17 – 28 พฤษภาคม 2566
วันเดินทาง
สายการบินลุฟท์ฮันซ่า (LH)
สายการบิน
เยอรมนี
ประเทศ

ทัวร์ยุโรป :  LOVELY GERMANY สายการบิน LUFTHANSA 12 วัน (LH)  

กำหนดการเดินทาง : 17 – 28 พฤษภาคม 2566

ประเทศ : เยอรมนี

สายการบิน : Lufthansa เที่ยวบินที่ LH 773

ราคา : 199,800 บาท

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

1

วันแรกของการเดินทาง

กรุงเทพฯ -มิวนิค

21.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบิน Lufthansa (LH) เจ้าหน้าที่จากบริษัทเร้นจ์ฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

23.00 น. เดินทางสู่  เมืองมิวนิค (MUNICH) โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH 773

2

วันที่สองของการเดินทาง

มิวนิค ชมเมือง พระราชวังนีมเฟนบวร์ก – เนิร์นแบร์ก – ชมเมือง

05.20 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองมิวนิค (MUNICH) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองมิวนิค

 มิวนิก  / ชมเมือง

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองมิวนิค มหานครแห่งแคว้นทางตอนใต้ เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามมากมาย อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทาง วัฒนธรรมของภูมิภาค และเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์ที่เด่นที่สุดในประเทศเยอรมนีอีกหลายแห่ง ชมอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่สวยงามจากยุคสมัยอันรุ่งเรืองของราชวงศ์ WITTELSBACH 

บริเวณจัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (MARIENPLATZ) ซึ่งถือเป็นหัวใจของเขตเมืองเก่า และเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มชมเมือง

จากนั้นนำท่าน เข้าชมพระราชวังนีมเฟนบวร์ก (NYMPHENBURG PALACE)

พระราชวังนีมเฟนบวร์ก (NYMPHENBURG PALACE)

พระราชวังนีมเฟนบวร์ก (NYMPHENBURG PALACE) พระราชวังแบบบารอค (Baroque) สำหรับประทับในฤดูร้อนของราชวงศ์ WITTELSBACH ผู้ปกครองรัฐ Kurfürsten Ferdinand Maria ให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1664 เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ภริยา Adelheid von Savoyen ที่ได้ให้กำเนิดบุตรชาย Maximilian II Emanuel ต่อมาในปี 1701 Maximilian II ได้สืบทอดราชบัลลังก์ จึงได้ต่อเติมพระราชวังออกไปทั้งด้านเหนือ และด้านใต้ จนถึงสมัยที่พระโอรสขึ้นครองราชย์ Holy Roman Emperor Charles VII Albert ในปี 1742 จึงได้ต่อเติมพระราชวังนี้เป็นแบบบารอค กษัตริย์ลุดวิกที่สองแห่งบาเยิร์น ก็ได้ประสูติที่พระราชวังแห่งนี้เช่นกันเมื่อปี 1845 นำท่านชมความสวยงามของห้องต่างๆที่มีการตกแต่งไว้อย่างหรูหราอลังการ ได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเนิร์นแบร์ก (NUREMBERG) (170 กิโลเมตร) เมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐบาวาเรีย อันมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี โดยเป็นเมืองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งอดีตเป็นศูนย์ประชุมหลักของพรรคนาซี เดินทางถึง เมืองเนิร์นแบร์ก (NUREMBERG)

จากนั้นนำท่านชม ชมเมืองเนิร์นแบร์ก

เนิร์นแบร์ก / ชมเมือง

นำท่าน เดินเล่นชมเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 900 ปี ซึ่งถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในปี 1945 จากสัมพันธมิตรแต่ปัจจุบันได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่ให้งดงามดังเดิม ผ่านชมเม้าท์ฮาล์ (MAUTHALLE) โรงเก็บส่วยภาษีอากรในอดีตที่ถือเป็นอาคารประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของเมืองบ้านนัสเซา (NASSAU HOUSE)  หนึ่งในตัวอย่างบ้านขุนนางชั้นสูงสมัยยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีที่สุดหลังหนึ่ง  จากนั้นเดินเล่นชมเมืองต่อบริเวณจัตุรัสกลางใจเมือง (HAUPTMARKT)  ซึ่งมีโบสถ์พระแม่มาเรีย (FRAUENKIRCHE) จุดเด่นคือ มีนาฬิกาตุ๊กตาไขลานที่หน้าจั่วของโบสถ์ ตัวนาฬิกาและตุ๊กตาประดับนี้ถูกสร้างเพิ่มเติมภายหลังในปีค.ศ 1509 เพื่อเป็นการรำลึกถึง “พระราชกฤษฎีกาทองคำปี 1356” ที่ตราขึ้นตาม

พระราชบัญชาของจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ อิสระให้ท่าน ถ่ายภาพความงดงามของน้ำพุเชินเนอร์บรุนเนน (SCHONER BRUNNEN) สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ 1389 – 1396 ด้วยหินรูปทรงปิรามิดยาว 19 เมตร มีลักษณะคล้ายยอดหอคอยสไตล์กอธิค ในแต่ละชั้นมีรูปปั้นประดับอยู่รวมทั้งหมด 40 ตัว โดยรูปชั้นบนสุดเป็นรูปปั้นโมเสส และ 7 นักพยากรณ์ จนกระทั่งไดเวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม NH COLLECTION NUREMBERG CITY ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

3

วันที่สามของการเดินทาง

เนิร์นแบร์ก – แบมแบร์ก – เบรอยท์ – ชมเมือง – มาเรียนสเก ลาซเน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแบมแบร์ก (BAMBERG) (65 กิโลเมตร)

แบมแบร์ก (BAMBERG) / ชมเมือง

อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของรัฐบาวาเรีย เนื่องจากพื้นที่ ส่วนใหญ่ของเมืองนั้นถือว่าเป็นศูนย์รวมทางประวัติศาสตร์ ที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ.1993 เดินทางถึง เมืองแบมเบิร์ก จากนั้นนำท่าน ชมย่านเมืองเก่าซึ่งจุดเด่นของเมืองนี้อยู่ที่ศาลากลางหลังเก่า (Altes Rathaus) ซึ่งถูกสร้างขึ้นตรงกลางของสะพาน Enterebrucke ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเร็กนิทซ์ (Regnitz River) เพื่อเป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างฝั่งชาวบ้านกับฝั่งวัด โดยอาคารถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 เป็นสัญลักษณ์ของเมือง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองเบรอยท์ (BAYREUTH) (65 กิโลเมตร)

เบรอยท์ (BAYREUTH)

เมืองที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับนักแต่งเพลง ริชาร์ด วากเนอร์ มีโอเปร่าเฮาส์แห่งแรกของบายรอย MARGRAVIAL OPERA HOUSE ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นโรงละครสไตล์บาร๊อคที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี เดินทางถึง เมืองเบรอยท์ 

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมเมือง

เบรอยท์ / ชมเมือง

จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพบริเวณด้านหน้าโอเปร่าเฮาส์แห่งแรกของบายรอย MARGRAVIAL OPERA HOUSE ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1744 – 1748 ซึ่งเป็นโรงละครโบราณสมัยศตวรรษที่ 18 เพียงไม่กี่แห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ สร้างโดย Markgravine Wilhelmine ผู้เป็นน้องสาวของ Frederick The Great ภายในออกแบบโดยสถาปนิก Guiseppe Galli Bibiena สร้างด้วยไม้ วิจิตรงดงามมาก

นำท่านเดินทางสู่ เมืองมาเรียนสเก ลาซเน (Marianske Lazne) หรือ Marianbad (ในภาษาเยอรมัน) (170 กิโลเมตร) ตั้งอยู่ในแคว้น Karlovy Vary สาธารณรัฐเชก เมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงจากการเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนสำหรับการทำสปาชั้นนำในยุโรป เมืองนี้มีบ่อน้ำพุมากกว่า 100 แห่ง รวมถึงบ้านเรือนในเขตเมืองถูกสร้างขึ้นในสไตล์โบฮีเมียนตอนปลาย จึงทำให้เมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ต้องห้ามพลาด

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม Falkensteiner Spa Resort Marianske Lazne ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า

4

วันที่สี่ของการเดินทาง

มาเรียนสเก ลาซเน คาร์โลวี วารี ชมเมือง – เดรสเดน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถในแบบฉบับของท่านตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาร์โลวี วารี (KARLOVY VARY) (60 กิโลเมตร) หรือ คาร์ลสบาด ในภาษาเยอรมัน

คาร์โลวี วารี (KARLOVY VARY)

เมืองสปาที่โด่งดังที่สุดของสาธารณรัฐเชค เป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ด้วยความเชื่อในการดื่มน้ำแร่รักษาตัว และบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะโรคทางเดินอาหาร เมื่อคนในวงสังคมมารวมตัวที่นี่กันมากๆเข้าคาร์โลวีวารีก็กลายเป็นศูนย์กลางของการแสดง และดนตรีไปด้วย นักดนตรีฝีมือเยี่ยม และผู้สร้างละครหลายต่อหลายคนมาเปิดการแสดงที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักดนตรีเอกของเชค คือ ดโวรัค (DVORAK) ได้เปิดการแสดงซิมโฟร์นีนิวเวิลด์เป็นครั้งแรกที่เมืองนี้ เดินทางถึง เมืองคาร์โลวี วารี

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย  นำนำท่าน ชมเมืองคาร์โลวี วารี เมืองหนึ่งที่รอดพ้นจากการทำลายโดยพวกนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

คาร์โลวี วารี / ชมเมือง

นำท่าน ชมเมืองคาร์โลวี วารี เมืองบ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 34 – 73 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคได้หลายชนิดในอดีตกล่าวว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 (CHARLES IV) กษัตริย์แห่ง 3 อาณาจักรใหญ่ คือ เชค เยอรมนี และโรมัน ได้มาพบบ่อน้ำพุร้อนนี้เข้าโดยบังเอิญในราวกลางคริสศตวรรษที่ 14 จากนั้นในช่วงคริสตศตวรรษที่ 19 คาร์โลวี วารี ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนานาชาติให้ความสนใจ และเดินทางมาพักผ่อนกันเป็นอย่างมากจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ นำท่านชมย่านร้านค้าหอนาฬิกาโบสถ์ประจำเมือง และให้ท่านได้ทดลองดื่มน้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงในยุโรป เพื่อประสบการณ์ใหม่ในชีวิต

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเดรสเดน (DRESDEN) (180 กิโลเมตร) เมืองที่มีความสวยงามที่สุดในเยอรมนีเมืองหนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็น “ฟลอเรนซ์แห่งแม่น้ำเอลเบอร์” ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องจากเป็นเมืองหลวง และเป็นที่ประทับของเหล่ากษัตริย์แห่งแซกโซนี ที่ได้สร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมให้กับเมืองนี้ พื้นที่โดยรอบจึงเรียงรายไปด้วยเมืองเก่า และพระราชวังหลายแห่ง นักท่องเที่ยวสามารถชิมไวน์รสเลิศที่ผลิต ณ ริมฝั่งแม่น้ำเอลเบอร์แถบนี้ได้ เดินทางถึง เมืองเดรสเดน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม STEIGENBERGER DE SAXE ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

5

วันที่ห้าของการเดินทาง

เดรสเดน ชมเมือง – พระราชวังสวิงเกอร์ ไลพ์ซิก – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น

เดรสเดน / ชมเมือง

นำท่าน ชมเมืองเดรสเดน ฉายา “กรุงฟลอเรนซ์แห่งแม่น้ำเอลเบ้” ที่ชาวเมืองต่างภูมิใจว่าในอดีตที่นี่คือเมืองที่สวยที่สุดในเยอรมนีปัจจุบันได้รับการบรูณะให้งดงามเหมือนก่อนถูกระเบิดทางอากาศทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านชมบริเวณศาลาว่าการ และ KREUZKIRCHE โบสถ์เก่าแก่ที่สุดของเมือง สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 ที่เชื่อกันว่ามีชิ้นส่วนของไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ ที่ใช้ตรึงพระคริสต์ ถ่ายภาพกับเซมเพอร์โอเปร่าเฮ้าส์ (SEMPEROPER) สถานที่อันโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม และดนตรี ตั้งอยู่ ณ บริเวณจัตุรัสเธียเตอร์ใกล้กับพระราชวังสวิงเกอร์ เป็นโรงโอเปร่าที่ออกแบบในสไตล์อิตาเลี่ยนบารอค บริเวณอาคารหลังใหม่ด้านหน้าโรงโอเปร่าจะมีรูปปั้นของกษัตริย์โจฮานทรงอยู่บนหลังม้า และอนุสาวรีย์ที่สร้างอุทิศให้แก่นักแต่งเพลง คาร์ล มาเรีย เวเบอร์ ผู้อำนวยการดนตรีของเดรสเดน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังสวิงเกอร์ (ZWINGER PALACE)

พระราชวังสวิงเกอร์ / GREEN VAULT

สถาปัตยกรรมแบบบาร็อคที่สวยงามเกินคำบรรยายชมมหาวิหารคาทอลิกที่สร้างขึ้นในยุคทองของเมืองแต่ถูกระเบิดถล่มแล้วซ่อมแซมเสร็จในปัจจุบัน ผนังทำด้วยกระเบื้องโมเสคจากโรงงานไมเซนที่เล่าเรื่องราวของขบวนเสด็จของเจ้าแห่งแซกโซนีที่ยาว 102 เมตร นับรวม 35 พระองค์ ตั้งแต่องค์แห่งในศตวรรษที่ 12 จนถึงองค์สุดท้ายในศตวรรษที่ 20 เข้าชม พิพิธภัณฑ์มหาสมบัติในห้องเขียว “GREEN VAULT OF DRESDEN” ในอาคารอัลแบริตินุมที่สร้างอย่างพิเศษเหมือนห้องนิรภัย กำแพงแต่ละด้านหนาหลายเมตร หน้าต่างกรุเหล็กทึบ และมีช่องทางเดินที่ลึกลับ เป็นที่เก็บรวบรวมสมบัติเครื่องเพชร งานศิลป์ที่วิจิตรที่ทำจากอัญมณีล้ำค่า เครื่องเงิน เครื่องทอง ของประดับในพระราชวังที่ทำจากช่างฝีมือเอกที่หาชมได้ยากยิ่งนัก จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองไลป์ซิก (LEIPZIG) (115 กิโลเมตร) เพื่อนำท่าน ชมเมืองไลป์ซิก

ไลป์ซิก (LEIPZIG)

เมืองสำคัญในอดีตอีกเมืองหนึ่งที่ชาวเยอรมันเรียกกันว่า เมืองแห่งวีรบุรุษ ไลป์ซิกได้ชื่อนี้มาเนื่องจากประชากรในเมืองมีส่วนร่วมที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจนนำไปสู่การรวมเยอรมันในปี 1989 อีกทั้ง “โยฮันน์ วูล์ฟกัง วัน เกอเธ่” นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงชาวเยอรมันยังเคยยกย่องเป็น “ปารีสน้อย”เนื่องจากเป็นเมืองที่สวยงามและป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมของยุโรปสมัยกลางอีกด้วย เดินทางถึง เมืองไลป์ซิก

ไลป์ซิก / ชมเมือง

นำท่าน ชมย่านเมืองเก่าของเมืองไลป์ชิก เมืองศูนย์กลางการค้าสมัยโบราณ เป็นที่ชุมนุมของปัญญาชน นักเรียน นักศึกษา จากทั่วสารทิศ เป็นแหล่งรวมสินค้าอย่างดีเลิศ ทำให้เมืองไลป์ซิกมีความหรูหราโอ่อ่า และเป็นเมืองที่ร่ำรวย สถาปัตยกรรมของเมืองไลป์ซิกส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในยุคบารอค โดยผสมผสานเข้ากับความทันสมัยแบบศตวรรษที่ 21 ได้อย่างลงตัว ผ่านชม THE SAINT ALEXI MEMORIAL CHURCH โบสถ์ที่มีความสวยงาม และเป็นศูนย์กลางศิลปะแบบออธอดอกซ์ของเมือง โบสถ์เซนต์นิโคไล (ST.NIKOLAI CHURCH) โบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเมือง และเป็นสถานที่ฝังศพของโยฮัน เซบาสเตียน บาคอีกด้วย จากนั้นอิสระให้ท่านชมย่านการค้ากลางเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และศูนย์การค้าต่างๆ มากมาย ที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสไตล์อาร์ตนูโว และร็อคโคโค อาทิ ย่านมาดเลอร์ พาสเสจ (MADLER PASSAGE) อันสง่างาม จนได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม LEIPZIG MARRIOTT ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

6

วันที่หกของการเดินทาง

ไลป์ซิก เบอร์ลิน – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ กรุงเบอร์ลิน (BERLIN) (190 กิโลเมตร)

เบอร์ลิน (BERLIN)

เมืองซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกแบ่งออกเป็นเบอร์ลินตะวันออกและเบอร์ลินตะวันตก เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีถนนที่น่าเดินเที่ยว 2 สาย นั่นคือ KURFURSTENDAMM ถนนสาย

ช้อปปิ้งที่แสนหรู กับ UNTER DEN LINDEN ที่ยืนยันความรุ่งเรืองตั้งแต่อดีตกาลด้วยบรรดาพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาคารเก่าแก่ โรงละคร ห้องแสดงคอนเสิร์ต และห้องแสดงงานศิลปะอีกมากมาย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมเมืองเบอร์ลิน

เบอร์ลิน / ชมเมือง

จากนั้นนำท่าน ชมเบอร์ลินฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของนครหลวงของปรัสเซียนโบราณ ชม ประตูชัยบรันเด็นบูร์ก ถนนอุนเทอร์เด็นลินเด้น (UNTERDEN LINDEN) ที่เก่าแก่ และถือว่าเป็นเส้นที่สง่างามที่สุด

ผ่านชมมหาวิหารเซ้นต์เฮ้ดวิกส์ โรงอุปรากร (SCHAUBUHNE AM LEHNINER PLATZ) จากนั้นนำท่าน ชมบริเวณที่เคยเป็นอดีตเบอร์ลินตะวันตก ผ่านชมศาลากลางซอร์นแบร์ก ซึ่งในอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี้ เคยกล่าว “อีค บิน ไอน์ แบร์ลิเนอร์” ต่อประชากรเบอร์ลิน 450,000 คน เช็คพ้อยท์ชาร์ลี อดีตจุดตรวจของทหารพันธมิตรตรงพรมแดนที่จะเข้าเขตเบอร์ลินตะวันออก ชมซากปรักหักพังที่พอให้เห็นบางส่วนของกำแพงเบอร์ลิน (BERLIN WALL) หลังจากถูกทำลายลงเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2532 จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร  

นำท่านเข้าสู่โรงแรม NH Collection Berlin Mitte am Checkpoint Charlie ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

7

วันที่เจ็ดของการเดินทาง

เบอร์ลิน – พอตสดัม- พระราชวังซองส์ซูซี – เบอร์ลิน ช้อปปิ้ง

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พอตสดัม (POTSDAM) (40 กิโลเมตร) เมืองที่มีความเก่าแก่มากกว่าเมืองเบอร์ลินถึง 250 ปี ในตอนกลางของคริสตศตวรรษที่ 17 เมืองนี้ได้ถูกเลือกให้เป็นที่ประทับของบรรดา

เจ้านายในราชสำนัก จึงได้เกิดการก่อสร้างปราสาทราชวังในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ขึ้นมากมาย

พระราชวังซองส์ซูซี (SANSSOUCI)

จากนั้นนำท่าน เข้าชมพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์ปรัสเซียในราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิน พระราชวังซองส์ซูซี (SANSSOUCI) พระราชวังฤดูร้อนที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส แต่มีขนาดเล็กกว่า และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นำท่านชมความงามของห้องต่างๆ ภายในพระราชวังที่ตกแต่งในแบบร็อคโคโค เช่น ห้องที่ประทับ ห้องบรรทม ห้องแสดงคอนเสิร์ต ฯลฯ จากนั้น ชมสวนของพระราชวังที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธ์ และรูปปั้นรูปสลักตามเรื่องราวเทพปกรณัมต่างๆ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเบอร์ลิน (BERLIN) (40 กิโลเมตร) เพื่อนำท่าน เข้าชมพิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน

Pergamonmuseum Pergamonaltar

(PERGAMON MUSEUM)

พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (PERGAMON MUSEUM)

แหล่งรวบรวมงานศิลปกรรมอารยธรรมโบราณของตะวันออกใกล้สมัยก่อนคริสตกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้ชม วิหารเพอร์กามอน หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ  แสดงฉากการต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพเจ้าและอสูร กระเบื้องสีแสดงขบวนการราชพิธีชองชาวเลบานอน ชมกำแพงเมืองอิชช่า ที่ทำมาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินซึ่งเป็นสิ่งมีค่าและหายากมากในปัจจุบันรวมทั้งมหาสมบัติไอยคุปต์ของอียิปต์โบราณ ซึ่งล้วนประเมินค่ามิได้ 

ช้อปปิ้ง ห้างคาเดเว (KADEWE)

จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ ห้างคาเดเว (KADEWE) ห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศเยอรมัน มีพื้นที่ขายกว่า 60,000 ตารางเมตร และมีสินค้ากว่า 380,000 รายการตั้งอยู่ในบนถนนโทเอนซีนสตราสเซอ (Tauentzienstrasse) ย่านช้อปปิ้งสุดหรูกลางกรุงเบอร์ลิน เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2450 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในห้างหรูของยุโรปที่ทางเซ็นทรัลกรุ๊ปของคนไทยได้ร่วมเป็นเจ้าของอยู่ด้วย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร  

นำท่านเข้าสู่โรงแรม NH Collection Berlin Mitte am Checkpoint Charlie ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

8

เบอร์ลิน – แมคเดบวร์ก – ชมเมือง – บรันชวิคชมเมือง

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแมคเดบวร์ก (MAGDEBURG) (160 กิโลเมตร)  

แมคเดบวร์ก (MAGDEBURG)

เมืองสวยริมแม่น้ำเอลเบอร์ ทางตอนใต้ของกรุงเบอร์ลิน ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่คริสต์ศักราช 805 เป็นเมืองที่ชื่นชอบของพระเจ้าออตโตมัน กษัตริย์ของอาณาจักรโรมันที่ทรงมอบเมืองแห่งนี้ให้เป็นของขวัญกับพระนางเจ้า Edith พระราชินีของพระองค์ จากนั้นท่านทรงนำความเจริญรุงเรืองในหลายๆด้านเข้ามาสู่เมืองแห่งนี้ ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปยังรักและนับถือพระองค์ตลอดมา

จากนั้นนำท่าน ชมสะพานคลอง “MAGDEBURG WATER BRIDGE”  หนึ่งในสุดยอดงานทางวิศวกรรมสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้น

MAGDEBURG WATER BRIDGE

เป็นสะพานที่บรรจุคลองไว้บนสะพาน (Canal bridge)   สะพานที่มีคลองนี้กำเนิดขึ้นมา เพราะความต้องการเชื่อมคลองสองคลองเข้าด้วยกัน ความพยายามที่เริ่มขึ้นในปี 1938 เรื่อยมาจนการก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามสงบลงเยอรมันถูกแบ่งออกเป็น เยอรมันตะวันออก และเยอรมันตะวันตก โครงการจึงหยุดอย่างไม่มีกำหนด จวบจนเยอรมันทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง โครงการจึงเริ่มก่อสร้างอีกครั้งในปี 1997 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2003 ใข้เวลาสร้างถึง 6 ปี สะพานคลองเส้นนี้สร้างคร่อมข้ามแม่น้ำแอลเบ้ (Elbe River) และเชื่อมกับคลอง Elbe-Havel Canal ไปยังคลอง Mittelland canal ย่นระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร (7.5 ไมล์) ใช้เพื่อการขนส่งสินค้าทางตะวันออกและตะวันตก เป็นเส้นทางสำหรับเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่แล่นข้ามแม่น้ำแอลเบ้  ถือเป็นสะพานเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่ยาวที่สุดในโลก  จนได้เวลาสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบรันชวิค (BRAUNSCHWEIG) (100 กิโลเมตร) มีอายุเก่าแก่กว่าพันปี

บรันชวิค (BRAUNSCHWEIG)

ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางเหนือของประเทศเยอรมนี มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเรียกว่า ที่ราบเยอรมันเหนือ (Norddeutsches Tiefland) มีแม่น้ำโอเคอร์ (Oker) ยาว 128 กิโลเมตร ไหลจากทิศใต้ขึ้นสู่ทิศเหนือผ่านเขตเมืองเก่า แม่น้ำสายนี้มีลักษณะพิเศษคือเมื่อเริ่มไหลเข้าเขตเมืองเก่าทางทิศใต้จะมีฝายกั้นน้ำแยกแม่น้ำออกเป็นสองส่วน และบรรจบกันอีกครั้งทางตอนเหนือ ทำให้เขตเมืองเก่าของเบราน์ชไวก์มีสภาพคล้ายเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในยุคกลางทำหน้าที่เป็นป้อมปราการธรรมชาติของเมือง เดินทางถึง เมืองบรันชวิค 

นำท่านชมเมืองบรันชวิค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแม่น้ำโอเคอร์ เป็นอดีตอาณาจักรของเยอรมนี เดิมแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์  ชมและเก็บภาพความประทับใจ บริเวณลานจัตุรัส บูวร์กพลัทซ์ (Burgplatz) ย่านใจกลางเมืองเก่าของเมือง

ชมย่านใจกลางเมืองเก่าบรันชวิค

นำท่านชมย่านใจกลางเมือง อันประกอบด้วยกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง ได้แก่ มหาวิหารเบราน์ชไวก์ (Braunschweiger Dom) สร้างช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12, ปราสาทบูร์กดังก์วาร์เดโรเด (Burg Dankwarderode),  ศาลากลางเมืองยุคสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิค ,  บ้านกิลเดเฮาส์ (Gildehaus) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งสมาคมช่างฝีมือของเมือง รูปปั้นบรอนซ์รูปสิงโต บูร์กเลอเว (Burglöwe ) สร้างเมื่อปี1166 ด้วยศิลปะแนวโรมาเนสก์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร  

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม INTERCITYHOTEL BRAUNSCHWEIG ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

9

บรันชวิคฮิลเดไชม์ ชมเมือง – คาสเซล – ชมเมือง – โคโลญจน์

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฮิลเดไชม์ (HILDESHEIM) (55 กิโลเมตร) เมืองแห่งศิลปะทางศาสนาสไตล์

โรมาเนสก์จากจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ประเทศเยอรมนี

ฮิลเดไชม์ (HILDESHEIM) / ชมเมือง

เมืองมหาเสน่ห์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “กุหลาบแห่งเยอรมนี” โดยเมืองนี้ถือว่ามีความเก่าแก่ที่สุดในเยอรมนีตอนเหนือ เมืองนี้เป็นที่รู้จักอย่างมากจากวิหารฮิลเดสไฮม์ (Hildesheim Cathedral) มหาวิหารที่มีพุ่มกุหลาบที่ตำนานกล่าวกันว่ามีอายุหนึ่งพันปี และตราบใดที่กุหลาบผลิดอกบาน มหาวิหารนี้จะไม่มีวันเสื่อมถอย มหาวิหารเซนต์แมรี่ และเซนต์ไมเคิล (St Mary’s Cathedral and St Michael’s) เป็นตัวอย่างของศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นงานศิลปะที่ได้สูญหายไป องค์การยูเนสโก้จึงอนุรักษ์ทั้งสองโบสถ์ไว้ให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1985 จากนั้นนำท่าน แวะเดินเล่นตลาดเก่า (Old Market) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดที่สวยงามมากที่สุดในโลก บริเวณรอบๆจะมี Butchers’Guild Hall อาคารไม้ที่มีความเก่าแก่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟมากมาย ให้ท่านเดินเล่นอย่างเพลิดเพลินไปกับอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษน์รูปแบบเอาไว้เหมือนดังเช่นในอดีตตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาสเซล (KASSEL) (145 กิโลเมตร)

คาสเซล (KASSEL)

เมืองที่รู้จักกันในนาม “เมืองแห่งโดคูเมนต้า” หลังจากที่เกือบจะถูกทำลายด้วยระเบิดอย่างสิ้นเชิงจากฝ่ายพันธมิตรในปีค.ศ 1943 เมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากผังเมืองเก่า และมีอาคารประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการอนุรักษ์ขึ้นมาใหม่ เดินทางถึง เมืองคาสเซล

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน เข้าชมสวน Bergpark Wilhelmshöhe สวนสาธารณะพื้นที่ 2.4 ตารางกิโลเมตรที่องค์การ UNESCO ประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2013

ชมสวน Bergpark Wilhelmshohe

สวนสาธารณะบนเนินเขา Karlsberg ที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1689 แห่งนี้นับเป็นสวนสาธารณะบนเนินเขาที่มีขนาดใหญ่สุดในทวีปยุโรป และใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ถ่ายภาพกับสัญลักษณ์ของเมืองคาสเซล คือ รูปปั้นเฮอร์คูลิส (HERKULES) ขนาดมหึมา เทพเจ้ากรีกที่ทำจากทองแดงอยู่ที่ส่วนบนสุดซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของสวน ด้านหน้าของรูปปั้นเฮอร์คูลิส มีทางน้ำที่เรียกว่า Wasserspiele (water games) ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 1701 โดย Giovanni Francesco Guerniero ศิลปินชาวอิตาเลียนเป็นไฮไลต์หลัก และน้ำตกนี้มีเฉพาะทุกวันพุธและวันอาทิตย์ เวลา 14.30 น. ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเท่านั้น จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโลญจน์ (COLOGNE) (195 กิโลเมตร)

โคโลญจน์ (COLOGNE)

เมืองสำคัญริมแม่น้ำไรน์ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ เป็นศูนย์กลาง ทางการค้า อุตสาหกรรม และศิลปะ ทั้งยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของน้ำหอม 4711 (Eau de Cologne) มีมหาวิหารขนาดใหญ่อลังการที่สุดในยุโรป ซึ่งได้รับการยกขึ้นเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก อดีตเคยได้รับความเสียหายอย่างหนักระหว่างการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะตั้งอยู่กลางเมือง และใกล้กับสะพานที่เป็นยุทธศาสตร์ทางการทหาร เมื่อสงครามยุติจึงได้มีการบูรณะขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจวบจนปัจจุบันก็ยังบูรณะไม่เสร็จสิ้นทั้งหมด เดินทางถึง เมืองโคโลญจ์

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร  

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม STEIGERBERGER KOLN ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

10

โคโลญจน์ – บ๊อบพาร์ด – ล่องแม่น้ำไรน์ – รูเดสไฮม์ – แฟรงเฟิร์ต

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่าน เข้าชมมหาวิหารแห่งโคโลญจน์ (Cologne Cathedral) มีอายุกว่า 700 ปี  ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญจ์ นับเป็นจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญจน์ และประเทศเยอรมนี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1996

มหาวิหารแห่งโคโลญจน์

เป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในช่วงปี 1880-1884 ปัจจุบันติดอันดับ 4 วิหารที่สูงที่สุดในโลก เป็นหอคอยแฝด สูง 157เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร สร้างเพื่ออุทิศให้นักบุญปีเตอร์ (Saint Peter) และพระแม่มารี (Blessed Virgin Mary) ด้านนอกสีกึ่งดำทะมึนเป็นศิลปะโกธิค (Gothic) มีรายละเอียดตกแต่งด้วยปูนปั้นรูปนักบุญต่างๆ ด้านในเป็นจิตรกรรมประดับด้วยกระจกสีที่บรรจงแต่งเป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์อันวิจิตรงดงาม อิสระให้ท่านชมความงามของโบสถ์ตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบ๊อบพาร์ด (Boppard) (125 กิโลเมตร) เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำไรน์ที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม เมืองบ็อบพาร์ตเป็นศูนย์กลางการผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดบนลุ่มแม่น้ำไรน์ตอนกลาง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่าน ล่องแม่น้ำไรน์ ชมความสวยงามของแม่น้ำไรน์ แม่น้ำสายโรแมนติก ที่มีความยาวเป็นอันดับที่ 3 ของทวีปยุโรป รองจากแม่น้ำโวลก้า และแม่น้ำดานูบ

ล่องแม่น้ำไรน์

การล่องเรือเที่ยวแม่น้ำไรน์นั้นนิยมล่องกันตั้งแต่เมืองบ๊อบพาร์ด มาถึงเมืองเซนต์กอร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่งดงามที่สุด เพราะมีลำน้ำแคบ และคดเคี้ยวไปมาในหุบเขา สองฝั่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมงดงาม บ้านหลังเล็กๆ น้อยๆ แบบเยอรมัน และไร่องุ่น อิสระท่านชมวิวทิวทัศน์ริมสองฝากฝั่งที่เต็มไปด้วยปราสาท ความเขียวขจีของขุนเขาอันสวยงามที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างหลั่งไหลกันมาชื่นชม บ้านทรงแปลกตา สวยงามริมสองฝั่งแม่น้ำไรน์ และไหล่เขาที่ปลูกไร่องุ่นเขียวขจีตลอดลํานํ้า กับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติคเพลิดเพลิน จนกระทั่งเดินทางถึง ท่าเรือเมืองเซนต์กอร์ (St.Goar)  เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำไรน์ที่แสนเงียบสงบ จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองรูเดสไฮม์ (RUDESHEIM) (35 กิโลเมตร) เมืองขนาดเล็กทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไรน์

RUDESHEIM AM RHEIN, GERMANY, AUGUST 16, 2018: City center of Rudesheim am Rhein in Germany

รูเดสไฮม์ (RUDESHEIM) / ชมเมือง

เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติการอยู่อาศัยมานานกว่า 2,000 ปี ทิวทัศน์เต็มไปด้วยไร่องุ่นนับพันไร่ ที่ปลูกจัดไว้เป็นแปลงบนไหล่เขาที่ราบกว้าง เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์ชั้นดี มีปราสาทเก่าแก่อยู่หลายแห่ง บางแห่งอายุนับพันปี มีโบสถ์และอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ และธรรมชาติที่สวยงามดั่งภาพในนิยาย ชมย่านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมือง ชื่อว่า “ดรอสเสลแกสเซ” (Drosselgasse) เป็นเลนยาวเพียงร้อยกว่าเมตร แต่นับว่าเป็นหัวใจของเมืองรูเดสไฮม์ที่เต็มไปด้วยอาคารร้านค้าที่ขายของที่ระลึก ร้านไวน์และภัตตาคารมากมาย ที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจำนวนมาก ถ่ายภาพกับอาคารไม้เก่าแก่ของเมือง มีชื่อว่า KLUNKHARDSHOF ที่เป็นอาคารไม้ลายสวยงามที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จากนั้นอิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและไวน์บาร์ หรือเลือกซื้อไวน์ชั้นดีติดไม้ติดมือกลับบ้าน

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองแฟรงเฟิร์ท (FRANKFURT) (70 กิโลเมตร)

แฟรงค์เฟิร์ท (FRANKFURT)

เมืองที่ได้รับการพัฒนาจนกลายมาเป็นชั้นแนวหน้าเมืองนานาชาติ เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งเป็นเสมือนเส้นตัดกันของถนน รถไฟ และเครื่องบินที่สำคัญๆ เป็นที่ตั้งของโลกทางด้านเศรษฐกิจ ตึกสูงระฟ้าที่มีธนาคารต่างชาติ และสถาบันการเงินต่างๆตั้งอยู่ อาทิ ธนาคารบุนเดส สถาบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเยอรมนี รวมไปถึงสถาบันทางการเงินมากมาย

ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม RADISSON BLU FRANKFURT ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

11

แฟรงเฟิร์ท – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง – กรุงเทพฯ

ชมเมืองแฟรงค์เฟิร์ท

ชมเมืองแฟรงค์เฟิร์ท บริเวณจัตุรัสรือเมอร์ (ROMERBERG) ย่านใจกลางเมืองเก่าอันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง ศิลปะแบบโกธิค ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบกับอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่าออสไซเล่อ”(OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเก็บได้ทุกรายละเอียด ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรม ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ย่านดัง Goethestrasse อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

Goethestrasse

Goethestrasse ถนนที่หรูหราที่สุดของแฟรงก์เฟิร์ต และมักเรียกกันว่า Luxusgasse (ถนนสุดเลิศหรู) ถนนสายนี้เปรียบได้กับร้านบูติกดีไซเนอร์ชั้นนำระดับโลกขนาดยักษ์ที่รวบรวมแบรนด์ต่างๆ เช่น Miu Miu, Tiffany, Cartier และ Gucci นอกจากนี้ถนนที่ใกล้กันนี้ ถนน Opernplatz ยังเหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหลังจากช้อปปิ้ง ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอย่างเต็มที่ จนกระทั่งได้เวลาอันควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน

20.15 น.  ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH 120/772

*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค เวลา 2 1.10 – 22.25 น. ***

12

กรุงเทพ

14.10 น.  เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…