06 – 20 พฤศจิกายน 2567
วันเดินทาง
สายการบินเอมิเรตส์ (EK)
สายการบิน
เดนมาร์ก – นอร์เวย์
ประเทศ

ทัวร์ยุโรป : DREAM COME TRUE NCL VIVA x MEDITERRANEAN SEA (15 DAYS) EMIRATES AIRLINE (EK)

กำหนดการเดินทาง : 06 – 20 พฤศจิกายน 2567

ประเทศ : โปรตุเกส – ฝรั่งเศส – อิตาลี่

สายการบิน : EMIRATES AIRLINE (EK)

ราคา : 349,800 บาท

 

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

1

วันแรกของการเดินทาง

กรุงเทพ ฯ – ลิสบอน

06.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน EMIRATES AIRLINE (EK) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

09.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส

โดยสายการบิน EMIRATES AIRLINE  เที่ยวบินที่ EK375/193  (แวะเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบิน กรุงดูไบ 13.00 – 14.25 น.)                        

19.40 น.   (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงเมืองลิสบอน (LISBON) ประเทศโปรตุเกส หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

LISBON

เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส เนื่องจากลิสบอนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป และติดกับมหาสมุทร จึงทำให้ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม ทำให้ลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีภูมิอากาศที่อบอุ่นที่สุดในยุโรป

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม RADISSON BLU HOTEL LISBON หรือระดับเทียบเท่า (พัก 2 คืน)

2

วันที่สองของการเดินทาง

ลิสบอน  – ซินตร้า –  พีน่า พาเลซ  – ลิสบอน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซินตร้า (SINTRA) (30 กิโลเมตร)

PENA PALACE 

จากนั้นนำท่าน เข้าชมพีน่า พาเลซ (Pena National Palace) พระราชวังที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองซินตร้า โดยพระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศโปรตุเกส ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโปรตุเกส โดยในอดีตพระราชวังถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์โปรตุเกสมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ภายในถูกตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะพื้นกระเบื้องที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดในโปรตุเกส ส่วนใกล้ๆกับพระราชวังจะเป็นพีน่าพาร์ค (Pena Park) สวนป่าขนาดใหญ่ ที่มีการจัดแต่งด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองลิสบอน (30 กิโลเมตร)

นำท่านเดินชมบรรยากาศย่านเมืองเก่าอัลฟามา(ALFAMA) พาท่านเข้าชมโบสถ์ National Pantheon เป็นโบสถ์ที่มีความใหญ่โตและลักษณะโดดเด่นของหลังคาโดมสีขาวที่สวยงาม อิสระให้ท่านเดินชมด้านในของตัวโบสถ์ อีกทั้งด้านบนของโบสถ์ท่านสามารถชมวิวสวยงามของย่านเมืองเก่าอัลฟามา จากนั้นพาท่านสู่บริเวณ Miradouro da Graça เป็นจุดชมวิวที่สุดแสนโรแมนติก สามารถมองออกไปเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองลิสบอนแบบพาโรนามา ชมบริเวณ Miradouro das Portas do Sol จุดชมวิวที่สวยงามอีกหนึ่งจุดของเมืองลิสบอน ที่มีเอกลักลักษณ์ด้วยรูปปั้นของนักบุญวินเซนต์ ที่ยืนถือเรือไว้ที่มือด้านซ้าย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม RADISSON BLU HOTEL LISBON (พักคืนที่ 2)

3

วันที่สามของการเดินทาง

ลิสบอนล่องเรือสำราญสุดหรู NORWEGIAN VIVA

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านชมเมืองลิสบอสก่อนขึ้นเรือสำราญ

นำท่านนำท่าน ถ่ายภาพกับหอคอยเบเลม (BELEM TOWER) เดิมสร้างไว้กลางน้ำ เพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจและค้นพบโลกของวาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมมานูเอลไลน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

จากนั้นนำท่าน เข้าชมวิหารเจอโรนิโม (JERONIMOS MONASTERY) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วาสโก ดากามา ที่ได้เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี 1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่า มานูเอลไลน์ (MANUELINE) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 70 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

นำท่านชมร้าน Pastéis de Belém ร้านทาร์ตไข่โปรตุเกส หรือ พาสเทล เดอ นาทา (Pastel de nata) เมนูขนมอบที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศโปรตุเกสที่โด่งดังไปไกลถึงทั่วโลก ร้านนี้ตั้งอยู่ข้างๆมหาวิหาร Jerónimos Monastery ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่มแม่ชีประจำมหาวิหาร ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากไข่แดงที่หลงเหลือเป็นจำนวนมากเมื่อกว่า 200 ปีก่อน ปัจจุบัน ร้านขนมแห่งนี้ยังคงรักษาสูตรต้นตำรับของทาร์ตไข่โปรตุเกสเอาไว้อย่างดีจนทำให้ร้านขนมแห่งนี้กลายมาเป็น “สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม” ของเมือง Lisbon ที่ทุกคนต้องห้ามพลาดที่จะมาลิ้มลองทาร์ตไข่

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อเช็คอินเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE

***เอกสารที่ใช้ในการ Check-in ขึ้นเรือสำราญ***

1.หนังสือเดินทาง ที่เหลืออายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน ณ วันเดินทาง

2.เอกสาร NCL Boarding Pass (EDOCS) ทางบริษัทได้ทำการลงทะเบียนออนไลน์ให้กับทุกท่านแล้ว ***หัวหน้าทัวร์จะนำ เอกสาร NCL Boarding Pass มอบให้ท่าน ณ วันเดินทาง***

3.บัตรเครดิต สำหรับการวางมัดจำเป็นจำนวนเงิน 300 USDเมื่อท่านเช็คอินขึ้นเรือ หลังจากที่การเดินทางสิ้นสุดลงทางเรือจะทำการคืนเงินมัดจำกลับสู่บัตรเครดิตของท่าน

***ในกรณีที่ท่านไม่มีบัตรเคดิตทางเรือจะขอเก็บเป็นเงินสด 300 USD เพื่อเป็นการวางมัดจำแทน และจะทำการคืนเมื่อการเดินทางสิ้นสุดลงเช่นเดียวกันกับการใช้บัตรเคดิต***

***ทางบริษัทเร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวลจำกัด ได้จัดสรรแพคเกจเพื่ออำนวยความสะดวกสบายของท่านขณะที่อยู่บนเรือสำราญให้แขกสุดพิเศษของเราในการเดินทางด้วยเรือสำราญครั้งนี้***

1.อาหารค่ำ Special Dinner จำนวน 6 มื้อ

2.แพคเกจ Unlimited Soft Drink Package สำหรับใช้บริการเครื่องดื่มประเภทซอฟดริ้งบนเรือสำราญตลอดทั้งทริป

3.แพคเกจ Unlimited Wifi Internet สำหรับใช้บริการอินเตอร์เน็ตบนเรือสำราญตลอดทั้งทริป หลังจากผ่านกระบวนการเช็คอินขึ้นสู่เรือสำราญอิสระให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสำรวจส่วนต่างๆของเรือจนกระทั่งได้เวลา

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคารภายในเรือสำราญ

NORWEGIAN VIVA CRUISE

เรือสำราญสุดหรู 20 ชั้น ลำใหม่ล่าสุด จากทาง NORWEGIAN CRUISE ที่เปิดตัวให้บริการสู่น่านน้ำในปี 2023 สร้างขึ้นโดยบริษัท Fincantieri S.P.A บริษัทอู่ต่อเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลกของอิตาลี สร้างสรรเรือสำราญให้ท่านได้เดินทางบนมหาสมุทรเพื่อยกระดับความพิเศษกับประสบการณ์ความประทับใจในการเดินทางที่ไม่รู้ลืม

แนะนำส่วนต่างๆและ ซักซ้อมการปฏิบัติตัวบนเรือ

หลังจากที่ขึ้นเรือมาแล้วอิสระให้ท่านเก็บสัมภาระในห้องพัก หรือเดินสำรวจที่ตั้งของส่วนต่างๆของเรือ และในวันนี้ทางเรือจะจัดกิจกรรมอธิบายกฏต่างๆในการล่องเรือสำราญและซ้อมการเตรียมตัวการหนีภัยตามหลักสากล (Muster Drill) ทุกท่านต้องเข้าร่วมในการฝึกซ้อมครั้งนี้ *เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยสากล ขอความร่วมมือทุกท่านปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

EXPERIENCES & ENTERTAINMENT ON NORWEGIAN VIVA CRUISE

VIVA SPEEDWAY ท้าทายลมทะเลด้วยการขับรถโกคาร์ท กับ NCL’s Famous Viva Speedway ที่มีขนาดของสนามที่ยาวขึ้น ใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยมีมา สัมผัสกับประสบการณ์ความตื่นเต้นเร้าใจใรขณะที่เหยียบคันเร่ง บนสนามแข่งเคลื่อนที่กลางทะเลที่มีสามระดับบนเรือสุดหรู

THE DROP & THE RUSH ให้ท่านได้ลองสไลด์ตัวลงบน The Drop สไลเดอร์แห้งที่เร็วที่สุดในทะเล ด้วยความสูง 10 ชั้น สไลด์เดอร์ใหม่ล่าสุดของเรือ Norwegian Viva หรือเพิ่มความท้ายทายด้วยการแข่งขันด้วยการสไลด์ลงมาแข่งกับเพื่อนด้วย The Rush สไลด์เดอร์คู่

SPLASH THE DAY AWAY สนุกสนานไปกับสวนน้ำบนเรือหรูที่มีทั้งสวนน้ำสำหรับเด็ก (Kids’ Aqua Park) และสวนน้ำและสระว่ายน้ำ (Aqua Park and Main Pool) พร้อมด้วยสระน้ำอุ่น ให้ท่านได้ใช้เวลาเล่นน้ำกลางมหาสมุทรและยังมี Wave Pool Bar สำหรับผ่อนคลายริมสระพร้อมจิบเครื่องดื่มเพื่อผ่อนคลายในวันที่ไม่ต้องการความเร่งรีบ

CASINOS AT SEA ในฐานะที่ NCL เป็นผู้นำด้านเรือแห่งความบันเทิงเต็มรูปแบบ CASINOS AT SEA นั้นมีขึ้นมาเพื่อให้ท่านได้พบกับประการณ์การคาสิโนกลางมหาสมุทร เพื่อผ่อนคลายหาความสนุกสนานด้วยสล็อตอันใหม่ล่าสุด ยิ่งใหญ่และเป็นที่นิยมที่สุด อีกทั้งยังมี BLACKJACK, CRAPS, ROULETTE และอีกมากมายให้ท่านได้ลองเสี่ยงโชค

GAME GALLERY สนุกสนานไปกับเกมที่ทาง NCL ได้จัดสรร ให้ท่านได้ร่วมเล่น อาทิเช่น เล่นปาเป้าในผับ The Bull’s Eye หรือลองไปตีลูก hole in one ที่ Tee Time ประสบการณ์เล่นมินิกอล์ฟแบบอินเทอร์แอกทีฟและดื่มด่ำกับเทคโนโลยีสุดล้ำ หรือเล่นShuffleboard, Pickleball, Beer pong และ Basketball ที่ The Stadium จากนั้นฉลองชัยชนะของท่านที่ Viva Speedway Bar ทุกกิจกรรมตั้งอยู่ในที่เดียวที่ชั้น 18 ของเรือ NCL VIVA

ดื่มด่ำไปในโลกเสมือนจริงกับ GALAXY PAVILION สำรวจความสนุกในห้องจำลองเสมือนจริงที่น่าตื่นเต้น ตีกอล์ฟเสมือนจริงที่ Top Golf Swing Suite หรือจะเข้าเล่น Escape rooms ที่ต้องหลบหนีสิ่งกีดขวาง ไปจนถึงเครื่องเล่นจำลองการแข่งรถ ที่นี่จึงเป็นดินแดนสุดไฮเทคสำหรับทั้งครอบครัว

VIVA THEATER & CLUB ภายในเรือ NCL VIVA ท่านสามารถรับชมการแสดงละครบรอดเวย์ที่ให้ความรู้สึกถึงช่วงฤดูร้อนอย่าง The Donna Summer Musical หรือหากท่านต้องการความบันเทิงอยากหัวเราะให้สุดเสียงสามารถชมคลับสแตนด์อัพคอมเมดี้ หรือให้ท่านตื่นตาตื่นใจไปกับโรงละครสามชั้นที่สามมารถแปลงโฉมเป็นไนต์คลับสไตล์เวกัสสุดอลังการ หรือสนุกไปกับปาร์ตี้ยามค่ำดึก พร้อมดีเจเล่นแสดงสดและการแสดงแสงสีสุดล้ำ

SPA & FITNESS ในวันที่ร่างกายต้องการการผ่อนคลายท่านสามารถมาใช้บริการที่ Mandara Spa สปาแห่งใหม่บนเรือ NCL VIVA ที่มีตั้งแต่ห้องซาวน่าล้างสารพิษจนถึงสระน้ำที่ทันสมัย ทรีทเม้นท์ นวด หรือซาลอน ทำผม ทำเล็บ หรือหากอย่างเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายท่านก็สามารถเลือกที่จะเข้าไปออกกำลังกายได้ที่ฟิตเนสของทางเรือ NCL VIVA

ท่านสามารถช้อปปิ้ง DUTY FREE กับสินค้าปลอดภาษีได้ทุกวันขณะล่องเรือกับแบรนด์ชั้นนำเครื่องสำอางและน้ำหอมเช่น NYX, IT Cosmetics, Clinique, Lancome, Chanel, Pandora Jewelry & Lifestyles, EFFY Jewelry, Timeless Luxury & Fine Watches และอีกมากมาย ที่ save ได้มากถึง 50% สำหรับผู้ที่ใช้บริการกับ Norwegian Viva Cruise

*****กิจกรรม EXPERIENCES & ENTERTAINMENT บางรายการไม่ได้รวมอยู่ในราคาทัวร์ หากท่านสนใจกรุณาสอบถามหัวหน้าทัวร์ หรือพนักงานบนเรือ Norwegian Viva เพื่อสอบถามและใช้บริการ*****

RESTAURANTS & BARS & LOUNGES ON DECK 6,7,8,17

ท่านสามารถรับประทานอาหาร เช้า กลางวัน เครื่องดื่ม ภายในเรือ NORWEGIAN VIVA CRUISE โดยมีภัตตาคารอาหารมากมายให้ท่านได้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารหลักที่ Hudson’s Restaurant, หรือลองค้นพบสิ่งใหม่ๆ หนึ่งในข้อเสนอพิเศษที่ได้รับการออกแบบสุดประณีตที่ The Commodore Room, Surfside Café ที่มีรายการจานด่วนหลากหลายอย่างที่สามารถทานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง หรือจะเป็น Indulge Food Hall ที่จะตอบสนองทุกความหิวของคุณ และยังมีภัตตาคารอาหารบาร์เครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยมให้ท่านได้เลือกอีกมากมาย

***เครื่องดื่ม Premium บางประเภท และ Starbucks ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ กรุณาสอบถามพนักงานบนเรือ***

SPECIALTY DINING

ทางบริษัทเร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวลจำกัด ได้จัดสรรอาหารค่ำ Special Dinner จำนวน 6 มื้อให้กับทุกท่านที่ร่วมเดินทาง ด้วยภัตตาคารพิเศษภายในเรือ NORWEGIAN VIVA CRUISE เพื่อให้ท่านได้ลิ้มรสอาหารค่ำที่ครบรสและพิเศษกว่าที่อื่นๆ กับห้องอาหารที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

Onda by Scarpetta ภัตตาคารอาหารอิตาเลียนที่นำเสน่ห์และความสง่างามแบบง่ายๆ ของ Scarpetta ซึ่งเป็นร้านอาหารในเครือที่โด่งดังมาสู่ท้องทะเล ดื่มด่ำกับประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่ ตั้งแต่พาสต้าซิกเนเจอร์ของ Scarpetta เช่น Spaghetti Tomato & Basil ที่มีชื่อเสียง ไปจนถึงอาหารทะเลที่มีเอกลักษณ์ชวนกระตุ้นความอยากทานอาหารของคุณ

Cagney’s Steakhouse ภัตตาคารสเต็กเฮาส์สไตล์อเมริกัน ที่เสิร์ฟเนื้อแองกัสระดับพรีเมียมที่ผ่านการรับรอง เช่น ทีโบนแบบดั้งเดิมหรือเนื้อซี่โครง ให้ต่อมรับรสของคุณเดินทางสู่สเต็กเฮาส์อันเป็นเอกลักษณ์

Hasuki ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Japanese Grill ให้ท่านนั่งที่โต๊ะแถวหน้า พร้อมชมการแสดงของเชฟขณะเตรียมและปรุงอาหาร กุ้ง สเต็ก ไก่ และข้าวผัด บนเตาเหล็กขนาดใหญ่ ให้บรรยกาศที่ครื่นเครงพร้อมลิ้มรสกับอาหารญี่ปุ่นที่เชฟฝีมือดีได้รังสรรเมนู

Le Bistro ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์ การตกแต่งภายในที่หรูหรา และพนักงานเสิร์ฟที่เอาใจใส่ทำให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารนี้เป็นส่วนตัว พร้อมบรรยากาศโรแมนติกแบบฝรั่งเศส นำเสนอการตกแต่งที่เก๋ไก๋และอาหารฝรั่งเศสที่ปรุงอย่างเชี่ยวชาญเต็มไปด้วยรสชาติที่หลากหลาย เช่น Escargot และ Coq au vin

Los Lobos ภัตตาคารอาหารเม็กซิกันระดับพรีเมียมที่นำเสนอรสชาติแบบดั้งเดิมพร้อมความทันสมัย เชฟที่ Los Lobos ให้ความสำคัญกับการผสมผสานรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่บน Ocean Boulevard ที่มีที่นั่งทั้งในร่มและกลางแจ้ง

Palomar ภัตตาคารอาหารซีฟู้ดสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน อาหารทะเลเป็นจุดเด่นของภัตตาคารแห่งนี้ โดยมีกลิ่นอายความเป็นยุโรป บรรยากาศสบายๆ หรูหรา ท่านจะได้รับการปรนนิบัติด้วยอาหารที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศ รวมถึงวัตถุดิบที่สดใหม่ ไวน์และเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดี

อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับความหรูหราสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงแบบครบครัน และชมทิวทัศน์ตลอดการเดินทาง ท่านสามารถพักผ่อนภายในห้องพัก นั่งชมวิวจากริมระเบียงหรือเลือกทำกิจกรรมต่างๆบนเรือได้ ทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม อาทิเช่น สระว่ายน้ำ, สปา, ซาวน่า, ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี, ฟิตเนส, Galaxy Pavilion, Beauty Salon, ขับรถโกคาร์ท, ชมการแสดง หรือนั่งพักผ่อนตามมุมต่างๆของเรือ ทานอาหารว่างและเครื่องดื่มต่างๆเช่น ชา กาแฟ Soft drink ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ห้องพักพร้อมระเบียง (BALCONY)

ห้องพักพร้อมระเบียงที่มีขนาดห้อง 22-33 ตร.ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่ท่านต้องการเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย เช่น ไดร์เป่าผม ตู้นิรภัยส่วนบุคคล มินิบาร์ โต๊ะทำงาน เครื่องชงกาแฟ พื้นที่แต่งตัว และโซฟาที่นั่งแสนสบาย ห้องน้ำในตัว และมีบริการ Room Service ตลอด 24 ช.ม. ระบบไฟฟ้าภายในห้องพัก มีช่องเสียบปลั๊กทั้งแบบ 2 ขาแบน และ 2 ขากลมแบบยุโรป ช่องเสียบ USD type และ C type พร้อมรองรับ

18.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ “ยิบรอลตาร์ (GIBRALTAR)”

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

4

วันที่สี่ของการเดินทาง

ยิบรอลตาร์ ชมเมือง – มุ่งสู่กาดิซ

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

08.00 น. เรือเทียบท่าเรือยิบรอลตาร์ (GIBRALTAR)

GIBRALTAR

ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ใต้สุดของคาบสมุทรไอบีเรีย ประตูสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เชื่อมต่อไปสู่ยุโรปและแอฟริกา แหล่งศูนย์กลางท่าเรือขนส่งสินค้าทางทะเล และเรือสำราญที่คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว ซึ่งไฮไลท์ของเมืองนี้ คือโขดหินยิบรอลตาร์ (Rock of Gibraltar) ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมือง

นำท่านเดินทางเพื่อขึ้นเคเบิ้ลคาร์ขึ้นสู่ Top Station of The Rock

SKY WALK

นำท่านเดินตามทางบนยอดเขาไปยังจุดชมวิวสกายวอล์คที่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 340 เมตร พื้นทางเดินเป็นกระจกใสลามิเนต 4 ชั้น (ความหนารวมประมาณ 4.2 ซม.) มองลงไปเห็นเหวลึกอยู่ข้างล่างอย่างชัดเจน ทนทานต่อความเร็วลมมากกว่า 150 กม./ชม. อิสระให้ท่านได้วิวชมทิวทัศน์ 360 องศา อันตระการตาครอบคลุมถึงสามประเทศและสองทวีป ระหว่างยุโรปและแอฟริกาที่มาบรรจบกัน

จากนั้นนำท่านชมถ้ำเซนต์ไมเคิล (ST.MICHAEL’S CAVE)

ST.MICHAEL’S CAVE

ถ้ำที่เป็นหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยมีจุดเด่นคือการก่อตัวขึ้นของหินปูนมาเนิ่นนานหลายศตวรรษจนเกิดเป็นหินงอกหินย้อยที่สวยงาม ประกอบกับการตกแต่งด้วยการจัดแสดงแสงสีเสียงภายในถ้ำแล้วยิ่งสร้างบรรยากาศให้อลังการละลานตา อิสระให้เวลาท่านได้เดินชมความงามของธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์เสริมแต่งจนกลายเป็นความสวยงามที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวจนกระทั่งได้เวลา

อีกหนึ่งสีสันในยอดเขายิบรอลตาร์ นั้นก็คือลิงไร้หางสายพันธ์บาร์บารี (Barbary macaque) ซึ่งเป็นลิงป่าเพียงชนิดเดียวในยุโรป (ปกติในยุโรปจะไม่มีลิง) การได้เห็นลิงในยิบรอลตาร์เลยถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต่างตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ

จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงสู่ตัวเมืองด้านล่าง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย อิสระให้ท่านเดินเล่นในตัวเมืองยิบรอลตาร์

นำท่านเดินเล่นในย่านถนนสายหลักและย่านจัตุรัส Casemates แหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังปลอดภาษี เลือกชมเลือกซื้อกันได้อย่างจุใจ ในบรรยากาศเมืองท่าตากอากาศริมทะเล หรือหากท่านอยากจะนั่งจิบชากาแฟยามบ่าย ดื่มด่ำไปกับเมืองเก่าย่านจัตุรัส Casemates ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ผับบาร์คาเฟ่ชิคๆ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของอังกฤษ มอลตา อิตาลี และสเปน จนกระทั่งได้เวลา นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อขึ้นเรือ NCL VIVA

17.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองกาดิซ (Cádiz), ประเทศสเปน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

5

วันที่ห้าของการเดินทาง

กาดิซ – เซวีย่า – ชมเมือง – กาดิซ

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองกาดิซ (Cádiz) ประเทศสเปน

นำท่านเดินทางสู่เมืองเซวีย่า (SEVILLE) (125 กิโลเมตร)

SEVILLE

เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้น Andalucía (Andalusia) และเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของสเปน เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถ้าหากได้มาเที่ยวสเปนแล้วไม่ควรพลาด เมืองนี้มีความร่ำรวยทางศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ผสมกลิ่นอายแขก และลักษณะบ้านเมืองที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์

ALCAZAR PALACE

พาท่านเข้าชมพระราชวังอัลคาซาร์ ที่เป็นมรดกทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองเซบีย่า ด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างสไตล์ Mudéjar ที่โดดเด่นในคาบสมุทรไอบีเรีย ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมโรมันและมุสลิม อีกทั้งยังเป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงใช้งานอยู่ในยุโรปและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1987

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร SAN FERNANDO RESTAURANT หรือเทียบเท่า

SAN FERNANDO RESTAURANT

ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นแบบดั้งเดิมและเก่าแก่ที่น่ารื่นรมย์ อยู่ภายในพระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยการผสมผสานอันหรูหราของสไตล์บาร็อคและสไตล์มัวร์ที่ดูเก่าแก่กว่าหลายศตวรรษ ปัจจุบันได้กลายมาเป็น Hotel Alfonso XIII โรงแรมหรู Luxury ระดับ 5 ดาว แห่งเมืองเซวีย่า

บ่าย นำท่านนั่งรถม้าสู่สเปนนิช สแควร์ (Spanish Square)

SPANISH SQUARE

สเปนนิชสแควร์ จัตุรัสอันโด่งดังที่สุดของเมืองเซวีย่า อาคารที่ตั้งล้อมรอบจัตุรัสนั้น ได้รับการออกแบบจาก Anibal Gonzalez และได้ก่อสร้างขึ้นสำหรับงาน Ibero-American ในปี 1929 ในสไตล์เรเนซองส์สเปน เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพระหว่างประเทศสเปน และอดีตอาณานิคมสเปนอีกด้วย นำท่านชมหอคอยทองคำ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคัวดันอีเบียร์ ซึ่งถือว่าเป็นแม่น้ำประจำเมืองสร้างในศตวรรตที่ 12 สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “หอคอยทองคำ” เพราะเรียกตามสีของกระเบี้องเคลือบที่ใช้ตกแต่งยอดหอคอยนั่นเอง อิสระให้ท่านเดินชมรอบจตุรัสจนถึงเวลาอันควร

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองกาดิซ เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

20.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองโมตริล (MOTRIL)

6

วันที่สี่ของการเดินทาง

โมตริล – กรานาด้า – ชมเมือง – โมตริล

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองโมตริล (MOTRIL)

นำท่านเดินทางสู่เมืองกรานาด้า (GRANADA) (65 กิโลเมตร)

GRANADA

เมืองกรานาด้า แคว้นแอนดาลูเซีย ในประวัติศาสตร์เป็นดินแดนผืนสุดท้ายในความยึดครองของแขกมัวร์ ก่อนถูกขับไล่ออกไป เป็นเมืองเก่าแก่อีกแห่งหนี่งของสเปนตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศทัศนียภาพของเมืองเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติและถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาอันทำให้บรรยากาศของเมืองเต็มไปด้วยความโรแมนติกยิ่งนัก

นำท่านชมพระราชวังอัลฮามบรา (ALHAMBRA PALACE) พระราชวังสไตล์แขกมัวร์ที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง และเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในขณะนี้ พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาอัลฮามบรา ซึ่งมีหน้าผาชันเป็นปราการธรรมชาติ ป้องกันผู้รุกราน ล้อมรอบด้วยกำแพง และหอสูง สภาพภายนอกเรียบง่าย แตกต่างจากภายในที่ตกแต่งไว้อย่างวิจิตรบรรจง สันนิษฐานว่าสร้างประมาณศตวรรษที่ 14 และมีการก่อสร้างต่อเติมหรือแก้ไขดัดแปลงมาเรื่อยมาในปี ค.ศ. 1812 เมี่อฝรั่งเศสจะทิ้งเมืองกรานาดาก็ได้พยายามที่จะระเบิดพระราชวังแห่งนี้ทิ้งแต่ไม่สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1829  WASHINGTON ITVING นักประพันธ์ชาวอเมริกันที่เดินทางมาพำนัก ณ วังแห่งนี้เป็นเวลาถึงสามเดือน ได้เขียนงานโรแมนติกที่จินตนาการมาจากเรื่องราวของมัวร์และสเปน ภายในวังประกอบไปด้วยห้องต่างๆ อาทิ ห้องราชฑูตที่ตกแต่งอย่างงดงาม สามารถชมทิวทัศน์อันตระการตาได้จากหน้าต่างห้องภายใน ชมฮาเลม และ ห้องจัดเลี้ยง ชมเจนเนอรัลไลฟ GENERAL LIFE สวนที่ประดับตกแต่งด้วยน้ำพุ น้ำตก และพันธุ์ไม้ต่างๆ เป็นสวนที่มีความสวยงามมากที่ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืม

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย อิสระตามอัธยาศัยภายในย่านจตุรัสอิซาเบล ลา คาตาลิก้า (Plaza Isabel La Católica)

นำท่านถ่ายภาพกับ วิหารกรานาด้า (Granada Cathedral) ที่นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรแห่งเมือง Granada ซึ่งที่นี่ถูกสร้างขึ้นทับลงบนพื้นที่ที่เคยเป็นมัสยิดมาก่อน หลังจากที่สเปนได้ทำการขับไล่ชาวมัวร์ออกจากเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่นี่ใช้เวลาสร้างอย่างยาวนานถึง 200 ปีทำให้มีสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองค์และโบร็อคผสมผสานกัน จากนั้นอิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งย่านตลาดอาหรับ (La Alcaicería) ย่านการค้าเก่าแก่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งในครั้งอดีตชาวมัวร์ได้มีการทำการค้าจากทางฝั่งยุโรป แอฟริกา และชาวมุสลิมกันที่นี่ ซึ่งจะเน้นขายผ้าและเครื่องเทศเป็นหลัก แต่ต่อมาได้ถูกเพลิงไหม้ทำให้มีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันได้กลายเป็นโซนที่ขายของที่ระลึก เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ประดับลาย สำหรับนักท่องเที่ยว ให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าจนกระทั่งได้เวลา

นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองโมตริล (MOTRIL) (65 กิโลเมตร) สู่ท่าเรือเมืองโมตริล

18.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เกาะอิบิซา (IBIZA ISLAND)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

7

วันที่เจ็ดของการเดินทาง

เกาะอิบิซา

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับความหรูหราสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงแบบครบครัน และชมทิวทัศน์ตลอดการเดินทาง ท่านสามารถพักผ่อนภายในห้องพัก นั่งชมวิวจากริมระเบียงหรือเลือกทำกิจกรรมต่างๆบนเรือได้ ทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม อาทิเช่น สระว่ายน้ำ, สปา, ซาวน่า, ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี, ฟิตเนส, Galaxy Pavilion, Beauty Salon, ขับรถโกคาร์ท, ชมการแสดง หรือนั่งพักผ่อนตามมุมต่างๆของเรือ ทานอาหารว่างและเครื่องดื่มต่างๆเช่น ชา กาแฟ Soft drink ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

13.00 น. เรือเทียบท่าเรือเกาะอิบิซา (IBIZA ISLAND)

ในวันนี้อิสระให้ท่านเดินสำรวจเกาะอิบิซา  

IBIZA ISLAND

อิบิซา นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสุดฮอตของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลปาร์ตี้ และแสงสียามค่ำคืน เรียกได้ว่าเป็น สวรรค์ของปาร์ตี้แห่งท้องทะเลหากไม่นับเรื่องเป็นเกาะแห่งการปาร์ตี้ในเขตเมืองเก่าอิบิซา (Old Town) ก็เต็มไปด้วยอาคาร พิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ รวมถึงป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี บางส่วนของพื้นที่มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) อาคารบ้านเรือนในเขตเมืองเก่าไอบิซ่าส่วนใหญ่คุมโทนสีขาวส้ม เรียงรายสลับกันไปบนเนินเขาริมทะเล มีทางเดินปูด้วยหิน ทอดยาวเป็นเส้นนำสายตา เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายในทุกๆ จุด และเป็นย่านที่แนะนำในการเดินสำรวจ

ในวันนี้อิสระให้ท่านได้สำรวจเกาะอิบิซาตามอัธยาศัยหรือหากท่านสนใจแพคเกจกิจกรรมกับทางเรือสำราญ (Shore Excursion) กรุณาติดต่อสอบถามกับทางเรือสำราญ โดยจะมีหัวหน้าทัวร์ค่อยให้คำแนะนำประสานงานให้กับท่าน ***ค่าใช้จ่ายแพคเกจกิจกรรมกับทางเรือสำราญ (Shore Excursion) ไม่รวมอยู่ในราคาค่าทัวร์***

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

***กรุณากลับขึ้นเรือสำราญก่อนที่เรือจะออกจากท่าเรือ 1 ชั่วโมง***

21.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองปัลมา, เกาะมายอร์ก้า (Palma)

8

วันที่แปดของการเดินทาง

ปัลมา, เกาะมายอร์ก้า

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

08.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองปัลมา (Palma), เกาะมายอร์ก้า

PALMA

เมืองหลวงของเกาะมายอร์ก้าที่โด่งดัง เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสีสันสวยงาม แต่ไม่ฉูดฉาด สถาปัตยกรรมเก่าแก่และมีชื่อเสียงในเรื่องของการพักร้อนของชาวยุโรป ด้วยธรรมชาติที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นหาดทราย ทะเลสีฟ้าเทอควอยซ์ ภูเขา ถ้ำ รวมไปถึงสภาพอากาศอบอุ่นแบบเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้งยังมีมีอารยธรรมและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้เห็นมากมาย เพราะในอดีตทั้งชาวมุสลิมและชาวคริสเตียนเคยผลัดกันเข้ามาบริหารบ้านเมืองแห่งนี้ จึงทำให้เมืองเก่าปาลมานั้นเต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

นำท่านชมเมืองปัลมาแห่งเกาะมายอร์ก้า, เข้าชมพระราชวังลาอัลมูไดนา

ROYAL PALACE LA ALMUDAINA

พระราชวังอันงามสง่า เป็นหนึ่งในที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์สเปน ในเมืองปาลมา เมืองหลวงของเกาะมายอร์ก้า ในสมัยที่สเปนอยู่ภายใต้การปกครองของอาหรับที่นี่คือที่ประทับของกษัตริย์ ในยุคกลางพระราชวังแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่พำนักของกษัตริย์มาจอร์แคน (Majorcan) ปัจจุบันอาคารส่วนใหญ่ใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของกองทัพ มีสถาปัตยกรรมอันสวยงามและมีเสน่ห์เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบโกธิก และมัวร์ ภายในถูกแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ จำนวนมาก

เข้าชมมหาวิหารแห่งปัลม่า (PALMA CATHEDRAL) หรือ มหาวิหารซานตามาเรีย

PALMA CATHEDRAL

หนึ่งในแลนด์มาร์กที่โด่งดังที่สุดของเกาะมายอร์ก้า โบสถ์เก่าแก่จากศตวรรษที่ 14 ที่ถูกขนานนามว่าเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในสเปนโดยเป็นและยังเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่สูงที่สุดในยุโรปอีกด้วย ภายในมีสิ่งสวยงามมากมายให้ชมอาทิเช่น กระจกสีสันทรงกลมขนาดใหญ่ (Great Rose Window) เปรียบเสมือนดวงตาขนาดมหึมาที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านท้ายของโบสถ์ ให้ท่านได้ชมความอลังการวิจิตรสวยงาม

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินชมย่านเมืองเก่าปัลมา (Palma Old Town)

PALMA OLD TOWN

อิสระให้ท่านเดินเล่นในย่านเมืองเก่าซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ สวยงาม และสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางถนนและตรอกซอกซอยของเมืองเก่าประวัติศาสตร์ ท่านได้เพลิดเพลินไปกับงานฝีมือท้องถิ่นที่หลากหลายที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้าน หรือจะเป็นสินค้าแบรนด์ขึ้นมาหน่อยในย่าน Paseo del Borne ก็มีให้ท่านเลือกซื้อเลือกชม หรือหากร่างกายของท่านต้องการความหวาน เราขอเสนอให้ท่านชมร้าน La Pajarita ซึ่งร้านขายขนมหวานสีสันน่ารักราวกับลูกอมแคนดี้โดยร้านแห่งนี้ได้เปิดมาแล้วด้วยกันถึง 5 รุ่น ในแต่ละรุ่นได้มีการส่งต่อการผลิต ช็อคโกแลต บงบง(Chocolate Bon Bon) มากกว่า 40 แบบ โดยนอกจากช็อคโกแลต บงบง แล้วทางร้านก็ยังมีสินค้าขนมหวานอื่นๆอีกมากมายให้ท่านได้เลือกสรร

นำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองปัลมา

18.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่กรุงบาร์เซโลน่า (BARCELONA)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

09

บาร์เซโลน่า – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือกรุงบาร์เซโลน่า (BARCELONA)

BARCELONA

กรุงบาร์เซโลน่า เมืองใหญ่อันดับสองของสเปน และเป็นเมืองสำคัญที่สุดของแคว้นคาตาลุนญ่า เมืองนี้เป็นที่รู้จักเพราะสถาปนิกสมัยใหม่อย่างอันโตนี่ เกาดี้ รวมถึงศิลปินระดับโลกคนอื่นๆ และเพราะการได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคเมื่อปี 1992 ทำให้โฉมหน้าของเมืองนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก

นำท่านเดินทาง เข้าชมโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ ซากราดาแฟมิเลีย (SAGRADA FAMILIA)

SAGRADA FAMILIA

โบสถ์ประจำเมืองซึ่งได้รับการเรียกขานว่า “Church of Holy Family” ซึ่งสร้างโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงก้องโลก ANTONIO GAUDI ผลงานการออกแบบชิ้นสุดท้ายและก่อสร้างอันยาวนานที่สุดของเกาดี้ ด้วยรูปแบบศิลปะแบบนีโอโกธิค ด้วยแนวความคิดการคืนกลับสู่ ธรรมชาติ ตัวอาคารนำเอารูปทรงและพื้นผิวต่างๆจากในธรรมชาติมาใช้ โดยความสูงถึง 150 เมตร ตัวอาคารบรรจงประดับด้วยหินโมเสคประดับด้วยปฏิมากรรมแกะสลักจากหินหลายพันชิ้นจากศิลปินสเปน ปัจจุบันการก่อสร้างโบสถ์แห่งนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2026 ปัจจุบันเรียกได้ว่าโบสถ์แห่งนี้ได้กลายเป็นภาพจำของกรุงบาร์เซโลน่า จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนําท่าน เข้าชมปาร์ค เกล (PARK GUELL)

PARK GUELL

สวนสาธารณะซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาคาร์เมล ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก เป็นผลงานการออกแบบโดยเกาดี (GAUDI) เริ่มสร้างในปี 1910 จัดเป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยว ซึ่งหลายคนมองศิลปะของสวนแห่งนี้แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นศิลปะชั้นเลิศ บ้างว่าเป็นศิลปะแบบไร้รสนิยมแต่เมื่อเดินเข้าไป ในสวนเหมือนหลุดเข้า ไปในดินแดนเทพนิยาย ด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมงานกระเบื้องที่เน้นรูปทรงธรรมชาติในสีสันที่ตัดกัน ดูโดดเด่น แปลกตา และเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก โดยพระเอกของสวนแห่งนี้ เป็นรูปปั้นมังกรประดับโมเสกตรงบันได ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวโดยมีการรุมถ่ายรูปคู่อยู่ตลอดเวลา จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านชมตลาดดอกไม้ และสินค้าพื้นเมือง ณ ถนนลา รัมบลา (LA RAMBLAS)

LA RAMBLAS

ถนนลา รัมบลา (LA RAMBLAS) ถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง และได้ชื่อว่าเป็นถนนสายที่คึกคักที่สุดของเมือง ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายซื้อสินค้า หรือเดินเล่นชมบรรยากาศเมือง มีศิลปินข้างถนนให้ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ อิสระให้ท่านเดินเล่น พักผ่อนอิริยาบถตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือกรุงบาร์เซโลน่า เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

18.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองมาร์กเซย (MARESEILLE) ประเทศฝรั่งเศส

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

10

มาร์กเซย – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

08.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองมาร์กเซย (MARESEILLE) ประเทศฝรั่งเศส

MARESEILLE

เมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส บุกเบิกโดยชาวกรีกมาตั้งแต่ 600 ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่เชื่อมระหว่างประเทศแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนกับประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ผู้คนจากหลากหลายชนชาติอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่มาร์กเซยตั้งแต่อดีตคนถึงปัจจุบัน

นำท่านชมเมืองมาร์กเซย เมืองท่าเรือแห่งประวัติศาตร์และวัฒนธรรม

ชมเมืองมาร์กเซย

พาท่านชมเมืองมาร์กเซย ถ่ายภาพกับสวนฉลองน้ำ (THE PALAIS LONGCHAMP) ในอดีตที่เมืองมาร์เซย เคยเกิดวิกฤตการขาดแขลนน้ำ และได้ถูกแก้วิกฤตสำเร็จในปี ค.ศ. 1896 ทำให้ที่นี่ กลายเป็นสวนที่เฉลิมฉลองน้ำที่มีไม่ขาดอีกต่อไป เป็นสวนที่สวย ตกแต่งได้อย่างอุดมสมบูรณ์ มีน้ำพุใจกลางสวน และรูปปั้นสัญลักษณ์แห่งความอุดม ชุ่มชื้นของน้ำ จากนั้นพาท่านชมมหาวิหารนอเทรอดาม เดอลาการ์ด (NOTRE-DAME DE LA GARDE) ที่ถือเป็นแลนด์มาร์กของเมืองเลยก็ว่าได้ ตัวมหาวิหารทำจากหินอ่อนสีขาวและเทาโดดเด่นและสวยงาม ตั้งอยู่บนยอดเขาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นพระแม่มารีอุ้มเด็กสีทองหันหน้าออกไปทางทะเล ซึ่งเชื่อกันว่าท่านจะช่วยปกปักรักษานักเดินเรือยามล่องเรือในทะเล

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย ชมย่านท่าเรือเก่า (VIEUX PORT)

พาท่านเดินชมย่านท่าเรือเก่า เป็นถิ่นชาวประมง ที่ต่อมากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมา (A Must) เดินซึมซับกลิ่นอายเมืองเก่ากับทะเลให้ได้ อีกทั้งในบริเวณนี้ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรมหรู ชมป้อมปราการ Fort Saint-Jean ประตูสู่มาร์กเซย ป้อมปราการที่มีหอคอยสังเกตการณ์ เพื่อที่นักเดินเรือจากที่ต่างๆมองเห็นมาร์กเซยได้จากที่ไกลๆ ซึ่งป้อมแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ MuCEM (Museum of European and Mediterranean Civilisations) พิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบโดยสถาปนิก ชื่อ Rudy Ricciotti ภายในจะมีนิทรรศการศิลปะแสดงเรื่องราวของอารยธรรมแถบเมดิเตอเรเนียน จากนั้นนำท่านถ่ายภาพกับวิหารมาร์กเซย (Marseille Cathedral) อีกหนึ่งจุดที่ใครมามาร์กเซยก็ต้องมาเชยชม วิหารแห่งนี้ มีความเป็นเอกลักษณ์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบ ไบแซนไทน์ที่โดดเด่น ภายในมีการตกแต่งด้วยรูปปั้น ที่สวย และสง่างาม บนเพดานจะแขวนเรือลำเล็กๆไว้หลายสิบลำ เพื่ออวยพรนักเดินเรือที่ผ่านไปมาที่ท่าเรือแห่งนี้

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองมาร์กเซย

เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

18.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองนีส (NICE)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร SPECIALTY DINING บนเรือสำราญ

11

นีส – มองเต คาร์โล – นีส

เช้า  รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองนีส (NICE)

นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเต คาร์โล (MONTE CARLO) ประเทศโมนาโค (25 กิโลเมตร)

MONTE CARLO

เมืองเล็กๆในประเทศโมนาโค ที่ตั้งอยู่ทางตอนปลายของฝรั่งเศส นำท่าน ถ่ายภาพกับปาเล เดอ แปรงซ์ (PALAIS DE PRINCES) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ ชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหราซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่ง และร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้ แวะถ่ายภาพกับความหรูหราของคาสิโนแห่งมองเต คาร์โลซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของเมือง ผ่านชมมหาวิหารเซนต์นิโคลัส ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1875 ที่เคยใช้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ราชธิดาแห่งโมนาโค

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Café de Paris หรือเทียบเท่า

Café de Paris

หนึ่งในตำนานของโมนาโค ภัตตาคารที่มีมานานกว่า 150 ปี เคียงคู่กับ คาสิโน Place du Casino ร้านอาหารที่พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่เช้าจรดเย็น อันเป็นเอกลักษณ์ที่เหล่าคนดัง ศิลปิน คนในพื้นที่ และผู้มาเยือนต่างเพลิดเพลินกับการพบปะกันได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นโอกาสใดก็ตาม เพื่อดื่มด่ำกับศิลปะแห่งการใช้ชีวิต จิบกาแฟ ขนมหวาน หรือรับประทานอาหารร่วมกัน

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองนีส (NICE) (25 กิโลเมตร) นำท่านชมเมือง และช้อปปิ้ง

NICE

นำท่านชมเมืองนีส เมืองซึ่งอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ร้านเสื้อผ้า ตลาดกลางแจ้ง ภัตตาคาร อันเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม 

ถ่ายภาพกับโบสถ์นอร์ทเทรอดามของเมืองนีส (BASILIQUE NOTRE-DAME DE NICE) เป็นโบสถ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบโกธิคอย่างชัดเจน เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและเป็นอาคารทางศาสนาแห่งแรกที่มีความทันสมัยตั้งโดดเด่นสง่างามกลางถนนสายหลักในเมือง อิสระให้ท่านช้อปปิ้ง บริเวณจัตุรัสมาสเซนา (PLACE MASSENA)  ณ ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยต (Galeries Lafayette Nice Massena) ห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับ HIGH-END ย่านใจกลางเมืองตามอัธยาศัยตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือ

เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

18.00 น.  เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่เมืองลิวอร์โน่ (LIVORNO) ประเทศอิตาลี

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

12

ลิวอร์โน่ – ซานจีมิญญาโน – ปิซ่า– ลิวอร์โน่

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

07.00 น. เรือเทียบท่าเรือเมืองลิวอร์โน่ (LIVORNO) ประเทศอิตาลี

นำท่านเดินทางสู่เมืองซานจีมิญญาโน (SAN GIMIGNANO) (85 กิโลเมตร)

SAN GIMIGNANO

เมืองซานจีมิญญาโน เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มี ทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี เมืองเก่าที่รักษาความเป็นเมืองเก่าของยุโรปยุคกลางไว้ได้เป็นอย่างดี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1990 ในสมัยก่อนเมืองซานจีมิญญาโน มีหอคอยสูงๆเป็นจำนวนมากถึง 72 หอ กาลเวลาผ่านไป หอคอยหลายๆหอก็ได้ถูกทุบทิ้ง หรือไม่ก็ถูกถล่มลงไปในช่วงสงครามโลก ทำให้ทุกวันนี้เหลือหอคอยสูงๆอยู่แค่ 14 หอคอยเท่านั้น เพราะความที่เมืองซานจีมิญญาโน ดังเรื่องหอคอยทำให้เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็น The medieval Manhattan of Tuscany ด้วย พาท่านเดินชมโบสถ์ประจำเมืองซานจีมิญญาโน(Duomo di San Gimignano) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในแบบโรมาเนส ซึ่งมีงานศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบเซียน่า ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูโค้งหรือว่าหน้าต่างโบสถ์ ภายในมีภาพสีเฟรสโกประดับประดาตามกำแพงของโบสถ์เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา จนกระทั้งได้เวลา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (PISA) (76 กิโลเมตร)

PISA

เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ริมฝั่งทะเลใกล้ปากแม่น้ำอาร์โนที่ไหลมาจากเมืองฟลอเรนซ์ รุ่งเรืองสูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 11-12 เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว นำท่าน ชมหอเอนเมืองปิซ่า (LEANING TOWER OF PISA) ที่ขึ้นชื่อในด้านความสัมพันธ์ของการสร้างกับแรงโน้มถ่วงของตัวอาคารที่สมดุลกันโดยบังเอิญจนได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่มหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง และเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอิตาลี

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือเมืองลิวอร์โน่

เพื่อกลับขึ้นเรือสำราญ ทำธุระส่วนตัว พักผ่อนตามอัธยาศัย

16.00 น. เรือออกจากทางท่าเรือ มุ่งสู่ท่าเรือซีวีตาเวกเกีย (CIVITAVECCHIA)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในภัตตาคาร บนเรือสำราญ

13

ซีวีตาเวกเกีย – โรม – ชมสวนวิลล่า ดิ เอสเต้

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในภัตตาคารบนเรือสำราญ

06.00 น.เรือเทียบท่าเรือซีวีตาเวกเกีย (CIVITAVECCHIA) ประเทศอิตาลี

นำท่าน เช็คเอ้าท์ ออกจากเรือสำราญ NORWEGIAN VIVA CRUISE พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระของท่าน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิโวลี่ (TIVOLI)(129 กิโลเมตร) เมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโรม มีชื่อเสียงด้านเมืองโบราณและวิลล่าพักตากอากาศของชนชั้นสูงในสมัยก่อนของอิตาลีที่สวยงามอลังการและทรงคุณค่า

ชมสวนวิลล่า ดิ เอสเต้ (Villa d’Este)

สวนวิลล่า ดิ เอสเต้ (Villa d’Este) วิลล่าพักตากอากาศอันสวยงามหรูหราขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่ามาก 500 ปี และเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่มีชื่อเสียงขององค์กรยูเนสโกปี 2004 สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมโบราณในยุคบาโร๊คและ ที่เต็มไปด้วย น้ำพุธรรมชาติกว่าร้อยจุดรอบๆวิลล่า อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ดีที่สุดในอิตาลีอีกด้วย น้ำพุที่เป็นไฮไลท์ของสวนแห่งนี้คือ น้ำพุแห่งเทพเจ้าเนปจูน (The Neptune Fountain) ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของสวนโดดเด่นและยิ่งใหญ่ และอีกจุดหนึ่งคือ ถนนร้อยน้ำพุ (Avenue of The Fountain) เป็นทางเดินที่น้ำพุถูกออกแบบอยู่ตลอดทางเดินยาวประมาณ 600 เมตร พร้อมตกแต่งอย่างสวยงาม อิสระให้ท่านได้เดินชมสวนแห่งนี้จนกระทั่งได้เวลา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร SIBILLA RESTAURANT *MICHELIN Guide*

SIBILLA RESTAURANT

นับตั้งแต่ปี 1720 บนอะโครโพลิส ณ สวนทิโวลี ร้านอาหารแห่งนี้ได้เฉลิมฉลองเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่า กษัตริย์เฟรดเดอริกม วิลเลียมที่ 3 แห่งปรัสเซีย เจ้าชายเจอโรม นโปเลียน กาเบรียล ดันนุนซิโอ และปิเอโตร มาสคางี ปัจจุบัน เลขาธิการแห่งรัฐและรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ฮิโรอิโตะ

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงโรม (ROME) (40 กิโลเมตร)

ROME

เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย

นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม NH COLLECTION ROMA VITTORIO VENNETO หรือเทียบเท่า

14

โรม – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง – กรุงเทพ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

กรุงโรม / ชมเมือง

นำท่านชมเมืองโรม ผ่านชมพระราชวังคริรีนาเล ที่พักของประธานาธิบดี  ถ่ายภาพกับโคลอสเซี่ยมสนามประลองการต่อสู้ของคนกับสัตว์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ผ่านชมโรมันฟอรั่ม แหล่งชุมนุมของชาวโรมันในอดีตสนามแข่งรถม้าศึกเซอร์กัส แม็กซิมุส หรือที่รู้จักกันดีในภาพยนตร์เรื่อง “เบนเฮอร์” ผ่านชมวังซีซาร์ อดีตที่ประทับของจักรพรรดิโรมัน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย นำท่าน ถ่ายภาพกับน้ำพุเทรวี และช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน

น้ำพุเทรวี / ย่านบันไดสเปน

งานประติมากรรมของเทพนิยายกรีก ที่มาของบทเพลง “ทรีคอยน์ อิน เดอะ ฟาวน์เทน” ที่เชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแล้วท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง

จากนั้นนำท่าน ชมย่านบันไดสเปน (SPANISH STEPS) บนถนนคอนดอตติ ย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่อของอิตาลี เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ที่ล้อมรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแล้ว จัตุรัสแห่งนี้ยังต่อตรงกับถนน VIA CONDOTTI ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Dior,Prada, Gucci,Amarni, Valentino, Versace, Fendi, Ferragamo, Cartier, Bulgari เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี

***แนะนำให้ท่านลองชิม ไอศกรีมเจลาโต (GELATO) ไอศกรีมขึ้นชื่อที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงอิตาลี ***

**** กฏเกณฑ์ที่สำคัญของการมานั่งที่บันไดแห่งนี้ คือห้ามกินไอศครีม! เนื่องจากบันไดสเปนเป็นอีกหนึ่งฉากที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ชื่อดัง (ปี1953) เรื่อง Roman Holiday ทำให้หนุ่มสาวหลายคู่เลียนแบบคู่พระเอกนางเอก ที่มานั่งจู๋จี๋กินไอติมกันอย่างมากมาย จนทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก และต้องออกกฎหมายห้ามจนถึงทุกวันนี้

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินฟูมิชิโน

ค่ำ ***อิสระอาหารค่ำภายในสนามบิน มอบ CASH BACK ท่านละ 30 ยูโร***

22.10 น.   ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ ฯ โดยสายการบิน EMIRATES AIRLINE  เที่ยวบินที่ EK096/370

15

โรม – กรุงเทพ

(แวะเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบิน กรุงดูไบ 05.50 – 09.00 น.)

18.25 น.   เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..