ทัวร์ยุโรป : IN LOVE BALTIC สายการบินฟินน์แอร์ 10 วัน (AY)
กำหนดการเดินทาง : 09 – 18 เมษายน 2567
ประเทศ : ลิทัวเนีย – ลัตเวีย – เอสโทเนีย – ฟินแลนด์
สายการบิน : ฟินน์แอร์(AY)
ราคา : 189,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพฯ – เฮลซิงกิ
04.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์ สายการบินฟินน์แอร์ (AY) เจ้าหน้าที่จากบริษัทเร้นจ์ฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
07.15 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเฮลซิงกิ โดย สายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY 142
15.35 น. เดินทางถึง กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว
HELSINKI
กรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของฟินแลนด์ อยู่ทางใต้ของประเทศ เป็นเมืองหลวงหนึ่งในยุโรปที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ถูกขนานนามว่า เป็น ธิดาแห่งทะเลบอลติก เมืองเฮลซิงกิได้รับอิทธิพลมาจากเมืองเซนปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซียค่อนข้างมาก จึงทำให้สถาปัตยกรรม และตัวอาคารหลายแห่งของเมืองเฮลซิงกิ นั้นผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกกับตะวันตกเข้าด้วยกัน จึงทำให้เฮลซิงกิกลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ผสมผสานเป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนเมืองเล็กกะทัดรัดแห่งทะเลบอลติกนี้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU ROYAL HOTEL ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่สองของการเดินทาง
เฮลซิงกิ – ชมเมือง – นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลบอลติก – ทาลลินน์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่าน ชมเมืองเฮลซิงกิ ธิดาแห่งทะเลบอลติก
USPENSKI CATHEDRAL
มหาวิหารอุสเพนสกี้ วิหารสไตล์ออโธดอกส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ งดงามแปลกตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบรัสเซีย มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์รางวัลออสการ์เรื่อง “เรดส์” โดยตัววิหารเป็นสีน้ำตาลอิฐ มีโดมสีฟ้าอ่อน และยอดโดมเป็นสีทอง ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยสีทอง และอัญมณี โดยมหาวิหารนี้ ถือเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัสเซีย โดยที่ถูกรัสเซียปกครองอยู่ถึง 100 กว่าปี
HELSINKI CATHEDRAL
มหาวิหารเฮลซิงกิ วิหารสไตล์นีโอคลาสสิกแห่งเฮลซิงกิ อีกหนึ่งแลนมาร์คของประเทศฟินแลนด์ นับเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของเฮลซิงกิ ในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวหลังคาโดมสีเขียวที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง วิหารแห่งนี้ป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่งดงามและคลาสสิคอยู่กลางเมืองเฮลซิงกิ และเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอันเก่าแก่ที่มีความงดงามอีกด้วย โดยตั้งเด่นสง่าอยู่รอบ ซีเนท สแควร์ (SENATE SQUARE) จตุรัสกลางเมืองที่สำคัญของเฮลซิงกิ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
SIBELIUS MONUMENT
อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเฮลซิงกิ ลักษณะเป็นแท่งออร์แกนเหล็ก สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เเก่ Jean Sibelius นักประพันธ์เพลงคลาสสิกและนักไวโอลินชาวฟินเเลนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก โดยเขาเป็นผู้ประพันธ์เพลง “ฟินแลนเดีย” (Finlandia) ซึ่งเป็นปลุกใจชาวฟินเเลนด์ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากรัสเซียในขณะนั้นและสามารถทำได้สำเร็จในที่สุด
TEMPPELIAUKIO CHURCH
โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ หรือ โบสถ์หิน หรือที่ชาวฟินเเลนด์มักจะนิยมเรียกว่า “โบสถ์แห่งความรัก” สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1968 โดยใช้เวลาในการก่อสร้าง 1 ปีเต็ม สร้างโดยการระเบิดชั้นหินธรรมชาติของเนินเขาหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางเมืองเพื่อดัดแปลงให้เป็นศาสนสถานที่มีความสวยงามและแปลกตา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อเดินทางข้ามทะเลบอลติกสู่ เมืองทาลลินน์ เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก SWISSOTEL TALLINN ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่สามของการเดินทาง
ทาลลินน์ – ชมเมือง – พระราชวังแคทเดอริก – TALLINN CRAFT BEER
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่าน ชมเมือทาลลินน์
TALLINN OLD TOWN
เมืองทาลลินน์ เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย ที่ได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และยังคงความเข้มขลังในวันวานได้อย่างน่าทึ่ง เหมาะแก่การเป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยวทำความรู้จัก “เอสโตเนีย” นำท่านชมเมืองโดยเริ่ม VIRU GATE ถนนคนเดินที่มีร้านค้าพื้นเมือง เพื่อเข้าสู่
จัตุรัสเมืองเก่าของทาลลินน์ (TALLINN OLD TOWN SQUARE) ศูนย์กลางของเมือง ที่ในอดีตเป็นสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ใช้เป็นที่เฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ของเมือง รวมทั้งเป็นที่ประหารชีวิตนักโทษอีกด้วย ชม ศาลาว่าการเมืองทาลลินน์ (TALLIN’S TOWN HALL) เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค และเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมือง ที่ตั้งอยู่บริเวณจตุรัสเมืองเก่า สร้างขึ้นเมื่อสมัยศตวรรษที่ 13 และได้มีการฉลองครบครบ 600 ปี ไปเมื่อปี ค.ศ. 2004
ALEXANDER NEVSKY CATHEDRAL
โบสถ์อเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ โบสถ์ใหญ่ที่มียอดโดมใหญ่ที่สุดในเมืองทาลลินน์ เป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1900 ในช่วงที่เอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ก็คือ MIKHAIL PREOBRAZHENSKI จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โบสถ์นี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ (PRINCE ALEXANDER YAROSALVITZ NEVSKY) ด้านบนของโบสถ์ท่านจะพบกับหอระฆังใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยระฆังถึง 11 อัน รวมถึงอันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีน้ำหนักถึง 15 ตัน จนได้เวลาอันสมควร
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน เข้าชมพระราชวัง KADRIORG
KADRIORG PALACE
พระราชวังแคทเดอริก พระราชวังในสไตล์แบบบาร็อคที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าเซนต์ปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซียในสมัยศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นที่พักของจักรพรรดินีแคทเธอรีน โดยการออกแบบของสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยนชื่อ NICCOLO MICHETTI จากกรุงโรม ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้กลายมาเป็นสำนักงานใหญ่แห่งรัฐของประเทศเอสโตเนีย อีกทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะของเอสโตเนียอีกด้วย ชมความงดงามของห้องต่างๆที่มีการปูเพดานแบบพิเศษที่เรียกว่า แบบซทัคโค และตกแต่งด้วยความโอ่โถงงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์บาร็อค ชมงานศิลปะเก่าแก่มากมาย ทั้งศิลปะแบบภาพวาด งานปั้น และอื่นๆ ที่ได้รับมาจากประเทศรัสเซีย และประเทศอื่นอีกมากมายในแถบยุโรปตะวันตก จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นบริเวณรอบๆปราสาทที่ล้อมรอบด้วยสวนอันงดงาม
POHJALA BREWERY
คราฟต์เบียร์ คือการผลิตเบียร์โดยโฮมเมดรายเล็กที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผู้ผลิตต้องใช้ฝีมือความคิดสร้างสรรค์ในการปรุงรสเบียร์ให้มีความหลากหลายของรสชาติ และที่สำคัญต้องแต่งกลิ่นตามธรรมชาติ ห้ามใช้สารเคมีมาแต่งกลิ่นเด็ดขาด ให้ท่านได้ชมการผลิตคราฟต์เบียร์ และชิมคราฟต์เบียร์หลากหลายรสชาติ ที่สร้างสรรค์โดยวัตถุดิบจากธรรมชาติในท้องถิ่น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก SWISSOTEL TALLINN ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง
ESTONIA DAIRY MUSEUM – เมืองพาร์นู – ชมเมือง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ THE ESTONIA DAIRY MUSEUM (105 กิโลเมตร)
THE ESTONIA DAIRY MUSEUM
พิพิธภัณฑ์นมเอสโตเนีย ประเทศเอสโตเนีย นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องชีสแล้ว “นม” ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของเอสโตเนีย ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มากกว่า 100 ปี จนได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์นมเอสโตเนีย โดยภายในจะมีการจัดดีสเพลย์จำลองเกี่ยวกับการผลิตนม ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงได้รวบรวมอุปกรณ์การ
ผลิตนมวัวแบบโบราณมาให้ทุกท่านได้ชม ให้ทุกท่านได้สนุกสนานและมีส่วนร่วมในการทำขนมจากนมวัว พร้อมให้ได้ลิ้มรสชาติอันแสนอร่อยของนมเอสโตเนีย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ เมืองพาร์นู (PARNU) (105 กิโลเมตร)
PARNU
เมืองพาร์นู เมืองท่าทางทะเลของประเทศเอสโตเนีย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองตากอากาศชื่อดังในแถบทะเลบอลติก เต็มไปด้วยชายหาด รีสอร์ท โรงแรม ร้านอาหาร โดยในฤดูร้อนของเอสโตเนีย ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม เมืองพาร์นูจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
ชมเมือง PARNU
นำท่านชม บ้านไม้ (WOODEN HOUSE) สไตล์อาร์ตนูโว แบบเอสโตเนียดั้งเดิม ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนกลาบเป็นต้นแบบบ้านเรือนที่นำไปสร้างในสไตล์บอลติก นำท่านถ่ายรูปกับ ศาลาว่าการเมือง (PARNU CITY HALL) จากนั้นนำท่านเดินเล่น บริเวณ ถนนสายหลักของเมือง (PARNU MAIN STREET)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก WASA RESORT HOTEL ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
โรงแรมพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรม อาทิ Sauna, Pool, Spa, Treatment ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น หรือ โปรแกรมสปาที่หลากหลายให้ท่านได้เลือกใช้บริการ *** กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำสำหรับซาวน่า หรือ สปาไปด้วย ***
วันที่ห้าของการเดินทาง
พาร์นู – เมืองซิกุลดา – ปราสาททูไรดา – ริก้า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนประเทศสู่ เมืองซิกุลดา ประเทศลัตเวีย (175 กิโลเมตร) เพื่อนำท่านขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชมวิวมุมสูงเหนือแม่น้ำเกายา
SIGULDA CABLE CAR
นำท่านขึ้น กระเช้าลอยฟ้า เพื่อชมวิวความสวยงามของแม่น้ำเกายา แม่น้ำสายใหญ่สายเดียวของลัตเวีย จากความสูง 43 เมตร ท่านจะได้ชมความงามของปราสาทแห่งยุคกลางทั้ง 3 แห่ง ประกอบไปด้วย ชิกุลดา, ทูไรดา และ คริมูลดา นอกจากนี้ยังได้เห็น The Bobsleigh Track รางเลื่อนหิมะที่ใช้แข่งกีฬาฤดูหนาวอีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
TURAIDA CASTLE
นำท่านชม ปราสาททูไรด้า หนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในลัตเวีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1214 โดยอาร์คบิช็อปแห่งริก้า เป็นปราสาทก่ออิฐสีแดงแบบโกธิค ตามสไตล์บอลติกโบราณ ซึ่งถูกสร้างต่อเติม และบูรณะมาหลายสมัย จนเป็นลักษณะของป้อมปราสาทที่สวยงาม แต่ในปี ค.ศ. 1776 ปราสาทได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์ไฟไหม้ และไม่ได้รับการบูรณะจนกระทั่งในช่วงทศวรรษที่ 1970 จึงได้รับการซ่อมแซมสร้างต่อเติม และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และสวน
จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ เมืองริก้า (70 กิโลเมตร) เมืองหลวงของประเทศลัตเวีย
RIGA
เมืองริก้า เมืองหลวง และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศลัตเวีย และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 2014 ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลบอลติก ใกล้กับปากแม่น้ำเดากาวา (Daugava) นอกจากจะเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนในสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์นูโว โดยมีจุดเด่น คือ การใช้รูปแบบธรรมชาติอย่างดอกไม้ ใบไม้มาซากแมลง เปลือกหอย และเถาวัลย์มาประดับตัวอาคารต่างๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU LATVIJA CONFERENCE & SPA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง
ชมเมืองริก้า – พระราชวังรันดาเล
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่าน ชมเมืองริก้า
RIGA
นำท่านผ่านชม โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (ST.PETER’S CHURCH) หนึ่งในโบสถ์กอธิคที่สำคัญ และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองริก้า ในอดีตโบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า “โบสถ์พ่อค้า” (MERCHANTS CHURCH) เนื่องจากเคยใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดประชุมของเหล่าพ่อค้าในยุคนั้นๆ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แต่เดิมโบสถ์แห่งนี้สร้างโดยศิลปะแบบกอธิคมาจนถึงปี ค.ศ. 1523 จนกระทั่งถึงช่วงการเปลี่ยนนิกายจากคาทอลิกมาเป็นนิกายลูเธอรัน โบสถ์แห่งนี้จึงเปลี่ยนมาเป็นโบสถ์สไตล์บาร็อคแทน จากนั้นนำท่านสู่ จัตุรัสเมืองเก่า ชม บ้านนายหัวดำ (The House of Blackheads) แลนด์มาร์คห้ามพลาดของเมือง สร้างมาเพื่อเป็นที่รวมตัวดื่มสังสรรค์ของนักเดินทางต่างชาติและพ่อค้าที่ยังไม่แต่งงาน โดยปัจจุบันบ้านนายหัวดำถูกเปิดไว้ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญเท่านั้น
FREEDOM MONUMENT
นำท่าน ชมเมืองริก้า ชมอนุสาวรีย์อิสรภาพ (FREEDOM MONUMENT) อนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองริก้า สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1935 ในช่วงของการเรียกร้องอิสรภาพของประเทศลัตเวีย ระหว่างปีค.ศ. 1918 – 1940 โดยมีชื่อเรียกหญิงสาวคนนี้ว่า “MILDA” โดยอนุสาวรีย์แห่งนี้ออกแบบโดย ERNESTS SHTALBERGS มีความสูงประมาณ 42 เมตร ด้านบนประดับด้วยรูปปั้นของหญิงสาวที่ถือดาว 3 ดวงไว้ ซึ่งสื่อความหมายถึงภูมิภาคทั้งสามของประเทศลัตเวีย นั่นก็คือ KURZEME, VIDZEME และ LATGALE อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่หลักสำหรับชุมนุมเรื่องการเมือง ในปี1994 โดยอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน ได้ใช้สถานที่แห่งนี้ประกาศสนับสนุนการเรียกร้องอิสรภาพของภูมิภาคบอลติกในนามของอเมริกาอีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ พระราชวังรันดาเล (RUNDALE PALACE) (80 กิโลเมตร)
RUNDALE PALACE
นำท่าน เข้าชม พระราชวังรันดาเล (RUNDALE PALACE) พระราชวังที่ตั้งอยู่ในเขต BAUSKA REGION สร้างและออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ FRANCHESCO BARTOLOMEO RASTRELLI ซึ่งเป็นคนเดียวกับคนออกแบบพระราชวังฤดูหนาวในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของประเทศรัสเซีย สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1736 และสร้างเสร็จเมื่อปี 1740 โดยเจ้าของคนแรกของพระราชวังแห่งนี้ก็คือ ERNST JOHAN BIRON สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงจักรพรรดินีแห่งรัสเซียชื่อ ANNA JAONOVNA พระราชวังแห่งนี้มีทั้งหมด 138 ห้อง ล้อมรอบไปด้วยสวนแบบบาร็อคที่งดงาม จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองริก้า
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU LATVIJA CONFERENCE & SPA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
ริก้า – ชัวเลย์ – HILL OF CROSSES – วิลนีอุส – ชมเมือง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่าน เดินทางข้ามพรหมแดนสู่ เมืองชัวเลย์ ประเทศลิทัวเนีย (125 กิโลเมตร)
SIAULIAI
เมืองชัวเลย์ หนึ่งในเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศลิทัวเนีย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1236 ในอดีตเป็นเมืองที่เคยถูกเผาในช่วงยุคสงครามถึง 7 ครั้ง 7 คราวด้วยกัน แต่ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูได้จนกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของลิทัวเนีย
ถ่ายภาพกับสุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) สถานที่อันแสดงถึงความเชื่อของผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมัน คาทอลิก ซึ่งมีมายาวนานนับตั้งแต่ช่วงยุคสงคราม พบสุสานไม้กางเขนนับแสนชิ้นที่มีมากมายนับไม่ถ้วน จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีคนนำมาทิ้งไว้อย่างต่อเนื่อง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ เมืองวิลนีอุส (VILNIUS) (210 กิโลเมตร) เมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย
VILNIUS
วิลนีอุส เมืองที่ได้ชื่อว่าใหญ่ และสวยงามที่สุดของประเทศลิทัวเนีย ค้นพบในปีค.ศ. 1323 ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำวิลเนีย และแม่น้ำเนริส อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1994 อีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU LIETUVA HOTEL หรือเทียบเท่า
ทราไค – ปราสาททราไค – วิลนีอุส – ย่านเมืองเก่า – ช้อปปิ้ง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ ปราสาททราไค (TRAKAI CASTLE) (210 กิโลเมตร)
TRAKAI
เมืองทราไค เมืองเก่าแก่ที่มีประชากรจากหลายเชื้อชาติมาอยู่รวมกัน อาทิ ลิทัวเนียนโดยแท้ รัสเซียน ทาทาร์ จิวซ์ และโปลซ์ เป็นต้น เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยทะเลสาบมากกว่า 200 แห่ง โดยเฉพาะทะเลสาบ GALVE ทะเลสาบที่มีความลึกที่สุด และยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ของเมืองทราไค (TRAKAI HISTORICAL NATIONAL PARK) อีกด้วย
จากนั้นนำท่าน เข้าชมปราสาททราไค (TRAKAI CASTLE) หรือ “LITTLE MARIENBURG” ปราสาทที่ตั้งอยู่บนเกาะริมทะเลสาบ GALVE เป็นปราสาทที่สร้างจากหินล้วนๆ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 และก่อสร้างเสร็จสิ้นในปีค.ศ. 1409 โดยจักรพรรดิ VYTAUTAS ผู้ที่ต่อมาได้เสียชีวิตลงภายในปราสาทแห่งนี้ในปีค.ศ. 1430
จากนั้นมาเมืองทราไคจึงกลายเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของลิทัวเนียมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน อิสระให้ท่านชมความงดงามของปราสาท และชื่นชมกับธรรมชาติของวิวทิวทัศน์ที่ท่านจะต้องประทับใจมิรู้ลืม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน เดินทางชม เมืองวิลนีอุส
VILNIUS OLD TOWN
ย่านเมืองเก่าของเมืองวิลนีอุส ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเขตเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในเขตยุโรปกลาง มีตึกอาคารเก่าแก่งดงามที่ย้อนยุคไปในช่วงศตวรรษที่ 15 – 16 นำท่านถ่ายภาพกับ ประตูเมือง (GATE OF DAWN) ประตูเมืองเก่าทางทิศใต้ที่หลงเหลือเพียงแห่งเดียวในเมือง เพราะผลจากการถูกทำลายในช่วงสงคราม
จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารแห่งวิลนีอุส (VILNIUS CATHEDRAL) นมหาวิหารสำคัญของเมือง ที่หากใครมาเที่ยววิลนีอุสแล้วไม่ควรพลาดที่จะมาเยือน บริเวณลานกว้างหน้ามหาวิหาร มีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์องค์แรก และองค์เดียวของวิลนีอุสพระนามว่า พระเจ้าเกดิมินัส (Gediminas Grand Duke of Lithuania) ได้ทรงย้ายเมืองหลวงเดิม จาก ทราไค (Trakai) มาเป็นวิลนีอุส เนื่องจากทรงพระสุบินว่า เห็นสุนัขจิ้งจอกเหล็กมาบอกให้สร้างเมืองใหม่ใกล้กับแม่น้ำวิลเนีย
ST.ANNE’S CHRUCH / PILIES
ผ่านชม โบสถ์เซนต์แอน (ST.ANNE’SCHRUCH) โบสถ์แบบโรมันคาทอลิก แต่เดิมในช่วงศตวรรษที่ 14 เคยเป็นโบสถ์ไม้ และต่อมาในปี ค.ศ. 1495 – 1500 มีพระฟรานซิสกัน ได้สร้างโบสถ์ที่ทำจากหินขึ้นมาแทนที่ และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1581 หลังจากนั้นได้มีการต่อเติมหอระฆังแบบนีโอโกธิคขึ้นมาในปี 1874 นอกจากนี้โบสถ์เซนต์แอนแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้อีกด้วย จากนั้นนำท่าน เดินเล่นบริเวณ ถนนคนเดิน PILIES เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายของที่ระลึก และคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ตลอดสองฝากฝั่งถนน ก็เต็มไปด้วยร้านค้าขายของ ที่ระลึก ซึ่งหากมาเที่ยวเมืองแถบบอลติก ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะซื้ออำพัน (AMBER) สินค้าขึ้นชื่อซึ่งมีราคาไม่แพง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก RADISSON BLU LIETUVA HOTEL หรือเทียบเท่า
วิลนีอุส – เฮลซิงกิ – กรุงเทพ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ
09.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY1102 / AY141 (แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเฮลซิงกิเวลา 11.40 – 13.45 น.)
กรุงเทพ
05.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…