- ทัวร์ช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. 2566
- ทัวร์ยุโรป เที่ยวยุโรป ทัวร์ต่างประเทศ แพคเกจทัวร์ยุโรป โปรแกรมทัวร์ยุโรป
- ทัวร์อิตาลี เที่ยวอิตาลี ช้อปปิ้งอิตาลี
ทัวร์ยุโรป : KINGDOM OF SICILY & MALTA 11 วัน
กำหนดการเดินทาง : 19 – 29 ต.ค. 2566 / 02 – 12 พ.ย. 2566
ประเทศ : อิตาลี
สายการบิน : Lufthansa เที่ยวบินที่ LH773/1866
ราคา : 245,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพฯ – ปาแลร์โม
20.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบิน Lufthansa (LH) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
23.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH 773/LH1914
วันที่สองของการเดินทาง
ปาแลร์โม – ชายหาดมอนเดลโล
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนีเวลา 05.20 – 09.10 น. ***
.11.05 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองปาแลร์โม (PALERMO) เมืองหลวงติดชายฝั่งทะเลของเกาะซิซิลี
หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว
ปาแลร์โม (PALERMO)
เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะที่มีการผสมผสานกันของหลายวัฒนธรรม อาทิ อาหรับ ฝรั่งเศส สเปน และไบเซนไทน์ ซึ่งท่านสามารถพบเห็นร่องรอยของวัฒนธรรมเหล่านี้ได้จากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองปาโลม่าแห่งนี้แห่งเดียว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่าน แวะถ่ายภาพกับสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ ชายหาดมอนเดลโล (MONDELLO) (25 กิโลเมตร)ให้ท่านได้ผ่อนคลายกับทิวทัศน์ของชายหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาดดุจดั่งแก้วคริสตัล และหาดทรายสีขาวสวยงามบริสุทธิ์ เดินเล่นชมบรรยากาศตลอดริมชายหาดตามอัธยาศัย จนกระทั่งถึงเวลาอันสมควร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม EUROSTAR CENTRAL PALACE ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
วันที่สามของการเดินทาง
ปาแลร์โม – เชฟาลู – ชมเมือง – ปาแลร์โม – ชมเมือง – โบส์ถปาลาติน่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเชฟาลู (CEFALU) (70 กิโลเมตร)
เชฟาลู (CEFALU)
เป็นเมืองชายฝั่งตอนเหนือของซิซิลี ขึ้นชื่อว่ามีหาดทรายสวยที่สุดบนเกาะซิซิลี จุดเด่นของเมืองคือหาดทรายสีขาว ที่สวยงามทอดยาวไปตามแนวหาดของตัวเมือง น้ำทะเลสีฟ้าครามใสไร้มลพิษ เป็นสถานที่ในฝันของผู้คนมากมายที่จะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติกับผืนน้ำสีฟ้าอมเขียว พร้อมชมวิวของหน้าผาสูงชัน (La Rocca) เป็นผาหินขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านเต็มขอบฟ้าของเมืองเซฟาลู นอกจากหาดทรายจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว บรรยากาศในย่านใจกลางเมืองก็เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะโบสถ์ประจำเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ด้านในมีการประดับด้วยโมเสกเป็นสถาปัตยกรรมอาหรับ นอร์มันที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองปาแลร์โม (PALERMO) เพื่อนำท่าน ตามรอยอารยธรรมอันหลากหลายภายในย่านเมืองเก่าของเมือง โดยเริ่มจากจุดเริ่มต้นที่เรียกว่า QUATTRO CANTI จุดนัดพบ
ใจกลางเมืองที่ท่านจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ในระยะใกล้ตั้งแต่เวลาขึ้นจนกระทั่งลับขอบฟ้า ซึ่งท่านสามารถจะพบความสวยงามแบบนี้ได้ที่นี่ที่เดียวในโลก
ปาแลร์โม่ / ชมเมือง / โบส์ถปาลาติน่า
นำท่านเดินทางสู่ จัตุรัสเปรโตเรีย (PIAZZA PRETORIA) จากจุดนี้ท่านจะพบกับ น้ำพุเปรโตเรีย (FONTANA PRETORIA) น้ำพุที่สร้างขึ้นในสไตล์เรเนสซองส์โดยมีตึกเทศบาลเมืองปาเลโม่เป็นฉากหลัง อิสระให้ท่านถ่ายภาพและเดินชมความสวยงามโดยรอบ เข้าชมโบส์ถปาลาติน่า (CAPPELLA PALATINA) เป็นโบส์ถที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในโลก เป็นโบส์ถที่มีการผสมผสานกันระหว่างอารยธรรมแบบอาหรับ, ไบเซนไทน์, นอร์แมนและ:ซิซิเลี่ยน ภายในตกแต่งด้วยศิลปะแบบอาหรับและ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลไว้อย่างวิจิตรงดงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม EUROSTAR CENTRAL PALACE ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง
ปาแลร์โม – อากริเจนโต – วิหารคอนคอร์เดีย – เอนนา – ชมเมือง – คาตาเนีย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอากริเจนโต (AGRIGENTO) (130 กิโลเมตร)
อากริเจนโต (AGRIGENTO)
เป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมได้เป็นจำนวนมาก ด้วยสวยงามทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี อีกทั้งยังให้กำเนิดนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียง และนักเขียนระดับโลกอย่าง LUIGI PIRANDELLO ผู้ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมยอดเยี่ยม
ชมวิหารคอนคอร์เดีย (TEMPLE OF CONCORDIA) สถานที่เก็บสมบัติอันล้ำค่าของชาวกรีกโบราณที่หาดูได้ยาก นำท่านเดินชมย่านเมืองเก่า อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับมนต์เสน่ห์ของเมือง พร้อมเลือกซื้อสินค้าสินค้าพื้นเมืองเป็นของที่ระลึกตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอนนา (ENNA) (135 กิโลเมตร) เมืองบนยอดเขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของซิซิลี่
เอนนา (ENNA) / ชมเมือง
เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม เป็นศูนย์รวมของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ที่นับถือศาสนาคริสต์ที่เดินทางมาร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวันขอบคุณพระเจ้า เดินทางถึง เมืองเอนนา นำท่านชม ดูโอโม่ประจำเมือง ปราสาทคัสเทโล่ ดิ ลอมบาร์เดีย (CASTELLO DI LOMBARDIA) ปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะซิซีลี่ โบสถ์อันเก่าแก่และทะเลสาบที่สวยงาม
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองคาตาเนีย (CATANIA) (90 กิโลเมตร)เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของซิซิลี่
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม FOUR POINTS BY SHERATON CATANIA ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง
คาตาเนีย – ภูเขาไฟเอทน่า – ชิมไวน์ – ทอร์มิน่า – ชมเมือง – คาตาเนีย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เส้นทางที่ทรงเสน่ห์ของเกาะอีกเส้นหนึ่ง คือ ภูเขาไฟเอทน่า (MOUNT ETNA)(40 กิโลเมตร) ภูเขาไฟหนึ่งเดียวในยุโรปที่มีหิมะปกคลุม มีความสูงประมาณ 3,352 เมตร ตั้งตระหง่านใกล้ฝั่งทะเลตะวันออกของเกาะ เพื่อนำท่านชมวิวทิวทัศน์ และชิมไวน์ที่ขึ้นชื่อของแคว้น
ภูเขาไฟเอทน่า / ชิมไวน์
นำท่าน แวะเที่ยวไร่องุ่น โรงบ่มไวน์เก่าแก่ บริเวณใกล้ภูเขาไฟเอทน่า ซึ่งถือเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุประกอบกับภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้องุ่นมีคุณภาพดี มีความโดดเด่น เป็นผลให้ผลผลิตไวน์มีคุณภาพสูงเช่นกัน นำท่าน ชมกรรมวิธีการผลิด และชิมไวน์รสเลิศที่ได้รับการผลิตออกมาอย่างพิถึพิถัน และอาจกล่าวได้ว่าไวน์ดีที่สุดของอิตาลีบางส่วนมาจากซิซิลีแห่งนี้ จนได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองทอร์มิน่า (TAORMINA) (80 กิโลเมตร)
ทอร์มิน่า (TAORMINA)
เมืองพักตากอากาศซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 เป็นเมืองที่มีชายหาดติดกับทะเลไอโอเนี่ยน (IONIAN SEA) ทะเลซึ่งแบ่งเขตระหว่างประเทศอิตาลี และประเทศกรีซ ที่มีทัศนียภาพที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมย่านเมืองเก่าบริเวณที่เรียกว่า PORTA MESSINA
ทอร์มิน่า / โรงละครกรีกโบราณ / ชมเมือง
นำท่านชมบริเวณจัตุรัสโอเดียน (ODEON) เป็นโรงละครโบราณที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิ์อ๊อกตาเวียน (EMPERER OCTAVIAN) เดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ท่านจะพบกับ โรงละครกรีกโบราณ (GREEK-ROMAN THEATRE) เป็นโรงละครที่ใหญ่เป็นอันดับสองบนเกาะซิซีลี่ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองทอร์มิน่า ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นแบบกรีก-โรมันเนื่องจากในสมัยศตวรรษที่ 2 โรงละครแห่งนี้ได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่โดยชาวโรมัน นับจากนั้นสถานที่แห่งนี้จึงมิใช่สิ่งก่อสร้างที่เป็นของกรีกอย่างแท้จริงอีกต่อไป ให้ท่านดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่สวยงามของเทือกเขาน้อยใหญ่และผืนน้ำทะเลสีครามเป็นฉากหลังที่จะทำให้ท่านประทับไม่มีวันลืมเลือน จนได้เวลาอันสมควร
ทอร์มิน่า / ชมเมือง / ช้อปปิ้ง
จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับดูโอโม่ประจำเมือง สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ 1400 เป็นโบส์ถที่ได้รับอิทธิพลบางส่วนมาจากแถบอาหรับ พร้อมกันนี้ท่านจะได้ชมความสวยงามของน้ำพุที่ตั้งเด่นเป็นตระง่านอยู่บริเวณด้านหน้าของโบส์ถ ผ่านชมวิหาร PIAZZA 9 APRILE จากที่นี้ท่านจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามจากมุมสูง และชมความเก่าแก่ของหอนาฬิกาโบราณประจำเมือง (CLOCK TOWER) ไปพร้อมๆกัน อิสระให้ท่าน ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพตามอัธยาศัย ผ่อนคลายอิริยาบถโดยการเดินเล่น เลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึกบริเวณถนนคอร์โซ อัมเบอร์โต้ ได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองคาตาเนีย (CATANIA) (55 กิโลเมตร)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม FOUR POINTS BY SHERATON CATANIA ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง
คาตาเนีย – วัลเลตตา (มอลตา) – เอมดิน่า – หมู่บ้านป๊อบอาย – วาลเลตตา
เช้า รับประทานอาหารเช้า แบบ BREAKFAST BOX
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน
07.25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองวัลเลตตา (VALLETTA) โดยสายการบิน MALTA เที่ยวบินที่ KM641
08.05 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองวัลเลตตา ประเทศมอลตา (MALTA)
มอลตา (MALTA)
ประเทศมอลตา หรือสาธารณรัฐมอลตา (MALTA) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรปในฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เมืองหลวง คือ วัลเลตตา (Valletta) ประกอบไปด้วย 3 เกาะหลักๆ ด้วยกันคือ เกาะมอลตา (Malta) เกาะโกโซ (Gozo) และ เกาะโคมิโน (Comino) มีเนื้อที่รวมๆ แล้วประมาณ 316 กิโลตารางเมตร ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับที่ 5 ของทวีปยุโรป แต่ถึงจะเป็นประเทศที่เล็ก กลับอัดแน่นไปด้วยสถาปัตยกรรมอารยธรรมในดินแดนตะวันตกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรีก โรมัน อาหรับ นับเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งหนึ่งในยุโรป
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเอมดินา (MDINA) (15 กิโลเมตร) เมืองเก่าแก่ที่ถูกขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งความเงียบ (The Silent City) เพราะเป็นเมืองเก่าที่มีขนาดเล็ก และมีประชากรเพียง 300 กว่า คนเท่านั้น
เอมดินา (MDINA)
เมืองเก่าที่สร้างสมัยปลายยุคสำริด (Bronze Age) ช่วง ก่อนคริสตกาล อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของมอลตาในสมัยยุคกลางอีกด้วย เรียกว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายยุคหลายสมัย การเข้าชมเมืองนี้เปรียบเหมือนนำตัวเองหลงเข้าไปในยุคกลาง เพราะนอกจากความเงียบงันสมชื่อแล้ว ถนนหนทาง อาคารบ้านเมืองก็ยังคงความโบราณไว้ได้อย่างครบถ้วนที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มากมายอันควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยียนเป็นอย่างมาก จนได้เวลาอันสมควร
เอมดินา / ราบัต / ชมเมือง
นำท่าน ถ่ายภาพกับมหาวิหารเซนต์พอล (Saint Paul Cathedral) หรือมหาวิหารเอมดิน่า (Mdina Cathedral) นิกายโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญพอล เดินเล่นไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ จะได้สัมผัสถึงความสวยงามของบ้านเรือนสีเหลืองอ่อนแปลกตาไปตามช่วงเวลาที่แสงแดดตกกระทบในแต่ละวัน จนกระทั่งถึง จัตุรัสเมสควิตา (Mesquita Square) หนึ่งในฉากซีรีย์ Game of Thrones ให้ท่านเดินเล่นถ่ายภาพชมเมืองบรรยากาศน่ารักไปอีกแบบตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองพี่น้องกับเอมดินาที่อยู่ใกล้กันจนแทบแยกกันไม่ออก เมืองนี้มีความสำคัญและมีความรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นมรดกจากอดีตที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน และเป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลของหลายชนชาติ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Popeye’s Village หรือ หมู่บ้านป๊อปอาย (15 กิโลเมตร)
หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye’s Village)
หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye Village) หมู่บ้านจำลองที่สร้างไว้สำหรับเป็นฉากละครเพลงสดเรื่อง ป๊อปอาย ในปี ค.ศ. 1980 เกิดจากความร่วมมือจากสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์อย่าง Paramount Pictures และวอลท์ ดิสนีย์ ปัจจุบันได้ดัดแปลงให้กลายเป็นพิพิธภัณธ์กลางแจ้งที่รวบรวมซิกเนเจอร์ของป๊อปอายไว้ และกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ไม่ได้มีแค่ฉากหรือตัวการ์ตูนให้ถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกอาทิ ทัวร์พิพิธภัณฑ์ป๊อปอาย ชมละครหุ่น ชมการ์ตูนป๊อปอายในโรงภาพยนตร์สุดคลาสสิค รวมถึงสามารถถ่ายหนังป๊อปอายเวอร์ชั่นที่เราเป็นนักแสดงเองได้อีกด้วย
นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองวัลเลตตา (The City of Valletta) เมืองหลวงของมอลตา(30 กิโลเมตร)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม MALTA MARRIOTT HOTEL & SPA. ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
วัลเลตตา – ถ้ำบลูกร็อตโต้ – ชิมไวน์ – หมู่บ้านประมง มาร์ซักลอกก์ – วัลเลตตา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ถ้ำบลู กรอตโต (Blue Grotto) (20 กิโลเมตร) อีกหนึ่งสุดยอดความสวยงาม ทางธรรมชาติของเกาะมอลตา
ถ้ำบลู กรอตโต (Blue Grotto)
ชื่นชมความงามของถ้ำบลูกรอตโต (Blue Grotto) ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นถ้ำที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของธรรมชาติมีลักษณะคล้ายกับซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่สูง
ประมาณ 30 เมตร ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือ การล่องเรือเข้าไปชมความสวยงาม และยิ่งใหญ่ของถ้ำ ซึ่งการได้เห็นวิวของผืนน้ำทะเลสีฟ้าคราม สะท้อนแสงอาทิตย์ผ่านช่องของปากถ้ำถือเป็นภาพที่สวยเกินคำบรรยาย
*** หมายเหตุ ความสวยงามในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ วันนั้นเป็นสำคัญ และกรุณาปฎิบัติตามคำแนะนำของไกด์ท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านประมง มาร์ซักลอกก์ (Marsaxlokk Fishing Village) (15 กิโลเมตร) หมู่บ้านประมง ที่เป็นท่าเรือขนาดใหญ่อันดับสองของเกาะมอลตานำท่าน เดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
หมู่บ้านประมง มาร์ซักลอกก์ / ชมเมือง
เป็นเมืองท่าที่มีบรรดาเรือประมงพื้นเมืองที่เรียกว่า Luzzus จอดเรียบรายอย่างสวยงามด้วยสีสัน และรูปทรงของเรือ ที่เก๋ไม่เบา ด้านหลังท่าเรือเป็นโบสถ์มาร์แมกซ์ลอกก์ (Parish Church of Our Lady of Pompei) นิกายโรมันคาทอลิก สร้างในศตวรรษที่ 19 ตึกรามบ้านช่อง เป็นตรอกซอกซอยสไตล์ดั้งเดิม สีสันสดใส เก๋ไก๋ ไม่แพ้เมืองอื่นในยุโรปเลย เดินลัดเลาะไปทางด้านหลังจะพบกับป้อมปราการเดลีมารา (Fort Delimara) หนึ่งในป้อมปราการตามแนวป้องกันชายฝั่งท่าเรือมาร์แมกซ์ลอกก์ จนได้เวลาอันสมควร
นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองวัลเลตตา (The City of Valletta) เมืองหลวงของมอลตา(10 กิโลเมตร)
เพื่อนำท่านเดินเล่นชมเมือง และเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพบริเวณถนน OLD MINT STREET เป็นย่านเก่าแก่ของเมือง ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเยือนที่แห่งนี้จะเหมือนหลุดเข้ามาสู่โลกแห่งจินตนาการด้วย สถาปัตยกรรมที่ดูสวยเกินจริง เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ต้องมาเช็คอินให้ได้ ด้วยความที่พื้นที่แห่งนี้ มีสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกลักษณ์บวกกับประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สอดคล้องกัน อีกทั้งยังมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆมากมาย จนได้เวลาอันสมควร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม MALTA MARRIOTT HOTEL & SPA. ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า
วัลเลตตา – เกาะโกโซ – ชิมไวน์ – จุดชมวิวถ้ำทัล-มิกซ์ตา – วัลเลตตา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือ
10.00 น. ออกเดินทางสู่ เกาะโกโซ โดย เรือเฟอร์รี่ GOZOFAST FERRY
10.45 น. เดินทางถึง เกาะโกโซ (GOZO ISLAND) เกาะทางเหนือที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมอลตา
เกาะโกโซ (GOZO ISLAND)
เกาะโกโซ หรือเกาะคาลิปโซ่ (Isle of Calypso) ชื่อธิดาของเทพแอตลาสแห่งเผ่าไททันในตำนานกรีก เป็นเกาะกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางเหนือของเกาะมอลตา เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่โรแมนติกริมฝั่งทะเลหลงใหลไปกับมนต์เสน่ห์แห่งเกาะในตำนานกรีก และตามรอยซีรีย์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones
เกาะโกโซ ถือเป็นอีกหนึ่งเกาะในตำนาน บางตำนานจะเรียกเกาะแห่งนี้ว่า เกาะแห่งคาลิปโซ่ (Isle of Calypso) คาลิปโซ่เป็นธิดาแห่งท้องทะเล และเป็นบุตรีแห่งเทพแอตลาส หรือท่านอาจจะคุ้นชื่อคาลิปโซ่ จากภาพยนตร์เรื่อง Prirate of Carribien
นำท่านเดินทางสู่ TA’MENA ESTATE (10 กิโลเมตร) เพื่อนำท่านลิ้มลองไวน์มอลทีสที่เป็นเอกลักษณ์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสู่ จุดชมวิวถ้ำทัล-มิกซ์ตา (TAL-MIXTA CAVE) (10 กิโลเมตร) ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเหนืออ่าว RAMLA ผ่านช่องว่างของถ้ำเป็นภาพวิวทะเลที่สวยงาม หากฟ้าเปิด และมีแดดออก ยิ่งเพิ่มความงามเป็นหลายเท่า ถือเป็นไฮไลท์ และเป็นจุดเช็คอินที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงเกาะโกโซ
จากนั้นนำท่าน เข้าชมวิหารทาพินู (Ta Pinu Basilica) (15 กิโลเมตร)
วิหารทาพินู (Ta Pinu Basilica)
วิหารโรมันหลังเดี่ยวตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาท้าลมแดดลมฝน เป็นวิหารโรมันคาทอลิกที่แต่เดิมเป็นเพียงโบสถ์หินเล็กๆ ในยุคศตวรรษที่ 15 และต่อมาได้ถูกต่อเติมและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1922-1932 แบบสไตล์นีโอโรแมนติก เป็นวิหารที่มีความสวยงาม แต่เมื่อศรัทธาของผู้คนมีมากขึ้นจึงทำให้เปลี่ยนจากโบสถ์หินเล็กๆ กลายเป็นวิหารที่น่าเลื่อมใส พร้อมวิวที่งดงาม โบสถ์หลังนี้เคยมีการมาเยือนของบุคคลสำคัญถึง 2 ท่าน นั่นก็คือ พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 และพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 14 ได้มาเยือนและมอบกุหลาบสีทอง หรือ Golden Rose เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ จนได้เวลาอันสมควรก่อนอำลาเกาะโกโซ นำท่านเดินทางสู่ Lord Chambray ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ (Craft beer) เบียร์โฮมเมดที่ต้องใช้ฝีมือความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงรสเบียร์ให้มีความหลากหลายของรสชาติ เจ้าแรก และเจ้าเดียวบนเกาะโกโซ เป็นหนึ่งในความภูมิใจของชาวมอลทีส นำท่าน รับฟังกรรมวิธีการผลิต และลิ้มลอง คราฟต์เบียร์ (Craft beer) ที่คัดสรมาให้ท่านได้เลือกชิม 4 ชนิดจากทั้งหมด 12 ชนิด อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือ
17.00 น. เดินทางกลับสู่ เมืองวัลเลตตา โดย เรือเฟอร์รี่ GOZOFAST FERRY
17.45 น. เดินทางถึง เมืองวัลเลตตา (VALETTA)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม MALTA MARRIOTT HOTEL & SPA. ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า
วัลเลตตา – ชมเมือง – สวนบารัคคา – โรม
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่าน เข้าชมสวนบารัคคา (Barrakka Gardens)
สวนบารัคคา (Barrakka Gardens)
สวนสวยที่ครั้งอดีตเคยเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ภายหลังได้เปิดให้สาธารณชน เป็นสถานที่ที่สวยเกินคำบรรยาย เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย เหมาแก่การนั่งพักผ่อน หรือเดินเล่นเพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ พร้อมกับการชมวิวสุดอลังการที่รายล้อมที่สวนแห่งนี้ เนื่องจากสวนนี้ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองสามารถมองเห็นวิวของ Grand Harbor วิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ทอดยาวจนสุดเส้นขอบฟ้า พร้อมทั้งยังมีวิวเมือง Three Cities อย่าง วิททอริโอซา (Vittoriosa), คอสปิคัว (Cospicua) และแซงเกลีย (Senglea) เรียงอยู่เบื้องหน้า ภายในสวนเต็มไปด้วยประตูโค้ง ซึ่งเป็นผลงานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอัศวินชาวอิตาเลียน โดยในสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ อนุสาวรีย์ และน้ำพุ เมื่อได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศในที่แห่งนี้จะรู้สึกสงบและผ่อนคลาย และประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
จากนั้นนำท่าน เข้าชมโบสถ์ใหญ่เซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral)
โบสถ์ใหญ่เซนต์จอห์น หากกล่าวถึงส่วนของสถาปัตยกรรม ศิลปะที่โดดเด่นที่สุดของเมืองวัลเลตตาต้องยกให้ โบสถ์ใหญ่เซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) โบสถ์ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะยุคบารอคอย่างชัดเจนที่สุดซึ่งสถานที่ที่ก็คือ ที่แม้ด้านนอกจะมีความเรียบง่าย แต่ด้านในกลับวิจิตรตระการตา สมกับเป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในยุคบาโรคแบบจริงแท้แน่นอน จนได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน
เที่ยง อาหารกลางวันอิสระตามอัธยาศัย ณ ภัตตาคารบริเวณสนามบิน มอบ CASH BACK ให้ท่านละ 30 ยูโร
15.15 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยสายการบิน MALTA เที่ยวบินที่ KM2500
16.45 น. เดินทางถึง กรุงโรม ประเทศอิตาลี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม NH COLLECTION ROMA VITTORIO VENETO. ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
โรม – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง – กรุงเทพ ฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเ ชมกรุงโรม
โรม (ROME)
เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย
กรุงโรม (ROME)
เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการมากมาย นำท่านผ่านชมกลุ่มโรมันฟอรัม (ROMAN FORUM) อดีตศูนย์กลางทางด้านการเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจของอาณาจักรโรมัน ที่สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของอารยะธรรมโรมันในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา
จากนั้นนำท่าน เก็บภาพความยิ่งใหญ่บริเวณรอบนอกของสนามกีฬาโคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ อดีตสนามประลองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวโรมันที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับน้ำพุเทรวี (TREVI FOUNTAIN)
น้ำพุเทรวี / ช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน
งานประติมากรรมของเทพนิยายกรีก ที่มาของบทเพลง “ทรีคอยน์ อิน เดอะ ฟาวน์เทน” ที่เชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแล้วท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง
จากนั้นนำท่าน ช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน (SPANISH STEPS) บนถนนคอนดอตติ ย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่อของอิตาลี เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ที่ล้อมรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแล้ว จัตุรัสแห่งนี้ยังต่อตรงกับถนน VIA CONDOTTI ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Dior,Prada, Gucci,Amarni, Valentino, Versace, Fendi, Ferragamo, Cartier, Bulgari เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี
*** แนะนำให้ท่านลองชิม ไอศกรีมเจลาโต (GELATO) ไอศกรีมขึ้นชื่อที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงอิตาลี ***
**** กฏเกณฑ์ที่สำคัญของการมานั่งที่บันไดแห่งนี้ คือ ห้ามกินไอศครีม! เนื่องจากบันไดสเปนเป็นอีกหนึ่งฉากที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ชื่อดัง (ปี1953) เรื่อง Roman Holiday ทำให้หนุ่มสาวหลายคู่เลียนแบบคู่พระเอกนางเอก ที่มานั่งจู๋จี๋กินไอติมกันอย่างมากมาย จนทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก และต้องออกกฎหมายห้ามจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน
19.15 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ ฯ โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH1871/772)
*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค เวลา 20.45 – 22.45 น. ***
กรุงเทพ ฯ
14.10 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..