ทัวร์แอฟริกา : GRAND AFRICA ZIMBABWE-ZAMBIA-BOTSWANA SOUTH AFRICA- NAMIBIA 14 วัน (ET)
กำหนดการเดินทาง : 20 กรกฎาคม – 02 สิงหาคม 2566
ประเทศ : ซิมบับเว – แอฟริกาใต้ – นามิเบีย
สายการบิน : เอธิโอเปียนแอร์ไลน์
ราคา : 385,800 บาท
** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง
วันแรกของการเดินทาง
กรุงเทพฯ
22.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่จาก บริษัทฯ จะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
วันที่สองของการเดินทาง
กรุงเทพฯ – สนามบินวิคตอเรีย ฟอลล์ (ซิมบับเว)น้ำตกวิคตอเรีย ฟอลล์ (ซิมบับเว) – ลิฟวิงสโตน (แซมเบีย)
01.50 น. ออกเดินทางสู่ วิคตอเรีย ฟอลล์ ประเทศซิมบับเว โดย สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET 609 / ET 829(แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินแอดดิสอาบาบา เอธิโอเปีย เวลา 06.30 – 08.30 น.)
12.10 น. ถึง สนามบินวิคตอเรียฟอลล์ ประเทศซิมบับเว หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
นำท่านเดินทางสู่ ภัตตาคาร
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดิน ชมน้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งซิมบับเว (VICTORIA FALLS, ZIMBABWE)
น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งซิมบับเว มีความสูงที่สุดในโลก มีความสูง ณ จุดสูงสุดถึง 108 เมตร ตัวน้ำตกมีความกว้างถึง 1.7 กิโลเมตร ปัจจุบันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ ทางธรรมชาติของโลกนำท่านชมจุดชมน้ำตกที่มีชื่อ 4 จุดที่ไม่ควรพลาดคือ 1. DEVILS’S CATARACT 2. MAIN FALLS มีหน้ากว้างของแผงน้ำตกถึง 830 เมตร 3. HORSE SHOE FALLS เป็นจุดที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุด ตัวน้ำตกมีรูปคล้ายเกือกม้า มีความสูงถึง 95 เมตร 4. Rainbow Falls เป็นจุดที่น้ำตกมีความสูงที่สุดถึง 108 เมตร ท่านจะได้สัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกนี้อย่างใกล้ชิด
จากนั้นนำท่านข้ามพรมแดนผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง สู่ ลิฟวิงสโตน ประเทศแซมเบีย
แล้วนำท่านถ่ายรูปกับ สะพานน้ำตกวิคตอเรีย (VICTORIA FALLS BRIDGE) ให้ท่านได้เดินเล่นบริเวณสะพานซึ่งเป็นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างซิมบับเวกับแซมเบีย สะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นที่สำหรับกระโดดบันจี้จัมพ์ของผู้ที่รักความสะใจเพราะที่นี่นับเป็นจุดโดดที่สูงที่สุดในโลก
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก ROYAL LIVINGSTONE VICTORIA FALLS ZAMBIA HOTEL BY ANANTARA (5 Star): Mosi-oa-Tunya Road, Livingstone, Zambia. Tel: +260 213 321 122
วันที่สามของการเดินทาง
วิคตอเรีย ฟอลล์ – น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศแซมเบีย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนไปยัง น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งประเทศแซมเบีย
น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งแซมเบีย
(VICTORIA FALLS, ZAMBIA)
เรียกกันอีกชื่อว่า “โมซิ-โอวา-ทุนยา” น้ำตกที่มีความหมายว่า “ควันที่ส่งเสียงกึกก้อง” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก เกิดจากแม่น้ำแซมเบซี ไหลลงหน้าผาสูง 108 ม. กว้าง 1,700 ม. ระหว่างประเทศ แซมเบียกับประเทศซิมบับเวทำให้เป็นน้ำตกที่มีหน้ากว้างที่สุดในโลกองค์การยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนให้ น้ำตกวิคตอเรียเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติร่วมกันระหว่างแซมเบีย ค้นพบโดย เดวิด ลิฟวิ่งสโตน เมื่อปี ค.ศ.1855 หลังจากที่ได้ค้นพบจึงได้ทราบว่าน้ำตกแห่งนี้เกิดจากภูเขาไฟระเบิด เมื่อ 150 ล้านปีที่ผ่านมา จนทำให้แผ่นดินบริเวณนี้แยกออกเป็นสองส่วน น้ำตกวิคตอเรียมีความยาวเกือบ ถึง 2 กิโลเมตร โดยความลึกของน้ำตกแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่ 90 – 108 เมตร
แล้วนำท่านชม น้ำตกอาร์มแชร์ (ARMCHAIR FALLS)
น้ำตกอาร์มแชร์ (ARMCHAIR FALLS)
จุดที่น้ำตกที่มีความสูงเป็นอันดับสองรอบจาก Rainbow Falls และ น้ำตก Eastern Cataract ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้จุดอื่น ช่วงที่นักท่องเที่ยวนิบมเดินทางมามากที่สุดคือ ระหว่างเดือนกรกฏาคมถึงสิงหาคม เพราะทิวทัศน์ที่สวยงามและมีละอองน้ำไม่มากนัก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ท่านสามารถเลือกซื้อทัวร์เสริม (OPTIONAL TOUR)
ซื้อทัวร์เสริม (OPTIONAL TOUR)
ท่านสามารถเลือกซื้อทัวร์เสริม อาทิ
- กระโดดบันจี้จัมพ์จากสะพานวิคตอเรีย ท่านละ 6,800 บาท
- นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิวน้ำตกวิคตอเรีย จากมุมสูง (ฝั่งแซมเบีย) 15 นาที ท่านละ 8,500 บาท
- ไมโครไลท์ ชมวิวธรรมชาติเหนือน้ำตกวิคตอเรีย
(ฝั่งแซมเบีย) ท่านละ 8,400 บาท
- กิจกรรมเดินเล่นกับสิงโต (Walk with Lion) ซึ่งท่านจะได้มีโอกาสได้เดินเล่นกับสิงโตเจ้าป่าระยะประชิดและสามารถสัมผัสใกล้ชิดเจ้าป่าได้ ภายใต้การดูแลของไกด์ผู้เชี่ยวชาญ ท่านละ 7,000 บาท
(ค่าใช้จ่ายไม่ได้รวมในโปรแกรม หากมีความประสงค์จะจองกิจกรรม กรุณาแจ้งหัวหน้าทัวร์ล่วงหน้า)
หรือ อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถตามอัธยาศัยตามแบบฉบับของท่านโดยท่านสามารถเดินชมน้ำตกได้จากทางเดินภายในโรงแรมเดินถึงน้ำตกเพียง 5 นาทีเท่านั้น หรือ ท่านจะใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมต่างๆ อาทิ สระว่ายน้ำ สปา หรือบาร์ (ค่าใช้จ่ายไม่ได้รวมในโปรแกรม)
16.00 น. นำท่าน ล่องเรือเหนือลำน้ำแซมเบซี (ZAMBEZI)
ลำน้ำแซมเบซี (ZAMBEZI)
ล่องเรือเหนือลำน้ำแซมเบซี (ZAMBEZI) สายน้ำที่ทอดยาวจนสุดตา ซึ่งมีความยาวเป็นอันดับ 4 ของทวีปแอฟริกาได้รับการขนานนามว่า The Great River of Southern Africa ต้นกำเนิดของน้ำตกวิคตอเรีย เป็นแม่น้ำที่มีความยาวถึง 2,700 กิโลเมตร ไหลผ่านประเทศต่างๆ รวม 6 ประเทศ คือ แซมเบีย แองโกล่า บอสวาน่า ซิมบับเว นามีเบีย และสิ้นสุดที่โมซัมบิค ไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย นำท่าน ล่องเรือในยามเย็น ชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในบรรยากาศอันแสนโรแมนติก ตื่นตาตื่นใจกับบรรดาชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ ฮิปโปโปเตมัส และนกนานาชนิด แม่น้ำแห่งนี้จึงได้รับอีกสมญานามว่าเป็น “The River of Life” หรือ แม่น้ำแห่งชีวิต ** ระหว่างล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน บริการท่านด้วยเครื่องดื่ม SOFT DRINK แบบไม่อั้นพร้อมขนมขบเคี้ยว ตลอดการล่องเรือ *** จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านกลับเข้าสู่ โรงแรมที่พัก พัก ROYAL LIVINGSTONE VICTORIA FALLS ZAMBIA HOTEL BY ANANTARA (5 ดาว)
วันที่สี่ของการเดินทาง
วิคตอเรีย ฟอลล์ (แซมเบีย) – อุทยานแห่งชาติโชเบ กิจกรรมส่องสัตว์ – BOAT SAFARI
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเช้านำท่านออกเดินทางสู่ สาธารณรัฐบอสวานา (BOTSWANA) (80 กิโลเมตร) หลังผ่านพรมแดนและตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นนำท่านตื่นเต้นกันต่อกับกิจกรรม GAME DRIVE โดยรถซาฟารี
GAME DRIVE CHOBE
นำท่านตื่นเต้นกันต่อกับกิจกรรม GAME DRIVE โดยรถซาฟารี รถที่จะพาท่านไปชมสัตว์ เป็นรถแบบเปิดโล่ง
ด้านข้างเปิดรับลม รถแต่ละคันจะมีนายพราน หรือRANGER ซึ่งเป็นทั้งคนขับรถและไกด์คอยแนะนำวิธีการชมสัตว์ให้ทราบ จุดเด่นของอุทยานแห่งชาตินี้ ท่านจะได้เห็นฝูงช้างป่าแอฟริกาออกหากินตามลำน้ำ ELEPHANTCROSSING RIVER เป็นภาพธรรมชาติที่หาชมได้ยากยิ่งนอกจากนี้ยังมีฝูงฮิปโปนับสิบตัว อาศัยอยู่ตามริมฝั่ง และท่านยังสามารถพบเห็นสัตว์จำพวกกวางป่าหายาก อย่างตัวเซเบล, เซลเซบี้, เรด รีชเว และกวางโชเบ ได้อีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านทำกิจกรรม GAME DRIVE (BOAT SAFARI)
CHOBE NATIONAL PARK
นำท่านเดินทางเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติโชเบ (CHOBE NATIONAL PARK) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุดและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เข้ามาท่องป่าดูสัตว์แบบซาฟารี อุทยานแห่งชาตินี้มีพื้นที่ประมาณ 10,698 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ในบอสวานา เป็นแหล่งรวมฝูงสัตว์ใหญ่นานาชนิด เช่น ฝูงช้างป่าที่มีกว่า 60,000 เชือก, ฝูงควายป่า, ม้าลาย และสัตว์นักล่าอย่าง สิงโต, เสือดาว, เสือชีต้า และไฮยีน่าลายจุด สำหรับท่านที่ชื่นชอบการดูนก ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมนกนานาชนิด กว่า 450 สายพันธุ์ ซึ่งสัตว์ป่าที่นี่มีชีวิตอยู่อย่างอิสรเสรีตามธรรมชาติ
จากนั้นนำท่านทำกิจกรรม GAME DRIVE BOAT SAFARI ให้ท่านเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมธรรมชาติและชีวิตสัตว์ป่าที่หากินอยู่บริเวณใกล้ๆแหล่งน้ำในเขตของแม่น้ำโชเบ ให้ท่านได้ชมฝูงสัตว์ต่างๆในระยะใกล้ และบันทึกภาพความประทับใจได้อย่างชัดเจน
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก CRESTA MOWANA SAFARI RESORT AND SPA: Chobe River, Plot 2239 President Ave, Kasane, Botswana. Tel: +267 625 0300
https://www.crestahotels.com/hotels/botswana/cresta-mowana-safari
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก
วันที่ห้าของการเดินทาง
(บอสวาน่า) – เคปทาวน์ (อัฟริกาใต้)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระให้ท่านพักผ่อน ดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินวิคตอเรียฟอลล์ (VICTORIA FALLS AIRPORT)
*** อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถ เดินเล่นผ่อนคลายตามอัธยาศัย ภายในบริเวณสนามบิน ***
*** อิสระอาหารกลางวันภายในบริเวณสนามบิน มอบเป็น CASH BACK ท่านละ 30 ยูโร ***
13.15 น. ออกเดินทางสู่ เคปทาวน์ โดยสายการบิน AIRLINK เที่ยวบินที่ 4Z 391
16.20 น. เดินทางถึง เคปทาวน์ (CAPE TOWN) เมืองตากอากาศที่ติดอันดับสวยงามที่สุดแห่งของโลก ตั้งอยู่ปลายสุดของแอฟริกาใต้ ถูกโอบล้อมด้วยมหาสมุทรอินเดีย และแอตแลนติก ด้านหน้าหันเข้าหามหาสมุทรทั้งสอง ส่วนด้านหลังมีเทือกเขาสูงเป็นฉากหลัง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก THE WESTIN ระดับ 5 ดาว: Convention Square, Lower Long St, Cape Town, 8000. Tel: +27 21 412 9999
https://www.marriott.com/en-us/hotels/cptwi-the-westin-cape-town/overview/
วันที่หกของการเดินทาง
เคปทาวน์ – เฮลิคอปเตอร์ – TABLE MOUNTAIN SIGNAL HILL – VICTORIA & ALFRED WATERFRONT
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่าน สัมผัสการชมเมืองแบบพาโนราม่าวิว โดยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมเมือง เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านไม่ควรพลาด จนได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนำท่านสู่ Table Mountain (20 กิโลเมตร)
Table Mountain
ภูเขาซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งหินทรายตัดตรงสูง 1,086 เมตร ตั้งตระหง่านโอบล้อมด้วยตัวเมืองที่กว้างไกล
นำท่านขึ้นชมทิวทัศน์จากยอดเขาด้วยกระเช้าทันสมัยหมุนรอบตัวเอง 360 องศาใช้เวลาเพียง 6 นาที
(ถ้าอากาศอำนวย) ค้นหาแดสซี่ (Dassie) กระต่ายหิน หน้าตาคล้ายหนูตะเภามีสีน้าตาล ขนฟูๆ หูสั้นๆปากยื่นๆยาวประมาณ 1 ฟุต และยังมีป่าไม้พุ่มซึ่งเป็นแหล่งรวมของพืช 1,500 สายพันธุ์นกเฉพาะถิ่นอย่างคีรีบูนโพรเทีย ภูเขาโต๊ะถูกขนาบสองด้านด้วยยอดเขา Lion Head และ Devil Peak ที่สวยงาม ให้ท่านได้มีเวลาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (เมนูกุ้งมังกร 200 GRAM CRAYFISH)
บ่าย นำท่านสู่ Signal Hill (Lion’s Rump) เป็นเนินเขาที่อยู่ติดกับ Lion’s Head
Signal Hill (Lion’s Rump)
มีลักษณะเป็นเนิน อดีตเคยมีการใช้ธงเป็นสัญญาณบอกสภาพอากาศหรือคำเตือนสำหรับนักเดินเรือบริเวณอ่าว ด้านบนของ Signal Hill มีถนนเรียบไปตามยอดเขาไปจนถึงจุดสูงสุดของเนินเขา ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองเคปทาวน์ได้ชัดเจน ให้ท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านสู่ เมืองเคปทาวน์ (CAPE TOWN) นำท่านเดินทางสู่ แหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัยที่สุดใน
เมืองเคปทาวน์ VICTORIA & ALFRED WATERFRONT
VICTORIA & ALFRED WATERFRONT
แหล่งรวมสินค้ามากมายให้ท่านได้เลือกซื้อกว่า 400 ร้านค้าซึ่งเป็นหนึ่งในย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตซีกโลกใต้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมือง หรือ สินค้าแบรนด์ดังต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้ท่านเพลิดเพลินเลือกซื้อสินค้ากับร้านรวงต่างๆมากมาย ทั้งภัตตาคาร ผับ ร้านอาหาร คาเฟ่ สินค้าพื้นเมือง Art & Craft รวมทั้งสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังที่มาจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ ARMANI, BURBERRY, GUCCI เป็นต้น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านกลับเข้าสู่ โรงแรมที่พัก THE WESTIN
วันที่เจ็ดของการเดินทาง
Cape Sidecar Adventures – ชิมไวน์ – ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ จุดนัดพบ เพื่อทำกิจกรรมขับรถ Sidecar ชมวิว บริการอุปกรณ์ความปลอดภัยทั้งหมวกกันน๊อค แจ็คเก็ตหนัง รวมถึงผ้าโพกหัวเก๋ๆที่มอบให้แกทุกท่านเป็นที่ระลึก
Cape Sidecar Adventures
นำท่าน ขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทาง The Atlantic Seaboard ที่รู้จักกันในนาม เส้นทาง CAPE TOWN’S RIVIERA (THE MOST BEAUTIFUL SCENIC ROAD OF THE WORLD) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเทเบิลเมาน์เทนอันกว้างใหญ่ เดินทางไปตามเส้นทาง Chapman’s Peak Drive อันตระการตา ซึ่งตัดผ่านรอบๆ ภูเขา และมองเห็นทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของผืนน้ำมหาสมุทรในเบื้องล่าง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที จนกระทั่งเดินทางถึง นอร์ดฮุค (Noordhoek Farm Village) ปลายเหนือสุดของแหลมเพนนินซูลาในชานเมืองด้านใต้ของเคปทาวน์ เขตนี้มองเห็นเฮาท์เบย์ (Hout bay) บนชายฝั่งแอตแลนติก ตั้งอยู่ที่เชิงเขาแชปแมนส์พีค (Chapman’s Peak) ที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่องลือสำหรับแนวชายฝั่งและชายหาดที่มีทิวทัศน์สวยงาม โดยอยู่ใกล้ๆ กับเขตสงวนธรรมชาติอันน่าทึ่ง และชื่นชมบ้านเรือนที่น่ารักหันหน้าไปหาผืนน้ำ ผ่อนคลายบนผืนทรายขาวของนอร์ดฮุคบีชโดยมองเห็นวิวทิวเขาขนาบข้าง ผืนทรายที่ทอดยาว 8 กิโลเมตร แวดล้อมด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่งดงาม
นำท่านเดินทางต่อสู่ ไร่องุ่นและโรงกลั่นเหล้าองุ่นที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้
เที่ยง นำท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในไร่ไวน์ Groot Constantia
บ่าย นำท่าน ชิมไวน์เลิศรสที่ได้รับรางวัล พร้อมชมโรงเก็บเหล้าองุ่น และเยี่ยมชมอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เก่าแก่กว่า 330 ปี ท่ามกลางหุบเขาคอนสแตนเทียอันเขียวชอุ่มแห่งนี้
Groot Constantia / ชิมไวน์
ตั้งอยู่ทางใต้ของตัวเมืองเคปทาวน์ไปประมาณ 20 กิโลเมตรมีบริษัทไม่แสวงผลกำไรเป็นเจ้าของ ที่นี่ตั้งอยู่บนพื้นที่อุดมสมบูรณ์กว่า 408 เอเคอร์ ในหุบเขาคอนสแตนเทีย โรงกลั่นเหล้าองุ่นแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1685 โดย ไซมอน แวนเดอ สเตล (Simon van der Stel) ผู้ว่าการอาณานิคมเคป (Cape Colony)คนแรกซึ่งเป็นชาวดัตซ์ นำท่าน ชมห้องเก็บไวน์ต่างๆ แล้วสัมผัสความเป็นมาของที่นี่พร้อมลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศ เรียนรู้กระบวนการทำไวน์แบบต้นจนจบ ตั้งแต่การเก็บองุ่นไปจนถึงการบรรจุขวดและการจัดจำหน่าย ศึกษาเกี่ยวกับดินชนิดต่างๆ และองุ่นหลายสายพันธุ์ที่ปลูกที่นี่ได้แก่ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) แมร์โล (Merlot) เซมิลยอง (Semillon) และซีราส (Shiraz) สำหรับคอไวน์ ท่านสามารถซื้อไวน์ซีราสและไวน์ Gouverneur’s Reserve อันโด่งดังได้จากที่นี่
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือ V&A เพื่อนำท่าน ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน (SUNSET BOAT CRUISE) กับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติคในอ่าวเทเบิ้ลพร้อมทัศนียภาพริมมหาสมุทรแอตแลนติค
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหาร
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่โรงแรมที่พัก THE WESTIN
วันที่แปดของการเดินทาง
เคปทาวน์ – วอลวิส เบย์ (นามิเบีย)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ย่านชุมชนชาวมลายูที่อพยพมาอยู่ที่แอฟริกาใต้ในเมืองเคปทาวน์มีชื่อว่าชุมชน Bo-Kaap
ชุมชน Bo-Kaap
ซึ่งถือเป็นย่านที่มีสีสันที่สุดของเมือง ตั้งอยู่บริเวณทางลาดของเนินเขา Signal Hill ชุมชนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนที่มีสีสันสดใส และที่ชุมชนแห่งนี้มีการจัดตั้งองค์กรไม่หวังผลกำไรชื่อว่า Monkeybiz ซึ่งเป็นองค์กรที่มีการจัดให้ผู้หญิงยากจนในชุมชนได้มีรายได้ โดยแจกจ่ายลูกปัดให้สำหรับทำเป็นตุ๊กตา หรืองานฝีมืออื่นๆ เพื่อที่ผลกำไรที่ได้จากการจำหน่ายจะได้กลับไปสู่ชุมชน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินเคปทาวน์ (CAPETOWN INTERNATIONAL AIRPORT)
*** อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถ เดินเล่นผ่อนคลายตามอัธยาศัย ภายในบริเวณสนามบิน ***
*** อิสระอาหารกลางวันภายในบริเวณสนามบิน มอบเป็น CASH BACK ท่านละ 30 ยูโร ***
14.00 น. ออกเดินทางสู่ วอลวิสเบย์ (WALVIS BAY) ประเทศนามิเบีย โดยสายการบิน AIRLINK เที่ยวบินที่ 4Z 348
16.15 น. เดินทางถึง วอลวิสเบย์ (WALVIS BAY) ประเทศนามิเบีย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ภัตตาคาร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก PROTEA HOTEL BY MARRIOTT WALVIS BAY PELICAN BAY,WALVIS BAY: The Esplanade, Walvis Bay, Namibia. Tel: +264 64 214 000
https://www.marriott.com/en-us/hotels/wvbpe-protea-hotel-walvis-bay-pelican-bay/overview/
วันที่เก้าของการเดินทาง
วอลวิสเบย์ – ล่องเรือชมโลมาและแมวน้ำ กิจกรรมทัวร์แซนวิชฮาร์เบอร์ –สวาคอปมุนด์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ อ่าววอลวิส (Walvis Bay)
ล่องเรือชมโลมาและแมวน้ำ
นำท่านล่องเรือชมโลมาและแมวน้ำ โดยเรือจะพาเลียบออกจากชายฝั่งซึ่งทุกท่านจะได้สัมผัสกับวิวทะเลทรายที่มองจากมุมในทะเลและเห็นทะเลน้ำสีครามตัดกับสีของพื้นทะเลทรายสีนวล นอกจากนั้นจะได้ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าโลมาที่ออกมาว่ายโลดเล่นบนผืนน้ำให้เราได้ชื่นชม อีกทั้งยังมีนกพิลิแกนตัวใหญ่โฉบไปมาบนเรือเพื่อขออาหารกินกับนักท่องเที่ยวเพราะเจ้าหน้าที่จะให้อาหารเป็นประจำนกพิลิแกนจึงคุ้นเคยกับคนและใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวบนเรือทำให้สามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิดนอกจากนี้ทุกท่านยังจะได้ตื่นตาตื่นใจกับกลุ่มแมวน้ำนับพันตัวบนเกาะที่นอนเรียงรายให้ทุกท่านได้ชมอย่างเพลิดเพลินพร้อมกับมองเห็นชายหาดยาวหลายร้อยกิโลเมตร ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับเหล่าแมวน้ำอย่างจุใจพร้อมใกล้ชิดกับแมวน้ำที่ว่ายเข้ามาริมขอบเรือ หรือ กระโดดขึ้นมาบนเรือเพื่อขออาหาร
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสนุกกับ กิจกรรมทัวร์แซนวิชฮาร์เบอร์ (SANDWICH HARBOUR TOUR)
SANDWICH HARBOUR TOUR
ท่านจะได้สัมผัสกับทะเลทรายนามิเบียโดยนั่งรถโฟร์วิวชมทะเลทรายที่มีความงดงามและกว้างใหญ่ริมมหาสมุทรแอตแลนติคที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมวน้ำนกฟลามิงโก้
เป็นทะเลทรายที่มีความสงบที่สุดในโลกชม แซนวิชฮาร์เบอร์(Sandwich Bay) ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งในมหาสมุทรแอตแลนติคมีอ่าวอยู่ทางเหนือละมีทะเลสาบอยู่ทางตอนใต้ของนามิเบียเป็นสถานที่ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินแต่น้อยคนนักที่ได้มาเยี่ยมชมเนินทรายยักษ์ที่ติดกับมหาสมุทรอันเป็นฉากที่น่าทึ่งและไม่เหมือนใครรอให้ทุกท่านมาสัมผัสความอัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้ในอดีตที่นี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นท่าเรือพาณิชย์ที่มีการล่าวาฬและการทำประมงขนาดเล็กแต่ในปัจจุบันที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องของการมาชมฝูงนกหลากหลายสายพันธุ์ที่อพยพย้ายถิ่นฐานไปทางตอนใต้ในแต่ละปีและพื้นที่นี้ได้ถูกสำรวจครั้งแรกในปีค.ศ. 1880 โดยกองทัพเรือแต่ว่าด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะแก่ยุทธศาสตร์จึงทำให้มีการตั้งถิ่นฐานชั่วคราวมีแค่ชาวประมงบางส่วนเท่านั้น อิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพเก็บความประทับใจและเต็มอิ่มกับวิวทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก STRAND HOTEL SWAKOPMUND: A.Schad Promenade, Swakopmund, Namibia. Tel: +264 64 411 4000 www.strandhotelswakopmund.com
วันที่สิบของการเดินทาง
สวาคอปมุนด์ – หุบเขาแห่งพระจันทร์ THE DESERT GRACE GONDWANA
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
แล้วนำท่านเดินทางไปชื่นชมทิวทัศน์ หุบเขาแห่งพระจันทร์ (MOONLANDSCAPE) (43 กิโลเมตร)
หุบเขาแห่งพระจันทร์ (MOONLANDSCAPE)
เป็นสถานที่ที่เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่อุดมสมบูรณ์เมื่อประมาณ 500 ล้านปีก่อนเมื่อทวีปกอนดาราเกิดการชนกันและ125กว่าล้านปีถัดมาเกิดกระบวนการกัดเซาะทำให้ภูเขาหินแกรนิตที่เป็นรากฐานแปรเปลี่ยนสภาพเป็นลักษณะพื้นที่แบบที่ได้เห็นในปัจจุบันหลัง
จากนั้นนำท่านนำทุกท่านมาสัมผัสกับ กิจกรรมการขี่อูฐกลางทะเลทราย ที่สวาคอปมุนด์ทุกท่านจะได้ซึมซับกับบรรยากาศอันงดงามของเมืองแห่งนี้ให้ท่านได้ เพลิดเพลินกับการขี่อูฐที่เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเยือน ณ ที่แห่งนี้ทุกท่านก็จะได้ชื่นชมกับบรรยากาศทะเลทราย ยามเย็นโดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด อิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพเก็บความประทับใจและดื่มด่ำกับทิวทัศน์โดยรอบของทะเลทรายยามเย็นแห่งสวาคอปมุนด์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ DESERT GRACE GONDWANA (284 กิโลเมตร)
เดินทางไป DESERT GRACE GONDWANA
ระหว่างการเดินทางไป DESERT GRACE GONDWANA ชมวิวที่มีรูปร่างแปลกตา และนอกจากเนินทรายแล้ว อุทยานแห่งนี้ยังโดดเด่นด้วยโขดหินที่โผล่ขึ้นมาและแนวหินที่เรียกกันในท้องถิ่นว่า kopjes และ inselbergs การก่อตัวของหินเหล่านี้มักประกอบด้วยหินแกรนิต เฟลด์สปาร์ และหินทราย
นำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก THE DESERT GRACE GONDWANA: 54kms from Solitaire, Sesrium 9000 Lillooet, Namibia. Tel: +264 81 129 24 24
https://gondwana-collection.com/accommodation/desert-grace
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก
วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง
ซอสซัสฟลายลอดจ์ –กิจกรรมตะลุยทะเลทราย SESRIEM CANYON – DESERT GRACE GONDWANAN
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เขตอุทยานแห่งชาติซอสซัสฟลาย (60 กิโลเมตร)
เขตอุทยานแห่งชาติซอสซัสฟลาย
มุ่งหน้าสู่กลางทะเลทรายนามิบให้ท่านได้ทดลองกำลังในการเดินตามสันทรายที่สูงชัน และชมวิวทะเลทรายแบบ 360 องศาในมุมสูงท่ามกลางแสงแดดอันเจิดจ้าเกิดเป็นเงาทําให้สีสันตัดกันอย่างลงตัวและสวยงามในรูปทรงแปลกตา ผ่านภูเขาทรายที่ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกให้ท่านได้ถ่ายรูปพร้อมสัมผัสแสงแดดอบอุ่นยามเช้า
นำท่านชม BIG DADDY DUNE
BIG DADDY DUNE
หนึ่งในเนินทรายที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 325 เมตรเนินทรายที่สูงที่สุดในพื้นที่ Sossusvleiเนินทรายอันงดงามแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่าง Sossusvlei และ Deadvlei ท่านสามารถเดินขึ้นไปยังจุดสูงสุด แล้วมองเห็น Deadvlei และทะเลทรายโดยรอบ ให้ท่านถ่ายรูปวิวทะเลทรายที่สวยงามและแปลกตาแล้วนำท่านชม DEADVLEIคือจุดที่เคยเป็นแหล่งกักเก็บน้ำมาก่อนทำให้มีต้นไม้ Dead camelthorn trees จำพวก ACACIA ขึ้นได้แต่ปัจจุบันน้ำแห้งไปทำให้ต้นไม้ยืนต้นตาย ต้นไม้เหล่านี้มีอายุประมาณ 900 ปี แต่ต้นไม้เหล่านี้ยังไม่ย่อยสลายเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง เป็นสวรรค์ของเหล่านักถ่ายรูปที่ต้องการมาเก็บภาพสวยๆ เป็นที่ระลึก
จากนั้นนำท่านชม DUNE 45 เนินทรายที่สวยที่สุดในอุทยานแห่งนี้
DUNE 45
ชมเนินทรายสีแดงเข้มตัดกับแสงแดดยามเช้าสีของทรายเป็นสีแดง เนื่องจากธาตุเหล็กที่อยู่ในทรายมีมากระทบกับออกซิเจน ทำให้เกิดเป็นสีแดงคล้ายสนิม และสีของทรายบ่งบอกถึงอายุของทรายอีกด้วย ยิ่งสีเข้มแสดงว่าทรายเกิดขึ้นนานมากแล้ว เนินทรายในบริเวณนี้ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุด ซึ่งเนินทรายต่างๆเหล่านี้เกิดจากการพัดของกระแสลมจากหลายทิศทางทำให้เกิดเป็นเนินทรายขนาดต่างๆ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชม SESRIEM CANYON ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ TSAUCHAB และได้พัดพาเอาทรายและกรวดมาทับถมกัน เป็นระยะเวลากว่าหลายล้านปีมาแล้ว โดยจะมีน้ำไหลผ่านในแคนยอนทุกๆช่วง 5-10 ปี และถูกระบายออกไปบริเวณที่เป็น SAND DUNE โดยรอบไม่มีการไหลออกทะเล จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนำท่านเดินทางกลัยเข้าสู่ โรงแรมที่พัก THE DESERT GRACE GONDWANAซึ่งบังกะโลแต่ละหลังมีสระแช่ตัวส่วนตัวและระเบียงอาบแดดพร้อมวิวทะเลทรายที่สวยงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ผ่อนคลายเปลี่ยนอิริยาบถ ชื่นชมธรรมชาติของทะเลทรายโดยรอบหรือ ใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโรงแรมมีให้บริการและผ่อนคลายรีแลกซ์กับสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในห้องพักที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลทรายนามิบยามพระอาทิตย์ตกดิน
วันที่สิบสองของการเดินทาง
THE DESERT GRACE GONDWANA อุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์ – วินด์ฮุก
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์ (NAMIB NAUKLUFT NATIONAL PARK) (94 กิโลเมตร)
อุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์
เป็นเขตทะเลทรายที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งมีอายุถึง 55 ล้านปี และชื่อของประเทศนามิเบีย (NAMIBIA) ก็มาจากชื่อของทะเลทรายแห่งนี้จากเดิมที่ชื่อว่า SOUTH WEST AMERICA คำว่า NAMIB แปลว่า พื้นที่โล่งกว้าง และอุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์ (NAMIB NAUKLUFT NATIONAL PARK) เป็น GAME PARK ที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา มีขนาดพื้นที่เกือบ 50,000 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดใหญ่กว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทะเลทรายนามิบยังเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดปรารถนาของทวีปแอฟริกาที่นักท่องเที่ยวต้องการไปชมมากที่สุดอีกด้วย ทะเลทรายนามิบกันดารและแห้งแล้ง มีเพียงต้นอาคาเซียเท่านั้นที่เป็นร่มเงาให้สัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ได้บังแดดผ่านภูเขารูปร่างแปลกตารูปทรงต่างๆ และระหว่างทางอาจมีสัตว์ให้เห็นบ้าง เช่น กวางสายพันธุ์ต่างๆ และม้าลาย
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ วินด์ฮุก (WINDHOEK) (242 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐ นามิเบียที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 230,000 คน เมืองวินด์ฮุกเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและการศึกษาของประเทศนามิเบีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมือง วินด์ฮุก (WINDHOEK)
ชมเมืองวินด์ฮุก (WINDHOEK)
แล้วนำท่าน ชมเมืองวินด์ฮุก ผ่านชมอาคารบ้านเรือน ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเยอรมัน เป็นชาติแรกที่ได้เคยปกครองประเทศนามิเบียในสมัยยุคล่าอาณานิคม ถ่ายรูปกับโบสถ์คริสต์อูเคอร์ช (Christuskirche) เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ถูกออกแบบโดย Gottlieb Redecker ถูกสร้างขึ้นหลังสงครามระหว่างชาวเยอรมันกับ Khoikhoi, Hereroและ Owambo เป็นที่รู้จักในนามคริสตจักรแห่งสันติภาพ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลทางศิลปะผสมแบบนีโอคลาสสิคอาร์ทนูโวและโกธิกนำท่านผ่านชม Parliament Gardens เป็นสวนขนาดเล็กอยู่ใจกลางเมืองวินด์ฮุก ตั้งอยู่ระหว่างตึกรัฐสภาของนามิเบียกับโบสถ์คริสต์โดยสวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี1932 เป็นหนึ่งในสวนที่สวยที่สุดใน วินด์ฮุก สวนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของรูปปั้น 3 รูป ซึ่งเป็นตัวแทนของการได้รับอิสรภาพของนามิเบีย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก AVANI WINDHOEK HOTEL & CASINO: Gustav Voigts Centre, 129 Independence Ave, Windhoek, Namibia. Tel: +264 61 280 0000
วันที่สามสองของการเดินทาง
วินด์ฮุก – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเช้าอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
จนได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินวินด์ฮุก
*** อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถ เดินเล่นผ่อนคลายตามอัธยาศัย ภายในบริเวณสนามบิน ***
*** อิสระอาหารกลางวันภายในบริเวณสนามบิน มอบเป็น CASH BACK ท่านละ 30 ยูโร ***
14.30 น.ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET 834
(แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินแอดดิสอาบาบา เอธิโอเปีย เวลา 21.20-22.40 น.)
วันที่สิบสี่ของการเดินทาง
กรุงเทพฯ
12.00 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…