ทัวร์ : LUXURY MOROCCO 11 วัน (EK)
กำหนดการเดินทาง : 28 ธันวาคม2565– 7 มกราคม2566 / 9 – 19 กุมภาพันธ์ / 2-12 มีนาคม / 13-22 เมษายน 2566
ประเทศ : โมรอคโค
สายการบิน : เอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 385/751
ราคา : 185,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพ ฯ – ดูไบ
22.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 9 แถว T เคาน์เตอร์ที่สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่จากบริษัทเร้นจ์ฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
วันที่สองของการเดินทาง
ดูไบ – คาซาบลังก้า – ราบัต – ป้อมอูไดยะ – ชมเมือง – ราบัต
01.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 385/751 (แวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ เวลา 04.45 – 07.30 น.)
12.55 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองคาซาบลังก้า ประเทศโมรอคโค หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองราบัต (RABAT) (90 กิโลเมตร)
เมืองราบัต (RABAT) เป็นเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1956 เมืองหลวงแห่งที่ 4 ของโมรอคโค เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม บ้านเรือนออกแนวสไตล์ฝรั่งเศส ผสมผสานศิลปะมุสลิมแบบโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อปี 2012 จากนั้นนำท่านเข้าชม ป้อมอูไดยะ (OUDAYAS FORTRESS) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกําแพงสูงใหญ่ ด้านในท่านสามารถเดินชม เมดิน่า บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น
จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าฮัสซัน หรือ สุเหร่าหลวง (HASSAN MOSQUE) ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่าเพื่อประกอบศาสนกิจ นำท่านชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 (MAUSOLEUM OF MOHAMMED V) พระอัยกาของกษัตริย์องค์ ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม THE VIEW HOTEL หรือระดับเทียบเท่า
วันที่สามของการเดินทาง
ราบัต – เชฟเชาเอิน – ชมเมือง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองเชฟเชาเอิน (CHEFCHAOUEN) (250 กิโลเมตร)
เมืองเชฟเชาเอิน (CHEFCHAOUEN) เมืองนี้ถือเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอีกแห่งและยังเป็นเมืองที่มีชายแดนติดกับสเปนด้วยความที่รูปร่างลักษณะของยอดเขาของที่นี่เหมือนกับเขาแพะ (Chaoua) ดังนั้นชื่อเมืองจึงมี ความหมายที่ตรง ตัวเลยว่า “มองที่เขาแพะนั่นซิ” ด้วยลักษณะเมืองที่อยู่บนภูเขา จึงทําให้นักท่องเที่ยวที่มานี่ ต่างได้ลิ้มรสของความเงียบสงบ บรรยากาศโรแมนติก และได้สัมผัสถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินชม ย่านใจกลางเมืองเชฟเชาเอิน
ย่านใจกลางเมือง Plaza Uta El-Hamman คือ ย่านเมดิน่าของเมืองเซฟเชาเอิน ที่บ้านเรือนตกแต่งด้วยอาคารสีฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่ในบรรยากาศยามเย็น ที่นี่ยังมีชื่อเสียงทางด้านช้อปปิ้งอีกด้วย ที่มีทั้งสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านที่หาไม่ได้จากไหนในโมรอคโค เช่นเสื้อผ้าขนสัตว์ รวมทั้งชีสที่ทําจากแพะ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก DAR BA SIDI HOTEL
วันที่สี่ของการเดินทาง
เชฟเชาเอิน – เฟซ – ชมเมือง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางผ่านชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (ROMAN CITY OF VOLUBILIS) (165 กิโลเมตร)
เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส เมืองศูนย์กลางศาสนาอันศักดิสิทธิของชาวมุสลิมในโมรอคโค ทุกๆปี ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อ ประกอบพิธีทางศาสนา เปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอาระเบีย (เมืองโบราณอาจมีการปิดปรับปรุงโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองเฟซ (FES) (85 กิโลเมตร)
เมืองเฟซ (FES) เมืองโบราณตั้งอยู่บนพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟ (Rif Mountain) ทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง (Middle Atla) มีแม่นํ้าเฟส (River Fes) ไหลผ่านกลางเมือง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นดอกไม้ป่าสีสันสดใสขึ้นตลอดข้างทาง และที่นี่เป็นเมืองที่ยังคงมีบรรยากาศของเมืองโบราณที่ผู้คนยังใช้ลาเป็นพาหนะและบรรทุกของกันอยู่ ท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเมืองหลวงเก่าทั้งสี่แห่ง แต่สิ่งที่สําคัญของเมืองเฟสคือ ในปีค.ศ.1981 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เขตเมืองเก่าของ เฟซเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์
นำท่านขึ้นชม จุดชมวิวบนป้อมปราการ แห่งราชวงศ์ซาเดียน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พักโรงแรม FES MARRIOTT HOTEL JNAN PALACE หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง
เฟซ – อิเฟรน – เออร์ฟูย์ด – ท่องทะเลทรายซาฮาร่า – เมอร์ซูก้าร์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิเฟรน (IFRANE) (70 กิโลเมตร)
เมืองอิเฟรน (IFRANE) เป็นเมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับนํ้าทะเล เป็นที่พักตากอากาศ ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ. 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโคบ้านเรือส่วนใหญ่จะมีหลังคาสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองอิเฟรนเป็นเมืองตากอากาศที่มีสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิเดล (MIDELT) (140 กิโลเมตร) เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เขตทะเลทรายซาฮาร่า สู่ เมืองเออร์ฟูย์ด (ERFOUD) (220 กิโลเมตร)
เมืองเออร์ฟูย์ด (ERFOUD) ซึ่งเป็น โอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน สู่เขตทะเลทรายซาฮาร่า ระหว่างทางจะผ่านโอเอซิส การทําระบบชลประทานใต้ดิน ท่านใดที่เคยเที่ยวเส้นทางสายไหมในจีนมาแล้วก็จะนึกภาพออก
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมอร์ซูก้าร์ (MERZOUGA) (50 กิโลเมตร)
เมอร์ซูก้าร์ (MERZOUGA) โดยท่านจะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 WD ไป ท่องทะเลทรายซาฮาร่า “Sahara” เป็นทะเลทราย ในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า
การเข้าพักเต้นท์แคมป์ที่ทะเลทราย ท่านต้องใช้กระเป๋าสัมภาระใบเล็ก แยกไว้เพื่อนำไปใช้สำหรับการพักในทะเลทราย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม OASIS LUXURY CAMP หรือระดับเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง
เมอร์ซูก้าร์ – ทินเฮียร์ – ทอดร้าจอร์จ – วอซาเซทชมเมือง – วิสบี
5.00 น. นำทุกท่านขี่อูฐไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ ทอดร้าจอร์จ (Todra George) (200 กิโลเมตร)
ทอดร้าจอร์จ (Todra George) ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลํานํ้าเกลือที่ไหลผ่านช่องเขา กับหน้าผาสูงชันแปลกตา เป็นแหล่งปีนหน้าผาสําหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย
นำท่านแวะชม โอเอซิส Tinerhir ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกันท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคย เป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย หลังอาหารกลางงวันนำท่านเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (OUARZAZATE) (170 กิโลเมตร)
เมืองวอซาเซท (OUARZAZATE) เป็นเมืองถูกส่งเสริมให้ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ใน ทะเลทรายเพื่อการทํากิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรม ผจญภัยกลางทะเลทราย ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุม วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมาย ของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน จากนั้นเดินทางบนเส้นทาง ถนนแห่งคาชบาห์ หรือป้อมปราการนับพัน ที่ได้รับการขนานนามว่า เนื่องจากตลอดสองข้างทางจะมีคาชบาห์น้อยใหญ่หลายร้อยแห่งเรียงรายสุดลูกหูลูกตา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม KSAAR OGHANDA หรือระดับเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
วอซาเซท – ชมเมือง – ไอท์ เบนฮาดดู – ชมเมือง – มาราเกซ Fantasia Show – มาราเกซ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่านเข้าชม ป้อมทาเริท (KASBAH TAOURIRT)
ป้อมทาเริท (KASBAH TAOURIRT) เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่ง ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จํานวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยว ตามอาคารที่เบียดเสียดกัน การสร้างอาคารของชาวเบอร์ เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในยุคของตระกูล Glaoui ที่นี่มีคนงานและคนรับใช้จํานวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจํานวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง บางห้องก็ว่างเปล่า ยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคาร ทั้งหมด
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองไอท์ เบนฮาดดู (AIT BENHADDOU) (40 กิโลเมตร)
คซาร์แห่งเมืองเอทเบนฮาดดู หรือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (KASBASH OF AIT BEN HADOU)
ป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทําภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia, Jesus of Nazareth, Gladiator และและซีรีส์ชื่อดัง Game of Thrones ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้ ได้ร้บการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองมาราเกช (MARAKESH) (190 กิโลเมตร)
เมืองมาราเกช (MARAKESH) ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ บริเวณพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีหินตั้งเรียงรายตามแนวชายหาด หินชนิดนี้มีลักษณะคล้าย หินกรวด หินทราย หรือ หินปูน ลักษณะแปลกตา หินบางก้อนมีความสูง บางก้อนมีลวดลายโดยการถูกกัดเซาะของน้ำทะเลเป็นเวลานาน ทำให้หินมีหน้าตาสวยงามปะปนกับความแปลกของธรรมชาติอย่างลงตัว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักที่พัก MOVENPICK MARRAKECH หรือระดับเทียบเท่า
มาราเกซ – ชมเมือง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (BAHIA PALACE)
พระราชวังบาเฮีย (BAHIA PALACE) เป็นพระราชวังของท่านมหาอํามาตย์ ผู้สําเร็จ ราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการ วางแผนก่อสร้างและ ตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆอย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก
จากนั้นนําท่านชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล (JARDIN MAJORELLE)
สวนจาร์ดีน มาจอแรล (JARDIN MAJORELLE) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (YVES SAINT LAURENT GARDENS) ชื่อ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์ แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคย ตกเป็นของเศรษฐีแห่งมา ราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อนชม สวนที่ถูกออกแบบโดยใช้สีฟ้า และสีส้มเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสาแจกัน และชมนานาพรรณของต้นไม้แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงาม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย หลังอาหารกลางวันนำท่านชม มัสยิดคูตูเบีย (KOUTOUBIA MOSQUE)
มัสยิดคูตูเบีย (KOUTOUBIA MOSQUE) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ หอขานละหมาดมีความสูง 226 ฟุต (หรือ 70 เมตร)
นำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (DJEMAA FNAA SQUARE) ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคารร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆได้ที่
ตลาดเก่า (OLD MARKET) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมการแสดง Fantasia ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของสถานที่และสีสันของชาวโมรอคกัน ที่ต้อนรับท่านด้วยอาหารและพร้อมชมการแสดงพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม MOVENPICK MARRAKECH หรือระดับเทียบเท่า
มาราเกซ – แอลฌาดีดา – ชมเมือง – คาซาบลังก้า – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกสู่ เมืองแอลฌาดีดา (EL JADIDA) (200 กิโลเมตร)
เมืองแอลฌาดีดา (EL JADIDA) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บน อ่าวชายฝั่งทะเลแอตแลนติค เคยเป็นเมืองท่าที่สําคัญของโมรอคโคที่ทําการค้ากับชาวฟินีเชียน หลังจากมีการสร้างเมืองขึ้น ในปีค.ศ. 1506 ได้เรียกเมืองว่ามาซากัน ชมสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนอิทธิพล ระหว่างวัฒนธรรมยุโรปและโมรอคโค ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2004
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นําท่านชม บ่อเก็บนํ้าดื่ม ใต้ดินประจําเมือง นอกจากนั้นที่นี่ยังใช้เป็นคุกใต้ดินที่เคยใช้เป็นที่คุมขังของทาสในสมัยโปรตุเกส และเป็น คลังเก็บอาวุธสงคราม จากนั้นเดินทางสู่ คาซาบลังก้า (CASABLANCA) (100 กิโลเมตร)
คาซาบลังก้า (CASABLANCA) เป็นเมืองที่คนทั่ว โลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า ‘ราชอาณาจักรโมรอคโค ด้วยซํ้า เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca
สุเหราแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (MOSQUE HASSAN II) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่า อันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติ ศาสนกิจเสร็จแล้วนําชมเมืองคาซาบลังก้า
โบถส์คริสเตียน (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงาม แสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักโรงแรม FOUR SEASONS HOTEL CASABLANCA
คาซาบลังก้า – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง – สนามบินคาซาบลังก้า – ดูไบ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านผ่านชม ไอน์เดียบ (AIN DIAB)
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินคาซาบลังก้า
14.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 752/378
ดูไบ – กรุงเทพฯ
(แวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ เวลา 01.15 – 03.00 น.)
15.35 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..