ธาตุพิเศษ ที่ทำให้ภูเขามีสีสัน ส้ม แดง เหลือง และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ใช้ในการผลิตสีฝุ่น และกลายเป็นสินค้าโอทอปของหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านที่ผู้รักในงานศิลปะ และสีสันควรมาเดินเล่น และถ่ายภาพขอบฟ้าสีฟ้าสวยตัดกับอาคารสีส้มดูสวยสะดุดตา จนขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศสอีกแห่งหนึ่ง จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาวิญง (AVIGNON) (50 กิโลเมตร)

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก HOTEL 1770 & SPA, AVIGNON. (CONFIRMED)

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก

7

วันที่เจ็ดของการเดินทาง

อาวิญง – ชมเมือง เกรอนอบ – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองอาวิญง

อาวิญง (AVIGNON)

เมืองยุคกลางที่พระสันตะปาปาคลีเมนต์ ที่ 5 แห่งโรม อพยพหนีความวุ่นวายทางการเมืองมาตั้งศูนย์กลางทางศาสนาขึ้นในช่วง ศตวรรษที่14 ปัจจุบันมีชื่อเสียงอย่างมากทางด้านศิลปะและบันเทิง จุดสนใจที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาชมกันมาก คือ เมืองโบราณที่มีกำแพงล้อมรอบ เดินทางถึง เมืองอาวิญง

อาวิญง / ชมเมือง

นำท่าน ถ่ายภาพคู่กับสะพานเซนต์เบเนเซ่ (Pont Saint-Bénézet) หรือสะพานแห่งเมืองอาวิญง (Pont d’Avignon)  สะพานคอนกรีตโบราณขาดเหลือไม่ถึงครึ่ง ที่ใช้ในการข้ามแม่น้ำโรนน์ ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องหมายการแบ่งแยกดินแดนของฝรั่งเศสกับคริสตจักรที่ไม่ราบรื่น เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากบทเพลง (ซูริ เลอ ปองต์ดาวิญง) ที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุด

เข้าชมพระราชวังของสันตะปาปา (PALAIS DES PAPES) ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และเคยเป็นที่ประทับขององค์พระสันตะปาปาถึง 7 พระองค์ แม้จะถูกทำลายไปจากการเกิดเพลิงไหม้ในบางส่วนแต่ก็ได้รับการบูรณะและกลับเป็นเหมือนดังเดิม พระราชวังของพระสันตะปาปาแห่งอาวิญง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 ได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเกรอนอบ (GRENOBLE) (230 กิโลเมตร)

เกรอนอบ (GRENOBLE)

เมืองศูนย์กลางของเฟรนช์แอลป์ โดยเฉพาะในด้านการคมนาคม เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนมี “ซัมเมอร์คอร์ส” ที่มีชื่อเสียงมาก และขณะเดียวกันในฤดูหนาวก็ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเล่นสกีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เดินทางถึง เมืองเกรอนอบ นำท่าน ผ่านชมอาคารรัฐสภาโดฟีเน (Palace of the Parliament of dauphiné) อีกหนึ่งอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ได้กลายเป็นมรดกทางด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญของเมือง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม PARKHOTEL GRENOBLE – MGALLERY.  (CONFIRMED)

8

เกรอนอบ – ชาโมนิกซ์ – ยอดเขามองบลองก์  – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชาโมนิกซ์ (CHAMONIX) (150 กิโลเมตร)

ชาโมนิกซ์  (CHAMONIX)

เมืองท่องเที่ยวชื่อดัง และเป็นเมืองพักตากอากาศที่อยู่ติดกับเทือกเขาแอลป์ และสวิสเซอร์แลนด์ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดปีเป็นที่นิยมของคนฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก เดินทางถึง เมืองชาโมนิกซ์ อิสระให้ท่านเดินเล่นผ่อนคลายไปกับบรรยากาศของเมืองตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สถานีรถกระเช้าลอยฟ้าเอกุยย์ดูมีดี (Aiguilledu Midi สูง 3,842 ม.)เพื่อนำท่านสู่ ยอดเขามองบลองก์ยอดเขามองบลองก์ (MONT BLANC)ระหว่างขึ้นท่านสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามที่แวดล้อมไปด้วยหิมะ และต้นไม้ หรือวิวทิวทัศน์ของเมืองชาโมนิกซ์ จนถึงยอดเขา Aiguille du Midi นำท่านข้ามสะพานลอยเพื่อเดินทางสู่ลิฟท์ เพื่อขึ้นสู่ยอดเขา ชมยอดเขามองบลองก์ที่ถือว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของยอดเขามองบลองก์ 

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม MERCURE CHAMONIC CENTRE. (CONFIRMED)

9

ชาโมนิกซ์ อีวัวร์ – ชมเมือง – เจนีวา – ชมเมือง – กรุงเทพฯ

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอีวัวร์ (YVOIRE) (100 กิโลเมตร) หมู่บ้านชื่อดังในฝรั่งเศสที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี

อีวัวร์  (YVOIRE)

หมู่บ้านอีวัวร์อยู่ติดกับทะเลสาบเจนีวา มีความสวยงามด้วยความเก่าแก่ของตัวบ้านและการประดับประดาตกแต่งของดอกไม้หลากสี ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่หมายตาของนักเดินทาง  ตัวบ้านเรือนถูกประดับด้วยดอกไม้นานาชนิดไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตามจนได้รับรางวัล Four Flowers ระดับยุโรป และได้รับการขนานนามว่า หมู่บ้านดอกไม้ ที่ได้รับรางวัล International Trophy for Landscape และพืชสวน อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านตัวอย่างของฝรั่งเศสใน ปี 2002 อีกด้วย นำท่านเชมเมืองตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงเจนีวา (GENEVA) (30 กิโลเมตร)

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ

17.35 น.ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH 2387/772

 *** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนีเวลา 18.45 – 22.25 น. ***

10

กรุงเทพฯ

14.10 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…