29 กันยายน – 12 ตุลาคม 2566
วันเดินทาง
การบินไทย (TG)
สายการบิน

ทัวร์ยุโรป : Dream come true MEDITERRANEAN sea 14 วัน (EK)

กำหนดการเดินทาง : 29 กันยายน – 12 ตุลาคม 2566

ประเทศ :  Portugal – Spain – France – Italy

สายการบิน : EMIRATES AIRLINE  เที่ยวบินที่ EK 375/193

ราคา :  329,800 บาท

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

1

วันแรกของการเดินทาง

กรุงเทพ ฯ – ลิสบอน

06.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน EMIRATES AIRLINE (EK) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

09.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยสายการบิน EMIRATES AIRLINE  เที่ยวบินที่ EK375/193 (แวะเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบิน กรุงดูไบ 13.00 – 14.25 น.)                

19.40 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงเมืองลิสบอน (LISBON)  ประเทศโปรตุเกสหลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

ลิสบอน (LISBON)

เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส เนื่องจากลิสบอนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป และติดกับมหาสมุทร จึงทำให้ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม ทำให้ลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีภูมิอากาศที่อบอุ่นที่สุดในยุโรป

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม RADISSON BLU HOTEL LISBON หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)

2

วันที่สองของการเดินทาง

ลิสบอน  – ซินตร้า –  พีน่า พาเลซ  – ลิสบอน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซินตร้า (SINTRA) (30 กิโลเมตร)

ซินตร้า / พีน่า พาเลซ 

จากนั้นนำท่าน เข้าชมพีน่า พาเลซ (Pena National Palace) พระราชวังที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองซินตร้า โดยพระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศโปรตุเกส ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโปรตุเกส โดยในอดีตพระราชวังถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์โปรตุเกสมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ภายในถูกตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรงดงาม

โดยเฉพาะพื้นกระเบื้องที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดในโปรตุเกส ส่วนใกล้ๆกับพระราชวังจะเป็นพีน่าพาร์ค (Pena Park) สวนป่าขนาดใหญ่ ที่มีการจัดแต่งด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองลิสบอน (30 กิโลเมตร)

เดินชมย่านเมืองเก่า ALFAMA

นำท่านเดินชมบรรยากาศย่านเมืองเก่าอัลฟามา(ALFAMA) พาท่านเข้าชมโบสถ์National Pantheon เป็นโบสถ์ที่มีความใหญ่โตและลักษณะโดดเด่นของหลังคาโดมสีขาวที่สวยงาม อิสระให้ท่านเดินชมด้านในของตัวโบสถ์ อีกทั้งด้านบนของโบสถ์ท่านสามารถชมวิวสวยงามของย่านเมืองเก่า Alfama และปากแม่น้ำไตย์ฌู ชมบริเวณตลาดนัด Feira da ladra ซึ่งการมาที่เที่ยวที่ลิสบอนจะไม่สมบูรณ์ถ้าหากไม่ได้มาเยือนที่นี่ ตลาดนัดวินเทจที่จะเปิดทุกวันอังคารและวันเสาร์ ตลอดทางจะมีผู้คนมาเปิดท้ายขายของ อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีสตรีทอาร์ตเก๋ๆให้ท่านได้เดินชมอีกด้วย จากนั้นพาท่านสู่บริเวณ Miradouro da Graça เป็นจุดชมวิวที่สุดแสนโรแมนติก สามารถมองออกไปเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองลิสบอนแบบพาโรนามา ชมบริเวณ Miradouro das Portas do Sol จุดชมวิวที่สวยงามอีกหนึ่งจุดของเมืองลิสบอน ที่มีเอกลักลักษณ์ด้วยรูปปั้นของนักบุญวินเซนต์ ที่ยืนถือเรือไว้ที่มือด้านซ้าย

ชมจตุรัส PLAZ ROSSIO

จากนั้นนำท่าน เดินเล่นบริเวณย่าน Plaza Rossio ย่านใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนออกมาพบปะสังสรรค์ จับจ่ายซื้อของกัน ซึ่งย่านนี้จะมีร้านกาแฟเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมานาน ศูนย์การค้า ถนนสายช้อปปิ้ง ร้านอาหารมากมาย ชมวิถีชีวิตของผู้คนที่ขวักไขว่ไปมาทั้งเลือกซื้อของที่ระลึกมากมายอิสระให้ท่านเดินเล่น และช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม RADISSON BLU HOTEL LISBON หรือเทียบเท่า (พักคืนที่ 2)

3

วันที่สามของการเดินทาง

ลิสบอนล่องเรือสำราญสุดหรู NORWEGIAN VIVA CRUISE

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านชมเมืองลิสบอส

ชมเมืองลิสบอน

จากนั้นนำท่าน เข้าชมวิหารเจอโรนิโม (JERONIMOS MONASTERY) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วาสโก ดากามา ที่ได้เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี 1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่า มานูเอลไลน์ (MANUELINE) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 70 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นำท่าน ถ่ายภาพกับหอคอยเบเลม (BELEM TOWER) เดิมสร้างไว้กลางน้ำ เพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจและค้นพบโลกของวาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมมานูเอลไลน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จนำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ

นำท่านเช็คอินขึ้นสู่ เรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

NORWEGIAN VIVA CRUISE

เรือสำราญสุดหรู 20 ชั้น ลำใหม่ล่าสุด จากทาง NORWEGIAN CRUISE ที่เปิดตัวให้บริการสู่น่านน้ำในปี 2023 นี้ สร้างขึ้นโดยบริษัท Fincantieri S.p.A บริษัทอู่ต่อเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลกของอิตาลี สร้างสรรเรือสำราญให้ท่านได้เดินทางบนมหาสมุทรเพื่อยกระดับความพิเศษกับประสบการณ์ความประทับใจในการเดินทางที่ไม่รู้ลืม

แนะนำส่วนต่างๆและ

ซักซ้อมการปฏิบัติตัวบนเรือ

หลังจากที่ขึ้นเรือมาแล้วนำท่านเก็บสัมภาระในห้องพัก ให้ท่านเดินสำรวจที่ตั้งของส่วนต่างๆของเรือ และในวันนี้ทางเรือจะจัดกิจกรรมอธิบายกฏต่างๆในการล่องเรือสำราญและซ้อมการเตรียมตัวการหนีภัยตามหลักสากล (Muster Drill) ทุกท่านต้องเข้าร่วมในการฝึกซ้อมครั้งนี้ *เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยสากล ขอความร่วมมือทุกท่านปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

EXPERIENCES & ENTERTAINMENT ON NORWEGIAN VIVA CRUISE

VIVA SPEEDWAY

ท้าทายลมทะเลด้วยการขับรถโกคาร์ท กับ NCL’s Famous Viva Speedway ที่มีขนาดของสนามที่ยาวขึ้น ใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยมีมา สัมผัสกับประสบการณ์ความตื่นเต้นเร้าใจใรขณะที่เหยียบคันเร่ง บนสนามแข่งเคลื่อนที่กลางทะเลที่มีสามระดับบนเรือสุดหรู

THE DROP & THE RUSH

ให้ท่านได้ลองสไลด์ตัวลงบน The Drop สไลเดอร์แห้งที่เร็วที่สุดในทะเล ด้วยความสูง 10 ชั้น สไลด์เดอร์ใหม่ล่าสุดของเรือ Norwegian Viva  หรือเพิ่มความท้ายทายด้วยการแข่งขันด้วยการสไลด์ลงมาแข่งกับเพื่อนด้วย The Rush สไลด์เดอร์คู่

SPLASH THE DAY AWAY

สนุกสนานไปกับสวนน้ำบนเรือหรูที่มีทั้งสวนน้ำสำหรับเด็ก (Kids’ Aqua Park)  และสวนน้ำและสระว่ายน้ำ (Aqua Park and Main Pool) พร้อมด้วยสระน้ำอุ่น ให้ท่านได้ใช้เวลาเล่นน้ำกลางมหาสมุทรและยังมี Wave Pool Bar สำหรับผ่อนคลายริมสระพร้อมจิบเครื่องดื่มเพื่อผ่อนคลายในวันที่ไม่ต้องการความเร่งรีบ

CASINOS AT SEA

ในฐานะที่ NCL เป็นผู้นำด้านเรือแห่งความบันเทิงเต็มรูปแบบ CASINOS AT SEA นั้นมีขึ้นมาเพื่อให้ท่านได้พบกับประการณ์การคาสิโนกลางมหาสมุทร เพื่อผ่อนคลายหาความสนุกสนานด้วยสล็อตอันใหม่ล่าสุด ยิ่งใหญ่และเป็นที่นิยมที่สุด อีกทั้งยังมี BLACKJACK, CRAPS, ROULETTE และอีกมากมายให้ท่านได้ลองเสี่ยงโชค

GAME GALLERY

สนุกสนานเล่นเกมที่ทาง NCL ได้จัดสรร กิจกรรมเล่นเกมให้ท่านได้ร่วมเล่น อาทิเช่น เล่นปาเป้าในผับ The Bull’s Eye หรือลองไปตีลูก hole in one ที่ Tee Time ประสบการณ์เล่นมินิกอล์ฟแบบอินเทอร์แอกทีฟและดื่มด่ำกับเทคโนโลยีสุดล้ำ หรือเล่นShuffleboard, Pickleball, Beer pong และ Basketball ที่ The Stadium จากนั้นฉลองชัยชนะของท่านที่ Viva Speedway Bar ทุกกิจกรรมอยู่ในที่เดียวที่ชั้น 18 ของเรือ NCL VIVA

GALAXY PAVILION

ดื่มด่ำในโลกเสมือนจริงกับ Galaxy Pavilion สำรวจความสนุกในห้องจำลองเสมือนจริงที่น่าตื่นเต้น หรือตีกอล์ฟเสมือนจริงที่ Top Golf Swing Suite หรือจะเข้าเล่น Escape rooms ที่ต้องหลบหนีสิ่งกีดขวาง ไปจนถึงเครื่องเล่นจำลองการแข่งรถ ที่นี่จึงเป็นดินแดนสุดไฮเทคสำหรับทั้งครอบครัว

VIVA THEATER & CLUB

ภายในเรือ NCL VIVA ท่านสามารถรับชมการแสดงละครบรอดเวย์ที่ให้ความรู้สึกถึงช่วงฤดูร้อนอย่าง The Donna Summer Musical หรือหากท่านต้องการความบันเทิงอยากหัวเราะให้สุดเสียงสามารถชมคลับสแตนด์อัพคอมเมดี้ หรือให้ท่านตื่นตาตื่นใจไปกับโรงละครสามชั้นที่สามมารถแปลงโฉมเป็นไนต์คลับสไตล์เวกัสสุดอลังการ หรือสนุกไปกับปาร์ตี้ยามค่ำดึก พร้อมดีเจเล่นแสดงสดและการแสดงแสงสีสุดล้ำ

SPA & FITNESS

ในวันที่ร่างกายต้องการการผ่อนคลายท่านสามารถมาใช้บริการที่ Mandara Spa สปาแห่งใหม่บนเรือ NCL VIVA ที่มีตั้งแต่ห้องซาวน่าล้างสารพิษจนถึงสระน้ำที่ทันสมัย ทรีทเม้นท์ นวด หรือซาลอน ทำผม ทำเล็บ หรือหากอย่างเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายท่านก็สามารถเลือกที่จะเข้าไปออกกำลังกายได้ที่ฟิตเนสของทางเรือ NCL VIVA

DUTY FREE SHOPPING

ท่านช้อปปิ้งกับสินค้าปลอดภาษี ได้ทุกวันกับแบรนด์ชั้นนำเครื่องสำอางและน้ำหอมเช่น NYX, IT Cosmetics, Clinique, Lancome, Chanel, Pandora Jewelry & Lifestyles, EFFY Jewelry, Timeless Luxury & Fine Watches และอีกมากมาย ที่ save ได้มากถึง 50% สำหรับผู้ที่ใช้บริการกับ Norwegian Viva Cruise

*****กิจกรรม EXPERIENCES & ENTERTAINMENT บ้างรายการไม่ได้รวมอยู่ในราคาทัวร์ หากท่านสนใจกรุณาสอบถามหัวหน้าทัวร์ หรือพนักงานบนเรือ Norwegian Viva เพื่อสอบถามและใช้บริการ*****

RESTAURANTS & BARS & LOUNGES ON DECK 6,7,8,17

ท่านสามารถรับประทานอาหาร เช้า กลางวัน เครื่องดื่ม ภายในเรือ NORWEGIAN VIVA CRUISE โดยมีภัตตาคารอาหารมากมายให้ท่านได้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารหลักที่ Hudson’s Restaurant, ลองค้นพบสิ่งใหม่ๆ หนึ่งในข้อเสนอพิเศษที่ได้รับการออกแบบสุดประณีตที่ The Commodore Room, Surfside Café ที่มีรายการจานด่วนหลากหลายอย่างที่สามารถทานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง หรือจะเป็น Indulge Food Hall ที่จะตอบสนองทุกความหิวของคุณ และยังมีภัตตาคารอาหารบาร์เครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยมให้ท่านได้เลือกอีกมากมาย

***เครื่องดื่ม Premium บางประเภทไม่ร่วมอยู่ในราคาทัวร์ กรุณาสอบถามพนักงานบนเรือ***

SPECIALTY DINING

ทางบริษัทเร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวลจำกัด ได้จัดสรรอาหารค่ำ Special Dinner จำนวน 8 มื้อให้กับทุกท่านที่ร่วมเดินทาง ด้วยภัตตาคารพิเศษภายในเรือ NORWEGIAN VIVA CRUISE เพื่อให้ท่านได้ลิ้มรสอาหารค่ำที่ครบรสและพิเศษกว่าที่อื่นๆ กับห้องอาหารที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่มี Specialty Dining อยู่ 8 ห้องอาหารด้วยกัน

Cagney’s Steakhouse

ภัตตาคารสเต็กเฮาส์สไตล์อเมริกัน ที่เสิร์ฟเนื้อแองกัสระดับพรีเมียมที่ผ่านการรับรอง เช่น ทีโบนแบบดั้งเดิมหรือเนื้อซี่โครง ให้ต่อมรับรสของคุณเดินทางสู่สเต็กเฮาส์อันเป็นเอกลักษณ์

Food Republic

ลิ้มรสอาหารและวัฒนธรรมจากทั่วโลก เสมือนท่านได้เดินทางไปทั่วมุมโลกในภัตตาคารแห่งนี้ ที่มีเมนูที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม เดินทางไปเม็กซิโกและหาอาหารริมทางอร่อยๆ บินลัดฟ้าไปญี่ปุ่นและลองซูชิโรลรูปแบบใหม่ หรือทานก๋วยเตี๋ยวแบบไทยๆ

Hasuki

ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Japanese Grill ให้ท่านนั่งที่โต๊ะแถวหน้า พร้อมชมการแสดงของเชฟขณะเตรียมและปรุงอาหาร กุ้ง สเต็ก ไก่ และข้าวผัด บนเตาเหล็กขนาดใหญ่ ให้บรรยกาศที่ครื่นเครงพร้อมลิ้มรสกับอาหารญี่ปุ่นที่เชฟฝีมือดีได้รังสรรเมนู

Le Bistro

ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์ การตกแต่งภายในที่หรูหรา และพนักงานเสิร์ฟที่เอาใจใส่ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารนี้เป็นส่วนตัว พร้อมบรรยากาศโรแมนติกแบบฝรั่งเศส นำเสนอการตกแต่งที่เก๋ไก๋และอาหารฝรั่งเศสที่ปรุงอย่างเชี่ยวชาญเต็มไปด้วยรสชาติที่หลากหลาย เช่น Escargot และ Coq au vin

SPECIALTY DINING

Los Lobos

ภัตตาคารอาหารเม็กซิกันระดับพรีเมียมที่นำเสนอรสชาติแบบดั้งเดิมพร้อมความทันสมัย เชฟที่ Los Lobos ให้ความสำคัญกับการผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่บน Ocean Boulevard ที่มีที่นั่งทั้งในร่มและกลางแจ้ง

Nama Sushi & Sashimi

ซูชิบาร์แห่งใหม่ที่มีเสน่ห์ด้วยส่วนผสมที่สร้างสรรค์ การทำซูชิแบบสดๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะทำให้คุณประทับใจ ทุกคนต้องการซูชิสำหรับอาหารมื้อค่ำเมื่อล่องเรือในทะเล และเติมเต็มประสบการณ์ในมื้ออาหารด้วยสาเกที่คัดสรรมาอย่างดี

Onda by Scarpetta

ภัตตาคารอาหารอิตาเลียนที่นำเสน่ห์และความสง่างามแบบง่ายๆ ของ Scarpetta ซึ่งเป็นร้านอาหารในเครือที่โด่งดังมาสู่ท้องทะเล ดื่มด่ำกับประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่ ตั้งแต่พาสต้าซิกเนเจอร์ของ Scarpetta เช่น Spaghetti Tomato & Basil ที่มีชื่อเสียง ไปจนถึงอาหารทะเลที่มีเอกลักษณ์ชวนกระตุ้นความอยากทานอาหารของคุณ

Palomar

ภัตตาคารอาหารซีฟู้ดสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน อาหารทะเลเป็นจุดเด่นของภัตตาคารแห่งนี้ โดยมีกลิ่นอายความเป็นยุโรป บรรยากาศสบายๆ หรูหรา ท่านจะได้รับการปรนนิบัติด้วยอาหารที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศ รวมถึงวัตถุดิบที่สดใหม่ ไวน์และเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดี

อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับความหรูหราสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงแบบครบครัน และชมทิวทัศน์ตลอดการเดินทาง ท่านสามารถพักผ่อนภายในห้องพัก นั่งชมวิวจากริมระเบียงหรือเลือกทำกิจกรรมต่างๆบนเรือได้ ทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม อาทิเช่น สระว่ายน้ำ, สปา, ซาวน่า, ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี, ฟิตเนส, Galaxy Pavilion, Beauty Salon, ขับรถโกคาร์ท, ชมการแสดง หรือนั่งพักผ่อนตามมุมต่างๆของเรือ ทานอาหารว่างและเครื่องดื่มต่างๆเช่น ชา กาแฟ Soft drink หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภทได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ห้องพักพร้อมระเบียง (BALCONY)

ห้องพักพร้อมระเบียงที่มีขนาดห้อง 22-33 ตร.ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่ท่านต้องการเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย เช่น ไดร์เป่าผม ตู้นิรภัยส่วนบุคคล มินิบาร์ โต๊ะทำงาน เครื่องชงกาแฟ พื้นที่แต่งตัว และที่นั่งแสนสบาย ห้องน้ำในตัว และมีบริการ Room Service ตลอด 24 ช.ม.

ห้องพักคลับสวีทพร้อมระเบียง (CLUB BALCONY SUITE)

ห้องพักพร้อมระเบียงที่มีขนาดห้อง 22-38 ตร.ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่ท่านต้องการเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย เช่น ไดร์เป่าผม ตู้นิรภัยส่วนบุคคล มินิบาร์ Sparkling Wine โต๊ะทำงาน เครื่องชงกาแฟ พื้นที่แต่งตัว และที่นั่งแสนสบาย ห้องน้ำในตัว และมีบริการต่างๆให้ท่านเลือกใช้บริการเสริมอาทิเช่น บริการ Room Service ตลอด 24 ช.ม., บริการจองล่วงหน้าสำหรับอาหารค่ำ / Entertainment ต่างๆบนเรือ, บริการซักรีด เป็นต้น

18.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองกาดิซ (Cádiz) ประเทศสเปน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

4

วันที่สี่ของการเดินทาง

กาดิซ – เซวีย่า – กาดิซ

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

11.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองกาดิซ (Cádiz) ประเทศสเปน

นำท่านเดินทางสู่เมืองเซวีย่า (SEVILLE) (75 กิโลเมตร)

เมืองเซวีย่า (SEVILLE)

เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้น Andalucía (Andalusia) และเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของสเปน เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถ้าหากได้มาเที่ยวสเปนแล้วไม่ควรพลาด เมืองนี้มีความร่ำรวยทางศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ผสมกลิ่นอายแขก และลักษณะบ้านเมืองที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชมเมืองเซวีย่า, ชมสเปนนิช สแควร์ (Spanish Square)

สเปนนิช สแควร์ (Spanish Square)

สเปนนิชสแควร์ จัตุรัสอันโด่งดังที่สุดของเมืองเซวีย่า อาคารที่ตั้งล้อมรอบจัตุรัสนั้น ได้รับการออกแบบจาก Anibal Gonzalez และได้ก่อสร้างขึ้นสำหรับงาน Ibero-American ในปี 1929 ในสไตล์เรเนซองส์สเปน เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพระหว่างประเทศสเปน และอดีตอาณานิคมสเปนอีกด้วย นำท่านชมหอคอยทองคำ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคัวดันอีเบียร์ ซึ่งถือว่าเป็นแม่น้ำประจำเมืองสร้างในศตวรรตที่ 12 สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “หอคอยทองคำ” เพราะเรียกตามสีของกระเบี้องเคลือบที่ใช้ตกแต่งยอดหอคอยนั่นเอง อิสระให้ท่านเดินชมรอบจตุรัสจนถึงเวลาอันควร

พระราชวังอัลคาซาร์ (Alcazar)

พาท่านเข้าชมระราชวังอัลคาซาร์ ที่เป็นมรดกทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองเซบีย่า ด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างสไตล์ Mudéjar ที่โดดเด่นในคาบสมุทรไอบีเรีย ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมโรมันและมุสลิม อีกทั้งยังเป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงใช้งานอยู่ในยุโรปและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1987

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองกาดิซ เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

21.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองมาลากา (MALAGA)

5

วันที่ห้าของการเดินทาง

มาลากา มิคาส มาลากา

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

08.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองมาลากา (MALAGA)

เมืองมาลากา (MALAGA)

มาลากาเป็นเมืองในแคว้นอันดาลูเซียทางตอนใต้ของประเทศสเปน เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกบนชายฝั่ง Costa del Sol (Coast of the Sun) ของทะเลแห่งเมดิเตอร์เรเนียน และยังเป็นบ้านเกิดของจิตรกรเอกของโลก ปิกัสโซ (Pablo Ruiz Picasso) อีกด้วย

นำท่านเดินทางชมปราสาทโคโลมาเรส (The Colomares Castle) (26 กิโลเมตร)

The Colomares Castle

ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้สร้างมาเพื่ออยู่อาศัย แต่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือและสำรวจที่ยิ่งใหญ่ของสเปน เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันของศิลปะที่หลากหลายสไตล์เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น โกธิก โรมาเนสก์ ไบแซนไทน์และมัวริช สร้างขึ้นในช่วงปี 1987 – 1994 อิสระให้ท่านเดินชมถ่ายรูปกับปราสาทจนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมิคาส (MIJAS) (10 กิโลเมตร)

หมู่บ้านมิคาส (MIJAS)

หมู่บ้านที่ตกแต่งบ้านเรือนเป็นสีขาวตามแบบฉบับของชาวอันดาลูเซียน (Andalusian) ให้ความรู้สึกที่มีเสน่ห์และความมินิมอลในตัวเอง เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในแคว้นอันดาลูเซีย ที่จะตราตรึงในใจของท่านไปอีกนาน

เดินชมหมู่บ้านมิคาส

พาท่านชม Chapel of  Virgen de la Peña (Virgin of the Rock) โบสถ์เล็กๆที่ตั้งอยู่ในถ้ำหิน ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยนักบวชนิกายคาร์เมไลท์ ซึ่งตั้งชื่อตามนักบุญผู้อุปถัมภ์หมู่บ้านมิคาส อีกทั้งยังตั้งอยู่ในจุดชมวิวซึ่งสามารถมาเห็นวิวของชายฝั่ง Costa del Sol จากนั้นพาท่านเดินชมจัตุรัส Plaza de la Constitución จัตุรัสเล็กๆที่สวยที่สุดในหมู่บ้าน มีร้านค้าสินค้าพื้นเมือง รวมไปถึงร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักๆ เดินชมจุดชมวิว Paseo de la Muralla ท่านสามารถชมวิวของหมู่บ้านถ่ายรูปกับหมู่บ้านมิคาสที่ตกแต่งบ้านด้วยสีขาวตัดกับกระถางดอกไม้สีสันสดใสและดอกไม้ที่ประดับประดาตามระเบียง เดินผ่านชมสนามสู้วัวกระทิง (Plaza de Toros de Mijas) ที่มีลักษณะเฉพาะเมื่อเทียบกับสนามสู้วัวกระทิงแห่งอื่นๆ ในประเทศ เนื่องจากสร้างเป็นรูปวงรี จากนั้นพาชมจัตุรัส Plaza Virgen de la Pena จุตุรัสกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่รอบข้างรายล้อมไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ อีกทั้งหมู่บ้านนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของแท็กซี่ลา (Donkey-taxi) อีกด้วย อิสระให้ท่านเดินชมเมืองจนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

MAYAN MONKEY MIJAS CHOCOLATE FACTORY

ร้านไอศกรีมและช็อกโกแลต ที่เคลมตัวเองว่าเป็นโรงงานช็อกโกแลตที่เล็กที่สุดในโลก “The smallest chocolate factory in the world.” ที่ตั้งอยู่ใน Plaza Virgen de la Pena อิสระให้ท่านได้เลือกชิมเลือกดูไอกรีมและช็อกโกแลตมากมายที่ทำแบบสดใหม่ภายในร้านจนกระทั่งได้เวลา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองมาลากา (35 กิโลเมตร)

ชมเมืองมาลากา

พาท่านชมโรงละครโรมัน (Teatro Romano) โรงละครโรมันโบราณของเมืองมาลากาสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลและถูกพบเมื่อปีค.ศ.1951 ปัจจุบันได้รับการบูรณะการอนุรักษ์ไว้เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ นำท่านชม มหาวิหารมาลากา (Cathedral of Málaga) มหาวิหารโรมันคาทอลิก สถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์ สร้างขึ้นในรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีหอระฆังสูง 84 เมตร ทำให้เป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นรองจากหอระฆังของวิหารเซบีย่า (Giralda of Seville) จากนั้นนำท่านเดินสู่ย่านถนนคนเดินย่านช้อปปิ้งใจกลางเมืองมาลากา (Calle Marques de Larios) ถนนสายนี้เปิดตัววันที่ 27 ส.ค.1891 ถือเป็นถนนที่แพงที่สุดในเมืองมาลากา อิสระให้ท่านเดินชมเมืองหรือช้อปปิ้ง จนกระทั่งได้เวลากลับสู่ท่าเรือ

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือมาลากา

เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

17.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เกาะอิบิซา (IBIZA ISLAND)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

6

วันที่หกของการเดินทาง

มาลากา – เกาะอิบิซา – บาเลนเซีย

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับความหรูหราสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงแบบครบครัน และชมทิวทัศน์ตลอดการเดินทาง ท่านสามารถพักผ่อนภายในห้องพัก นั่งชมวิวจากริมระเบียงหรือเลือกทำกิจกรรมต่างๆบนเรือได้ ทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม อาทิเช่น สระว่ายน้ำ, สปา, ซาวน่า, ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี, ฟิตเนส, Galaxy Pavilion, Beauty Salon, ขับรถโกคาร์ท, ชมการแสดง หรือนั่งพักผ่อนตามมุมต่างๆของเรือ ทานอาหารว่างและเครื่องดื่มต่างๆเช่น ชา กาแฟ Soft drink หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภทได้ตลอด 24 ชั่วโมง

13.30 น. เรือเทียบท่าเรือเกาะอิบิซา (IBIZA ISLAND)

เกาะอิบิซา (IBIZA ISLAND)

อิบิซา นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสุดฮอตของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลปาร์ตี้ และแสงสียามค่ำคืน เรียกได้ว่าเป็น สวรรค์ของปาร์ตี้แห่งท้องทะเลหากไม่นับเรื่องเป็นเกาะแห่งการปาร์ตี้ในเขตเมืองเก่าอิบิซา (Old Town) ก็เต็มไปด้วยอาคาร พิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ รวมถึงป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี บางส่วนของพื้นที่มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) อาคารบ้านเรือนในเขตเมืองเก่าไอบิซ่าส่วนใหญ่คุมโทนสีขาวส้ม เรียงรายสลับกันไปบนเนินเขาริมทะเล มีทางเดินปูด้วยหิน ทอดยาวเป็นเส้นนำสายตา เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายในทุกๆ จุด และเป็นย่านที่แนะนำในการเดินสำรวจ

ในวันนี้อิสระให้ท่านได้สำรวจเกาะอิบิซาตามอัธยาศัยหรือหากท่านสนใจแพคเกจกิจกรรมกับทางเรือสำราญ (Shore Excursion) กรุณาติดต่อสอบถามกับทางเรือสำราญ โดยจะมีหัวหน้าทัวร์ค่อยให้คำแนะนำประสานงานให้กับท่าน ***ค่าใช้จ่ายแพคเกจกิจกรรมกับทางเรือสำราญ (Shore Excursion) ไม่รวมอยู่ในราคาค่าทัวร์***

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

หรือทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารท้องถิ่นตามอัธยาศัย ***ไม่รวมอยู่ในราคาค่าทัวร์***

***กรุณากลับขึ้นเรือสำราญก่อนที่เรือจะออกจากท่าเรือ***

22.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองบาเลนเซีย (VALENCIA)

7

วันที่เจ็ดของการเดินทาง

บาเลนเซีย – บาร์เซโลน่า

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

08.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองบาเลนเซีย (VALENCIA)

เมืองบาเลนเซีย (VALENCIA)

บาเลนเซียเมืองสุดล้ำของสเปนและเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของสเปน ได้รับสถานะให้เป็น “เมืองหลวงแห่งการออกแบบของโลก ประจำปี 2022” (The World Design Capital 2022) และที่สำคัญ ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดเมนูอาหารเลื่องลือไปทั่วโลกอย่าง ปาเอญ่า (Paella) ข้าวอบกระทะ หรือข้าวผัดสเปนอีกด้วย

นำท่านเดินทางสู่ฟาร์มส้มริเบร่า (Huerto Ribera Orange Farm) (50 กิโลเมตร)

Huerto Ribera Orange Farm

ให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ที่ฟาร์มส้ม  Huerto Ribera Orange Farm ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1870 เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการปลูกส้ม พันธุ์ส้ม การเก็บผลไม้ตามฤดูกาลจากต้น เช่น ส้ม ส้มแมนดาริน มะนาวคาเวียร์ มะนาว ส้มโอ อะโวคาโด ทับทิม มะละกอ ชิมผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม เช่น น้ำผลไม้ธรรมชาติ แยมโฮมเมด น้ำผึ้งดอกส้ม เครื่องดื่มสไตล์บาเลนเซีย และเดินเล่นในสวนในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครเทียบได้ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรพาท่านเดินทางกลับสู่เมืองบาเลนเซีย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านชมเมืองบาเลนเซีย

ชมเมืองบาเลนเซีย

นำท่านเดินชมเมืองบาเลนเซีย ถ่ายภาพกับหอคอยเซอร์รานอส (Tower of Serranos) ป้อมปราการเมืองยุคกลาง แต่ปัจจุบันเหลือเพียงสองประตูเท่านั้น จึงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี และยังเป็นอีกหนึ่จุดชมวิวเมืองที่ดีที่สุดของเมืองบาเลนเซีย

จากนั้นนำท่านชมมหาวิหารบาเลนเซีย (Valencia Cathedral) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคและสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์  และมีการสร้างในช่วงต่อๆ มาอีก จึงมีส่วนผสมของศิลปะแต่ละยุคสมัย โรมัน เรเนสซอง บาโร้ก นีโอคลาสสิค กลายเป็นเอกลักษณ์ความงามในปัจจุบัน ภายในมีจุดไฮไลท์คือ จอกศักดิ์สิทธิ์ ในห้องสวดมนต์ Chapel of the Holy Grail อีกทั้งยังมีหอระฆัง เก่าแก่คู่กับมหาวิหาร (Bell Tower, Micalet) เป็นศิลปะโกธิก ที่สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ มีบันได 207 ขั้น ชมศูนย์กลางแลกเปลี่ยนผ้าไหมของบาเลนเซียในอดีต (The Silk Exchange (La Lonja)) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นยุคทองของบาเลนเซีย ใช้สำหรับเป็นสถานที่ที่พ่อค้าผ้าไหมมาเจรจาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมแนวกอทิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรป และได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก จากนั้นพาท่านเดินตลาดกลางของบาเลนเซีย (Mercado Central) ตลาดตั้งอยู่ภายในอาคารสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เป็นจุดหมายสำหรับผู้ที่เป็นฟู้ดเลิฟเวอร์ทั้งหลาย โดยเฉพาะการเป็นแหล่งที่ขายอาหารท้องถิ่นของบาเลนเซียได้ในราคาย่อมเยา และยังเป็นตลาดกลางแจ้งที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปจนกระทั่งได้เวลา

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองบาเลนเซีย

เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

19.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่กรุงบาร์เซโลน่า (BARCELONA)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

8

วันที่สี่ของการเดินทาง

บาร์เซโลน่า – มาร์กเซย

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือกรุงบาร์เซโลน่า (BARCELONA)

กรุงบาร์เซโลน่า (BARCELONA)

กรุงบาร์เซโลน่า เมืองใหญ่อันดับสองของสเปน และเป็นเมืองสำคัญที่สุดของแคว้นคาตาลุนญ่า เมืองนี้เป็นที่รู้จักเพราะสถาปนิกสมัยใหม่อย่างอันโตนี่ เกาดี้ รวมถึงศิลปินระดับโลกคนอื่นๆ และเพราะการได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคเมื่อปี 1992 ทำให้โฉมหน้าของเมืองนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก

นำท่านเดินทาง เข้าชมโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ ซากราดาแฟมิเลีย (SAGRADA FAMILIA)

SAGRADA FAMILIA

โบสถ์ประจำเมืองซึ่งได้รับการเรียกขานว่า “Church of Holy Family” ซึ่งสร้างโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงก้องโลก ANTONIO GAUDI ผลงานการออกแบบชิ้นสุดท้ายและก่อสร้างอันยาวนานที่สุดของเกาดี้ ด้วยรูปแบบศิลปะแบบนีโอโกธิค ด้วยแนวความคิดการคืนกลับสู่ ธรรมชาติ ตัวอาคารนำเอารูปทรงและพื้นผิวต่างๆจากในธรรมชาติมาใช้ โดยความสูงถึง 150 เมตร ตัวอาคารบรรจงประดับด้วยหินโมเสคประดับด้วยปฏิมากรรมแกะสลักจากหินหลายพันชิ้นจากศิลปินสเปน ปัจจุบันการก่อสร้างโบสถ์แห่งนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2026 ปัจจุบันเรียกได้ว่าโบสถ์แห่งนี้ได้กลายเป็นภาพจำของกรุงบาร์เซโลน่า จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนําท่าน เข้าชมปาร์ค เกล (PARK GUELL)

ปาร์ค เกล (PARK GUELL)

สวนสาธารณะซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาคาร์เมล ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก เป็นผลงานการออกแบบโดยเกาดี (GAUDI) เริ่มสร้างในปี 1910 จัดเป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยว ซึ่งหลายคนมองศิลปะของสวนแห่งนี้แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นศิลปะชั้นเลิศ บ้างว่าเป็นศิลปะแบบไร้รสนิยมแต่เมื่อเดินเข้าไป ในสวนเหมือนหลุดเข้า ไปในดินแดนเทพนิยาย ด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมงานกระเบื้องที่เน้นรูปทรงธรรมชาติในสีสันที่ตัดกัน ดูโดดเด่น แปลกตา และเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก โดยพระเอกของสวนแห่งนี้ เป็นรูปปั้นมังกรประดับโมเสกตรงบันได ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวโดยมีการรุมถ่ายรูปคู่อยู่ตลอดเวลา จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน เข้าชมหมู่บ้านสเปน (El Poble Espanyol)

หมู่บ้านสเปน (El Poble Espanyol)

หมู่บ้านจำลองที่น่ารัก แต่มีขนาดใหญ่น่าสนใจมากๆ สร้างขึ้นเสมือนเมืองโบราณ หรือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง โดยมีการสร้างขึ้นเมื่อปี 1972 ภายในหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านเรือน ศาลว่าการ ถนน ในขนาดเท่าของจริงจำนวนกว่า 117 หลังมาไว้ในที่แห่งเดียว ที่นี่ท่านยังได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสาธิตการประดิษฐ์งานหัตถกรรม การแสดงของสเปนอีกด้วย จนได้เวลาอันสมควร

นำท่าน ชมตลาดดอกไม้ และสินค้าพื้นเมือง ณ ถนนลา รัมบลา (LA RAMBLAS)

ถนนลา รัมบลา (LA RAMBLAS)

ถนนลา รัมบลา (LA RAMBLAS) ถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง และได้ชื่อว่าเป็นถนนสายที่คึกคักที่สุดของเมือง ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายซื้อสินค้า หรือเดินเล่นชมบรรยากาศเมือง มีศิลปินข้างถนนให้ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ อิสระให้ท่านเดินเล่น พักผ่อนอิริยาบถตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือกรุงบาร์เซโลน่า 
เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

18.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองมาร์กเซย (MARESEILLE) ประเทศฝรั่งเศส

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

9

มาร์กเซย

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองมาร์กเซย (MARESEILLE) ประเทศฝรั่งเศส

เมืองมาร์กเซย (MARESEILLE)

เมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส บุกเบิกโดยชาวกรีกมาตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่เชื่อมระหว่างประเทศแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนกับประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ผู้คนจากหลากหลายชนชาติอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่มาร์กเซยตั้งแต่อดีตคนถึงปัจจุบัน

นำท่านชมเมืองมาร์กเซย เมืองท่าเรือแห่งประวัติศาตร์และวัฒนธรรม

ชมเมืองมาร์กเซย

พาท่านชมเมืองมาร์กเซย ถ่ายภาพกับสวนฉลองน้ำ (THE PALAIS LONGCHAMP) ในอดีตที่เมืองมาร์เซย เคยเกิดวิกฤตการขาดแขลนน้ำ และได้ถูกแก้วิกฤตสำเร็จในปี ค.ศ. 1896 ทำให้ที่นี่ กลายเป็นสวนที่เฉลิมฉลองน้ำที่มีไม่ขาดอีกต่อไป เป็นสวนที่สวย ตกแต่งได้อย่างอุดมสมบูรณ์ มีน้ำพุใจกลางสวน และรูปปั้นสัญลักษณ์แห่งความอุดม ชุ่มชื้นของน้ำ จากนั้นพาท่านชมมหาวิหารนอเทรอดาม เดอลาการ์ด (NOTRE-DAME DE LA GARDE) ที่ถือเป็นแลนด์มาร์กของเมืองเลยก็ว่าได้ ตัวมหาวิหารทำจากหินอ่อนสีขาวและเทาโดดเด่นและสวยงาม ตั้งอยู่บนยอดเขาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นพระแม่มารีอุ้มเด็กสีทองหันหน้าออกไปทางทะเล ซึ่งเชื่อกันว่าท่านจะช่วยปกปักรักษานักเดินเรือยามล่องเรือในทะเล

นำท่านเข้าชมและเวิร์คช้อปทำสบู่ที่พิพิธภัณฑ์สบู่ MARSEILLE SOAP MUSEUM LICORNE

พิพิธภัณฑ์ที่สืบสานประเพณีการทำสบู่ของครอบครัว Bruna ทื่ทำผลิตภัณฑ์ Marseille Soap ที่หลากหลายรูปแบบซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก สบู่  Savonnerie de la Licorne ที่ผลิตจากน้ำมันพืชบริสุทธิ์ 100% กระบวนการผลิตตั้งแต่นำสบู่ดิบผ่านลูกกลิ้งหินแกรนิตเพื่อให้ได้ความอ่อนโยนและละเอียดเป็นพิเศษ จากนั้นเพิ่มส่วนผสมพิเศษที่จำเป็นสำหรับเพิ่มความหอมและคุณสมบัติพิเศษ เช่น น้ำผึ้ง น้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์ กุหลาบ และดอกส้ม ประการสุดท้าย คือการประทับตราและขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ มากมาย ให้ท่านได้เลือกชมเรียนรู้เกี่ยวผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสบู่และลงมือทำสบู่ด้วยตัวเอง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย เดินชมย่านท่าเรือเก่า (VIEUX PORT)

ย่านท่าเรือเก่า (VIEUX PORT)

พาท่านเดินชมย่านท่าเรือเก่า เป็นถิ่นชาวประมง ที่ต่อมากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมา (A Must) เดินซึมซับกลิ่นอายเมืองเก่ากับทะเลให้ได้ อีกทั้งในบริเวณนี้ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรมหรู เดินลัดเลาะไปตามทางเดินชมป้อมปราการ Fort Saint-Jean ประตูสู่มาร์กเซย ป้อมปราการที่มีหอคอยสังเกตการณ์ เพื่อที่นักเดินเรือจากที่ต่างๆมองเห็นมาร์กเซยได้จากที่ไกลๆ ซึ่งป้อมแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ MuCEM (Museum of European and Mediterranean Civilisations) พิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบโดยสถาปนิก ชื่อ Rudy Ricciotti ภายในจะมีนิทรรศการศิลปะแสดงเรื่องราวของอารยธรรมแถบเมดิเตอเรเนียน จากนั้นนำท่านชมวิหารมาร์กเซย (Marseille Cathedral) อีกหนึ่งจุดที่ใครมามาร์กเซยก็ต้องมาเชยชม วิหารแห่งนี้ มีความเป็นเอกลักษณ์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบ ไบแซนไทน์ที่โดดเด่น ภายในมีการตกแต่งด้วยรูปปั้น ที่สวย และสง่างาม บนเพดานจะแขวนเรือลำเล็กๆไว้หลายสิบลำ เพื่ออวยพรนักเดินเรือที่ผ่านไปมาที่ท่าเรือแห่งนี้

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองมาร์กเซย เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

16.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองลิวอร์โน่ (LIVORNO) ประเทศอิตาลี

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

10

ลิวอร์โน่ – ซานจีมิญญาโน – ปิซ่า– ลิวอร์โน่

เช้า  รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

07.30 น.เรือเทียบท่าเรือเมืองลิวอร์โน่ (LIVORNO) ประเทศอิตาลี

นำท่านเดินทางสู่เมืองซานจีมิญญาโน (SAN GIMIMIGNANO) (85 กิโลเมตร)

เมืองซานจีมิญญาโน/ ชมเมือง

เมืองซานจีมิญญาโน เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มี ทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี เมืองเก่าที่รักษาความเป็นเมืองเก่าของยุโรปยุคกลางไว้ได้เป็นอย่างดี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1990 ในสมัยก่อนเมืองซานจีมิญญาโน มีหอคอยสูงๆเป็นจำนวนมากถึง 72 หอ กาลเวลาผ่านไป หอคอยหลายๆหอก็ได้ถูกทุบทิ้ง หรือไม่ก็ถูกถล่มลงไปในช่วงสงครามโลก ทำให้ทุกวันนี้เหลือหอคอยสูงๆอยู่แค่ 14 หอคอยเท่านั้น เพราะความที่เมืองซานจีมิญญาโน ดังเรื่องหอคอยทำให้เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็น The medieval Manhattan of Tuscany ด้วย พาท่านเดินชมโบสถ์ประจำเมืองซานจีมิญญาโน(Duomo di San Gimignano) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในแบบโรมาเนส ซึ่งมีงานศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบเซียน่า ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูโค้งหรือว่าหน้าต่างโบสถ์ ภายในมีภาพสีเฟรสโกประดับประดาตามกำแพงของโบสถ์เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา จนกระทั้งได้เวลา

นำท่านเข้าเข้าสู่ไร่ไวน์ PODERE LA MARRONAIA WINER & FFARM

Podere La Marronaia Winery & Farm

ไร่ไวน์ที่ดำเนินกิจการแบบครอบครัว ตั้งอยู่บนยอดเขาหน้าหอคอยยุคกลางของเมืองซานจีมิญญาโน เป็นเจ้าแรกในพื้นที่ที่ผลิตไวน์ตามกฎเกษตรอินทรีย์ไม่ว่าจะเป็นไร่องุ่นและสวนมะกอกทั้งหมด เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดสารเคมีและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม เทคนิคการบ่มไวน์ของไร่นี้ นอกจากเทคนิคการบ่มไวน์แบบคลาสสิกแล้ว ในทุกๆ ปี คอลเลกชั่นไวน์จะยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยการเปิดตัวไวน์ใหม่ที่ปรุงแต่งด้วยเทคนิคใหม่ๆ เช่น การหมักไวน์ในถังคอนกรีตหรือขวดดินเผา จนมีคอลเลกชันไวน์มากถึง 13 ขวดที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรสชาติเหมือนประเพณีทัสคานีดั้งเดิมและกลิ่นที่เหมือนนวัตกรรมสมัยใหม่ ผสมผสานลงตัวกันอย่างน่าทึ่ง

นำท่านร่วมกิจกรรมล่าเห็ดทรัฟเฟิล (Truffle Hunting)

กลางวัน บประทานอาหารกลางวันในไร่ไวน์ พร้อมชิมไวน์จากแคว้นทัสคานี (Wine and Olive oil Tasting)

Truffle Hunting with Lunch and The Tasting of Wine and Olive oil

ให้ท่านได้มีส่วนร่วมและรู้จักกับโลกแห่งการล่าเห็ดทรัฟเฟิล ไปกับ Mirco และ Luca สุนัขที่จะช่วยในการค้นหา และดมกลิ่น ของเห็ดที่มีค่าที่สุดของโลก โดยมีผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นจะให้ความรู้เกี่ยวกับแหล่งที่พวกเห็ดเติบโต ที่อยู่อาศัยที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเห็ดทรัฟเฟิล ตลอดจนวิธีปรุงและเก็บรักษาเห็ดทรัฟเฟิล หลังจากเสร็จกิจกรรมล่าเห็ด รับประทานอาหารกลางวันที่ไร่ไวน์ พร้อมกิจกรรมชิมไวน์ของทาง Podere La Marronaia Winery & Farm ดื่มด่ำไปกับไวน์รสชาติดั้งเดิมของทัสคานี ที่สมบูรณ์แบบ มื้ออาหารที่อร่อยและมีค่าจากหนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุด เห็ดทรัฟเฟิล ลิ้มรสอาหารที่ปรุงจากเห็ดทรัฟเฟิลสดๆ จับคู่กับการชิมไวน์ออร์แกนิกและน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (PISA) (76 กิโลเมตร)

ปิซ่า / ชมเมือง

เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ริมฝั่งทะเลใกล้ปากแม่น้ำอาร์โนที่ไหลมาจากเมืองฟลอเรนซ์ รุ่งเรืองสูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 11-12 เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว

นำท่าน ชมหอเอนเมืองปิซ่า (LEANING TOWER OF PISA) ที่ขึ้นชื่อในด้านความสัมพันธ์ของการสร้างกับแรงโน้มถ่วงของตัวอาคารที่สมดุลกันโดยบังเอิญจนได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่มหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง และเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอิตาลี

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองลิวอร์โน่  เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

19.30 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองคานส์ (CANNES) ประเทศฝรั่งเศส

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

11

คานส์ – แซงต์โตรเปซ์ – ท่าเรือกรีโมด์ คานส์

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

06.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองคานส์ (CANNES) ประเทศฝรั่งเศส เมืองชายทะเล เล็กๆที่มีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี และเป็นเมืองที่ใช้สถานที่ในการประกวดภาพยนตร์นานาชาติที่โด่งดังไปทั่วโลก

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแซงต์โตรเปซ์ (ST.TROPEZ) (86 กิโลเมตร)

เมืองแซงต์โตรเปซ์ / ชมเมือง

เมืองริมชายฝั่งแห่งแดนน้ำหอม หนึ่งในจุดหมายปลายทางหน้าร้อนของเหล่าเซเลบริตี้ทั่วโลก ตั้งอยู่ในเขต French Riviera เป็นเมืองที่มีครบทั้งธรรมชาติ ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านแบรนด์เนมไฮเอนด์ พาท่านชมเมืองย่านท่าเรือเก่า (Vieux Port) ย่านสำคัญของเมือง ที่ท่านจะหลงใหลในทัศนียภาพอันงดงามของเรือประมงขนาดเล็กและเรือยอชท์สุดหรูอันทันสมัยจอดกันเรียงรายตามท่าเรือริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาคารบ้านเรือนสีพาสเทลและคาเฟ่ที่มีชีวิตชีวา อีกหนึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงคือ Café Senequier ที่โดดเด่นด้วยซุ้มสีแดงสด และยังเป็นหนึ่งในโลเคชั่นถ่ายทำ ในซี่รี่ย์เรื่อง Emily in Paris

พาท่านเดินทางสู่ท่าเรือกรีโมด์ (PORT GRIMAUD) (12 กิโลเมตร)

PORT GRIMAUD

ท่าเรือกรีโมด์ หรืออีกหนึ่งฉายา “เวนิซแห่งฝรั่งเศส” เมืองริมทะเลนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1960  โดยสร้างขึ้นในลักษณะที่คล้ายกับเมืองเวนิซ ในประเทศอิตาลี แต่แตกต่างกันที่อาคารบ้านเรือนที่มีลักษณะเป็น บ้านชาวประมงของฝรั่งเศส ไฮไลท์ของหมู่บ้านแห่งนี้คือไม่มีถนนมีแต่เรือที่ใช้เรือแทนการใช้รถในการสัญจร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย ล่องเรือ / เดินชมท่าเรือกรีโมด์

ให้ท่านได้ล่องเรือชมหมู่บ้านท่าเรือแห่งนี้ดื่มด่ำกับบรรยกาศของการเดินทางทางน้ำ ณ เมืองที่ได้ชื่อว่าเวนิซแห่งฝรั่งเศส หลังจากนั้นอิสระให้เดินสำรวจบริเวณท่าเรือสัมผัสกับบรรยากาศของเมืองริมชายฝั่งที่แสนน่ารักและมีเสน่ห์ เต็มไปด้วยความสดใส ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ไปตามทางเดินถ่ายรูปเพื่อเก็บความประทับใจจนกระทั่งได้เวลา

นำท่านเดินทางสู่เมืองคานส์ (CANNES) (80 กิโลเมตร)

เมืองคานส์ (CANNES)

อิสระให้ท่านได้เก็บภาพกับ PALAIS DES FESTIVALS ที่ใช้เป็นสถานที่ จัดงานประกวดภาพยนตร์ และศูนย์ประชุมนานาชาติ โดยรอบอาคารจะมีรอยฝ่ามือของบรรดาเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงจากฮอลิวู้ดมาประทับเอาไว้บนพื้นซีเมนต์ ให้ท่านได้เดินเล่นบริเวณถนนลา กรัว เซต ย่านเดินเที่ยวริมทะเลที่ทันสมัยที่สุดในโลก เรียงรายไปด้วยทิวแถวของต้นปาล์ม ร้านบูติก และร้านค้ามีระดับ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองคานส์  เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

16.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่ท่าเรือซีวีตาเวกเกีย (CIVITAVECCHIA) ประเทศอิตาลี

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

12

ท่าเรือซีวีตาเวกเกีย – ทิโวลี่ – โรม

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

06.00 น.เรือเทียบท่าเรือซีวีตาเวกเกีย (CIVITAVECCHIA) ประเทศอิตาลี

นำท่าน เช็คเอ้าท์ ออกจากเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระของท่าน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิโวลี่ (TIVOLI)(129 กิโลเมตร) เมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโรม มีชื่อเสียงด้านเมืองโบราณและวิลล่าพักตากอากาศของชนชั้นสูงในสมัยก่อนของอิตาลีที่สวยงามอลังการและทรงคุณค่า

ชมสวนวิลล่า ดิ เอสเต้ (Villa d’Este)

สวนวิลล่า ดิ เอสเต้ (Villa d’Este) วิลล่าพักตากอากาศอันสวยงามหรูหราขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่ามาก 500 ปี และเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่มีชื่อเสียงขององค์กรยูเนสโกปี 2004 สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมโบราณในยุคบาโร๊คและ ที่เต็มไปด้วย น้ำพุธรรมชาติกว่าร้อยจุดรอบๆวิลล่า อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ดีที่สุดในอิตาลีอีกด้วย น้ำพุที่เป็นไฮไลท์ของสวนแห่งนี้คือ น้ำพุแห่งเทพเจ้าเนปจูน (The Neptune Fountain) ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของสวนโดดเด่นและยิ่งใหญ่ และอีกจุดหนึ่งคือ ถนนร้อยน้ำพุ (Avenue of The Fountain) เป็นทางเดินที่น้ำพุถูกออกแบบอยู่ตลอดทางเดินยาวประมาณ 600 เมตร พร้อมตกแต่งอย่างสวยงาม อิสระให้ท่านได้เดินชมสวนแห่งนี้จนกระทั่งได้เวลา

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงโรม (ROME) (40 กิโลเมตร)

กรุงโรม (ROME)

เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับน้ำพุเทรวี (TREVI FOUNTAIN)

น้ำพุเทรวี / ย่านบันไดสเปน

งานประติมากรรมของเทพนิยายกรีก ที่มาของบทเพลง “ทรีคอยน์ อิน เดอะ ฟาวน์เทน” ที่เชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแล้วท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง

จากนั้นนำท่าน ชมย่านบันไดสเปน (SPANISH STEPS) บนถนนคอนดอตติ ย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่อของอิตาลี เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ที่ล้อมรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแล้ว จัตุรัสแห่งนี้ยังต่อตรงกับถนน VIA CONDOTTI ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Dior,Prada, Gucci,Amarni, Valentino, Versace, Fendi, Ferragamo, Cartier, Bulgari เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี

***แนะนำให้ท่านลองชิม ไอศกรีมเจลาโต (GELATO) ไอศกรีมขึ้นชื่อที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงอิตาลี ***

**** กฏเกณฑ์ที่สำคัญของการมานั่งที่บันไดแห่งนี้ คือห้ามกินไอศครีม! เนื่องจากบันไดสเปนเป็นอีกหนึ่งฉากที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ชื่อดัง (ปี1953) เรื่อง Roman Holiday ทำให้หนุ่มสาวหลายคู่เลียนแบบคู่พระเอกนางเอก ที่มานั่งจู๋จี๋กินไอติมกันอย่างมากมาย จนทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก และต้องออกกฎหมายห้ามจนถึงทุกวันนี้

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม NH Collection Roma Centro หรือเทียบเท่า

13

โรม – กรุงเทพ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่าน เข้าชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน (ST.PETER BASILICA)  นครรัฐอิสระ ศูนย์กลางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ให้ท่านชมความยิ่งใหญ่ของศิลปะการออกแบบผลงานอันล้ำค่า โดยปรมาจารย์บราเมนเต้ ราฟาเอล และไมเคิล แองเจโล

กรุงโรม / ชมเมือง

จากนั้นนำท่าน ผ่านชมพระราชวังคริรีนาเล ที่พักของประธานาธิบดี  ถ่ายภาพกับโคลอสเซี่ยมสนามประลองการต่อสู้ของคนกับสัตว์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ผ่านชมโรมันฟอรั่ม แหล่งชุมนุมของชาวโรมันในอดีตสนามแข่งรถม้าศึกเซอร์กัส แม็กซิมุส หรือที่รู้จักกันดีในภาพยนตร์เรื่อง “เบนเฮอร์” ผ่านชมวังซีซาร์ อดีตที่ประทับของจักรพรรดิโรมัน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินฟูมิชิโน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ***ภัตตาคารภายในสนามบิน CASH BACK ท่านละ 30 ยูโร***

15.25 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ ฯ โดยสายการบิน EMIRATES AIRLINE  เที่ยวบินที่ EK098/376 (แวะเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบิน กรุงดูไบ 23.15 – 03.45 น.)

14

โรม – กรุงเทพ

13.25  น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..