- ทัวร์ช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. 2566
- ทัวร์ยุโรป เที่ยวยุโรป ทัวร์ต่างประเทศ แพคเกจทัวร์ยุโรป โปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์ : สีสันโมร็อคโค สายการบินเอมิเรตส์ 11 วัน (EK)
กำหนดการเดินทาง : 12 – 22 ตุลาคม 2566
ประเทศ : โมรอคโค
สายการบิน : เอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK
ราคา : 179,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพ ฯ – ดูไบ
21.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 9 แถว T เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่จากบริษัทเร้นจ์ฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
วันที่สองของการเดินทาง
ดูไบ – คาซาบลังก้า – ราบัต – ชมเมือง
01.35 น. ออกเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 385/EK 751
(แวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ เวลา 04.45 – 07.30 น.)
12.45 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองคาซาบลังก้า ประเทศโมรอคโค หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร แล้วนำท่านเดินทางสู่ ภัตตาคาร
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารกลางวันนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองราบัต (RABAT) (92 กิโลเมตร)
เมืองราบัต (RABAT)
เมืองราบัต (RABAT) เป็นเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 เมืองหลวงแห่งที่ 4 ของโมรอคโค เป็นเมือง สีขาวที่สะอาดและสวยงาม บ้านเรือนออกแนวสไตล์ฝรั่งเศส ผสมผสานศิลปะมุสลิมแบบโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2012
จากนั้นนำท่านชมเมืองราบัต
สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5
นำท่านชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 (MAUSOLEUM OF MOHAMMED V) พระอัยกาของกษัตริย์องค์ ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง
ป้อมอูไดยะ
จากนั้นนำท่านเข้าชม ป้อมอูไดยะ (OUDAYAS FORTRESS) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกําแพงสูงใหญ่ ด้านในท่านสามารถเดินชม เมดิน่า บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น
นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก RABAT MARRIOTT (5 ดาว) หรือระดับเทียบเท่า
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
วันที่สามของการเดินทาง
ราบัต – เชฟเชาเอิน
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ เชฟเชาเอิน (CHEFCHAOUEN) (254 กิโลเมตร)
เมืองเชฟเชาเอิน (CHEFCHAOUEN)
ถือเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอีกแห่งและยังเป็นเมืองที่มีชายแดนติดกับสเปนด้วยความที่รูปร่างลักษณะของยอดเขาของที่นี่เหมือนกับเขาแพะ (Chaoua) ดังนั้นชื่อเมืองจึงมีความหมายที่ตรงตัวเลยว่า “มองที่เขาแพะนั่นซิ” ด้วยลักษณะเมืองที่อยู่บนภูเขา จึงทําให้นักท่องเที่ยวที่มานี่ ต่างได้ลิ้มรสของความ เงียบสงบ บรรยากาศโรแมนติก และได้สัมผัสถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินชม ย่านใจกลางเมืองเชฟเชาเอิน
ย่านใจกลางเมือง
ย่านใจกลางเมือง Plaza Uta El-Hamman คือ ย่านเมดิน่าของเมืองเซฟเชาเอิน ที่บ้านเรือนตกแต่งด้วยอาคารสีฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่ในบรรยากาศยามเย็น ที่นี่ยังมีชื่อเสียงทางด้านช้อปปิ้งอีกด้วย ที่มีทั้งสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านที่หาไม่ได้จากไหนในโมรอคโค เช่น เสื้อผ้าขนสัตว์ รวมทั้งชีสที่ทําจากแพะ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Dar Echaouen หรือระดับเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง
เชฟเชาเอิน – เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส – เมคเนส – เฟซ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางผ่านชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (ROMAN CITY OF VOLUBILIS) (165 กิโลเมตร)
เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส
แวะถ่ายรูปด้านนอกเมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส เมืองศูนย์กลางศาสนาอันศักดิสิทธิของชาวมุสลิมในโมรอคโค ทุกๆปี ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อ ประกอบพิธีทางศาสนา เปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอาระเบีย (หมายเหตุ เมืองโบราณอาจมีการปิดปรับปรุงโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า)แล้วนำท่านเดินทางต่อสู่ เมคเนส (MEKNES) (32 กิโลเมตร)
เมคเนส (MESNES)
เมืองหลวงโบราณในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิล (MOULEY ISMAIL) แห่งราชวงศ์อะลาวิท กษัตริย์ผู้ชื่นชอบการทำสงคราม และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ
จากนั้นนำท่านถ่ายรูป ประตูบับมันซู
ประตูบับมันซู
ประตูบับมันซู (BAB MANSOUR MONUMENTAL GATE) ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสค และกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสด
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองเมคเนส (สไตล์ฝรั่งเศส) พร้อมชิมไวน์
บ่าย นําท่านเดินทางต่อสู่ เมืองเฟซ (FES) (66 กิโลเมตร)
เมืองเฟซ (FES)
เมืองโบราณตั้งอยู่บนพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟ (Rif Mountain) ทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง (Middle Atla) มีแม่นํ้าเฟส (River Fes) ไหลผ่านกลางเมือง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นดอกไม้ป่าสีสันสดใสขึ้นตลอดข้างทาง และที่นี่เป็นเมืองที่ยังคงมีบรรยากาศของเมืองโบราณที่ผู้คนยังใช้ลาเป็นพาหนะและบรรทุกของกันอยู่
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พักโรงแรม RIAD FES RELAIS & CHATEAU หรือระดับเทียบเท่า
RAID FES RELAIS & CHATEAU
“ความสง่างามแบบโมร็อกโก-อันดาลูเซีย”
Riad Fès เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราแบบอันดาลูเซียและศิลปะแบบโมร็อคโค ซึ่งสะท้อนถึงอดีตอันทรงเกียรติและอารยธรรมอันประณีตที่เป็นเจ้าของ พระราชวังอันโอ่อ่านี้เป็นตัวอย่างที่แท้จริงของสถาปัตยกรรมฮิสแปนิก-มัวร์ โดยมีลานเฉลียงสี่แห่งที่ตกแต่งอย่างกลมกลืน ประตูแกะสลักและผนัง เฉลียงปูนปั้น และอ่างหินอ่อน มีทัศนียภาพอันงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือ Fès Medina และเทือกเขา Atlas แบบพาโนรามา สปาฮัมมัมและบริการนวด น้ำพุ ห้องสูบบุหรี่ อาหารชั้นเลิศ และเลานจ์บาร์ทันสมัย: นี่คือโลกที่ประเพณีและสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมสมัยผสมผสานกันอย่างลงตัว
Riad Fès มีชื่อเสียงในด้านความหรูหรา การรับประทานอาหาร และการบริการที่ประณีต Riad Fès ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมฮิสปาโน-มัวร์ เป็นการเชื้อเชิญให้ย้อนเวลากลับไปค้นหาความถูกต้องและความงดงามของตระกูล Fes ผู้สูงศักดิ์ในบรรยากาศสไตล์อันดาลูเซียในหนึ่งพันหนึ่งคืน Riad Fès มีทัศนียภาพมุมกว้างของ Fes medina และ Atlas Mountains และเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือเข้าพักเพื่อธุรกิจ ห้องพักและห้องสวีทจำนวน 30 ห้องมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านลานทั้งสี่ (แบบดั้งเดิม อันดาลูเซียน บาร็อค และร่วมสมัย) The Spa by Cinq Mondes สระว่ายน้ำพร้อมไวน์บาร์ และอาหารเลิศรส
วันที่ห้าของการเดินทาง
เฟซ – GOLDEN GATE – จุดชมวิว – เมดิน่า – ซุค – เฟซ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ GOLDEN GATE PALAIS ROYALE แล้วนำท่านขึ้นชม จุดชมวิวซาเดียนบนป้อมปราการ แห่งราชวงศ์ซาเดียน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเมืองหลวงเก่าทั้งสี่แห่ง แต่สิ่งที่สําคัญของเมืองเฟส คือ ในปีค.ศ.1981 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เขตเมืองเก่าของ เฟซเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์
เดินชม ย่านเมดิน่า (MEDINA) ชุมชนที่อยู่อาศัยและตลาดการค้ากลางเมือง รวมถึงย่านเครื่องเทศ (SOUK EL ATTARINE) ที่อยู่ใกล้กัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม RIAD FES RELAIS & CHATEAU หรือระดับเทียบเท่า(คืนพรุ่งนี้จะไปเข้าพักเต้นท์แคมป์ที่ทะเลทราย ท่านต้องใช้กระเป๋าสัมภาระใบเล็ก แยกไว้เพื่อนำไปใช้
สำหรับการพักในทะเลทราย)
วันที่หกของการเดินทาง
เฟซ – อิเฟรน – เออร์ฟูย์ด – ทะเลทรายซาฮาร่า – เมอร์ซูก้า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางผ่าน เมืองอิเฟรน (IFRANE) (70 กิโลเมตร)
เมืองอิเฟรน (IFRANE)
เมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับนํ้าทะเล เป็นที่พักตากอากาศ ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ. 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโคบ้านเรือส่วนใหญ่จะมีหลังคาสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองอิเฟรนเป็นเมืองตากอากาศที่มีสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน
ผ่านชมเส้นทางผาดผ่าน เทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมาเป็นเวลานาน ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิเดล (MIDELT) (136 กิโลเมตร) เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองมิเดล (สไตล์โมร็อคโค)
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่เขตทะเลทรายซาฮาร่า สู่ เมืองเออร์ฟูย์ด (ERFOUD) (210 กิโลเมตร)
เมืองเออร์ฟูย์ด (ERFOUD)
เมืองเออร์ฟูย์ด (ERFOUD) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน สู่เขตทะเลทรายซาฮาร่า ระหว่างทางจะผ่านโอเอซิส การทําระบบชลประทานใต้ดิน ท่านใดที่เคยเที่ยวเส้นทางสายไหมในจีนมาแล้วก็จะนึกภาพออก
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมอร์ซูก้าร์ (MERZOUGA) (50 กิโลเมตร)
เมอร์ซูก้า (MERZOUGA)
เมอร์ซูก้า (MERZOUGA) โดยท่านจะนั่งรถขับเคลื่อน สี่ล้อ 4 WD ไป ท่องทะเลทรายซาฮาร่า “SAHARA” เป็นทะเลทราย ในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เข ตซาฮาร่า
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม ROYAL LUXURY CAMP หรือระดับเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
เมอร์ซูก้า – ทินเฮียร์ – ทอดร้าจอร์จ – วอซาเซท
05.00 น. ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำทุกท่านขี่อูฐที่ทะเลทรายซาฮาร่า ดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นในทะเลทรายซาฮาร่า ซึ่งจะเป็นความประทับใจที่ท่าน จะไม่มีวันลืม
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ ทอดร้าจอร์จ (TODRA GEORGE) (200 กิโลเมตร)
ทอดร้าจอร์จ (Todra George)
ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลํานํ้าเกลือที่ไหลผ่านช่องเขา กับหน้าผาสูงชันแปลกตา เป็นแหล่งปีนหน้าผาสําหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย นำท่านแวะชม โอเอซิส Tinerhir ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกันท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองทินเฮียร์ (สไตล์ฝรั่งเศส)
บ่าย แวะชม โอเอซิส Tinerhir ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกันท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท
แล้วนำท่านเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (OUARZAZATE) (170 กิโลเมตร)
เมืองวอซาเซท (OUARZAZATE)
เมืองวอซาเซท (OUARZAZATE) เป็นเมืองถูกส่งเสริมให้ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ใน ทะเลทรายเพื่อการทํากิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรม ผจญภัยกลางทะเลทราย ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะ ปกคลุม วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมาย ของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน จากนั้นเดินทางบนเส้นทาง ถนนแห่งคาชบาห์ หรือป้อมปราการนับพัน ที่ได้รับการขนานนามว่า เนื่องจากตลอดสองข้างทางจะมีคาชบาห์น้อยใหญ่หลายร้อยแห่งเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ที่นี่เคยมีภาพยนตร์ฮอลลีวูดเคยมาถ่ายทำ คือ Lawrence of Arabia ในปี ค.ศ. 1962 ของผู้กำกับ David Lean
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม BERBERE PALACE หรือระดับเทียบเท่า
วอซาเซท – ATLAS STUDIO – ไอท์ เบนฮาดดู – มาราเกซ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ ATLAS STUDIO (5 กิโลเมตร)
(ATLAS STUDIO)
สตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่บนทะเลทรายกินพื้นที่มากกว่า 30,000 ตารางเมตร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1983 โดย Mohamed Belghmi
แต่หลังจากตั้งเป็นสตูดิโอจริงๆ จังๆ แล้วภาพยนตร์ Hollywood ฟอร์มยักษ์มากมายก็เคยมาถ่ายทำที่นี่ด้วย อย่าง The Mummy, Star Wars, Gladiator, Babel, Ben-Hur หรือแม้แต่หนังฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดอย่าง Batman Vs. Superman: Dawn of Justice ด้วย
จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองไอท์ เบนฮาดดู (AIT BENHADDOU) (25 กิโลเมตร)
เมืองไอท์ เบนฮาดดู (AIT BENHADDOU)
ชมเมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่มีอาคารต่างๆ สร้างจากดิน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่องโดยเฉพาะป้อมดินที่งดงาม และมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู(KASBASH OF AIT BEB HADOU) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองไอท์ เบนฮาดดู
บ่าย นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองมาราเกช (MARAKESH) (181 กิโลเมตร)
เมืองมาราเกช (MARAKESH)
เมืองมาราเกช (MARAKESH) ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ บริเวณพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีหินตั้งเรียงรายตามแนวชายหาด หินชนิดนี้มีลักษณะคล้าย หินกรวด หินทราย หรือ หินปูน ลักษณะแปลกตา หินบางก้อนมีความสูง บางก้อนมีลวดลายโดยการถูกกัดเซาะของน้ำทะเลเป็นเวลานาน ทำให้หินมีหน้าตาสวยงามปะปนกับความแปลกของธรรมชาติอย่างลงตัว
จัตุรัสกลางเมือง
(JEMAA EL FNA SQUARE)
นำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (DJEMAA FNAA SQUARE) ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคารร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆได้ที่ ตลาดเก่า (OLD MARKET)ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรม MOVENPICK HOTEL MANSOUR EDDAHBI MARRAKECH (5 ดาว)
มาราเกซ – พระราชวังบาเฮีย – สวนจาร์ดีน มาจอแรล – คาซาบลังก้า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำชม พระราชวังบาเฮีย (BAHIA PALACE)
พระราชวังบาเฮีย (BAHIA PALACE)
พระราชวังบาเฮีย (BAHIA PALACE) เป็นพระราชวังของท่านมหาอํามาตย์ ผู้สําเร็จ ราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการ วางแผนก่อสร้างและ ตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆอย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก
จากนั้นนําท่านชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล (JARDIN MAJORELLE)
สวนจาร์ดีน มาจอแรล
(JARDIN MAJORELLE)
สวนจาร์ดีน มาจอแรล (JARDIN MAJORELLE) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (YVES SAINT LAURENT GARDENS) ชื่อ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์ แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคย ตกเป็นของเศรษฐีแห่งมา ราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อนชม สวนที่ถูกออกแบบโดยใช้สีฟ้า และสีส้มเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสาแจกัน และชมนานาพรรณของต้นไม้แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงาม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชม มัสยิดคูตูเบีย (KOUTOUBIA MOSQUE)
มัสยิดคูตูเบีย
(KOUTOUBIA MOSQUE)
มัสยิดคูตูเบีย (KOUTOUBIA MOSQUE) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ หอขานละหมาดมีความสูง 226 ฟุต (หรือ 70 เมตร)
แล้วนำท่านเดินทางสู่ คาซาบลังก้า (CASABLANCA) (243 กิโลเมตร)
คาซาบลังก้า (CASABLANCA)
คาซาบลังก้า (CASABLANCA) เป็นเมืองที่คนทั่ว โลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า ‘ราชอาณาจักรโมรอคโค ด้วยซํ้า เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก SOFITEL CASABLANCA TOUR BLANCHE หรือระดับเทียบเท่า
คาซาบลังก้า – สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 -กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําท่านเข้าชม สุเหราแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (MOSQUE HASSAN II)
สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (MOSQUE HASSAN II) สุเหราแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (MOSQUE HASSAN II) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะสุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่า อันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติ ศาสนกิจเสร็จ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินคาซาบลังก้า
14.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 752 / EK 376
ดูไบ – กรุงเทพฯ
(แวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ เวลา 01.15 – 03.45 น.)
13.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..