06 -15 ตุลาคม 2566
วันเดินทาง
อิตาลี
ประเทศ

ทัวร์ยุโรป : BEST OF SOUTH ITALY 10 วัน (LH) เที่ยวเมืองมรดกโลก ใน 4 แคว้นดังของอิตาลี

กำหนดการเดินทาง :  06 – 15 ตุลาคม 2566

ประเทศ : อิตาลี

สายการบิน : Lufthansa เที่ยวบินที่ LH773/1866

ราคา : 199,800 บาท

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

1

วันแรกของการเดินทาง

กรุงเทพฯ – โรม

19.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4  เจ้าหน้าที่จาก บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล จำกัด จะคอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกแก่ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

23.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH773/LH1866)

2

วันที่สองของการเดินทาง

โรม – สเปอร์ลอนกา – ชมเมือง – ซอร์เรนโต

*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค เวลา 05.20 – 08.35 น. ***

10.00 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินฟูมิชิโน กรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสเปอร์ลอนกา (SPERLONGA) (140 กิโลเมตร)

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

สเปอร์ลอนกา (SPERLONGA)

 ตั้งอยู่ในจังหวัดลาติน่า (LATINA) แคว้นลาซิโอ (LAZIO) แคว้นเดียวกับเมืองหลวงอย่างโรม  อยู่ห่างจากกรุงโรมลงไปทางใต้  อยู่กึ่งกลางระหว่างโรมกับเนเปิลส์หรือนาโปลี ชื่อ Sperlonga หมายถึง ถ้ำ ซึ่งคงเป็นภูมิประเทศหลักของเมืองนี้ เดินทางถึง เมืองสเปอร์ลอนกา นำท่านชมเมือง สเปอร์ลอนกาเป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเล ตัวเมืองเก่าตั้งอยู่บนเขา มีทางเชื่อมเป็นบันไดหิน  สามารถเดินลัดเลาะลงไปสู่ทะเลด้านล่างได้  มีชายหาดที่เป็นที่นิ

ยมของชาวอิตาเลียนในหน้าร้อนที่หนีร้อนจากกรุงโรมมาที่นี่ และยังเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่นิยมมาเยี่ยมชม และเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองคือบ้านเรือนสีขาวที่สร้างเรียงรายลดหลั่นกันลงไป 

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้ (SORRENTO) (160 กิโลเมตร)

ซอร์เรนโต้  (SORRENTO)

ที่มาของเพลง “คัมแบค ทู ซอร์เรนโต้” และเป็นบ้านเกิดของ เอนริโก คารูโซ (ENRICO CARUSO)  นักร้องโอเปราชื่อดัง เป็นเมืองในฝันที่งดงามล้ำเลิศ เมืองที่มีทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะเวลาตอนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า นำท่านชม เมืองซอร์เรนโต้  เมืองตากอากาศเล็กๆ ริมอ่าวเนเปิล แต่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยว ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูง และไล่ระดับลงมาตามความลาดชันจนลงมาถึงระนาบเดียวกันกับหาดทรายสีเทาที่ได้รับการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย และมีชายฝั่ง Amalfi ที่เลียบริมทะเลไปตามหน้าผายาวถึง 50 กม. เดินทางถึง เมืองซอร์เรนโต้  

จัตุรัสทาซโซ่ (PIAZZA TASSO)

นำท่านชม จัตุรัสทาซโซ่ (PIAZZA TASSO) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง เป็นจัตุรัสที่เต็มไปด้วยโบสถ์ วิหาร ที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบารอค และสีสันของร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนสายที่ได้ชื่อว่าเป็นช้อปปิ้งสตรีทอันมีชื่อเสียงของเมืองซอร์เรนโต้ พร้อมทั้งยังได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนพื้นเมืองที่นิยมมานั่งจิบกาแฟ หรือมานั่งพูดคุยสังสรรค์กันในร้านอาหาร อิสระท่านเดินเล่น ชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนได้เวลาสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม HILTON SORRENTO PALACE ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่าโรงแรมหรูกลางเมืองเซอร์เรนโต้ ใกล้อ่าวเนเปิลส์ มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง และอ่าวเนเปิลส์ ให้ท่านได้พักผ่อนอย่างสุขสบาย หรูหรา ท่ามกลางบรรยากาศที่งดงาม

3

วันที่สามของการเดินทาง

ซอร์เรนโต – ปอมเปอี – ชมเมืองโบราณ – เอาท์เล็ท – ซอร์เรนโต

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปอมเปอี (POMPEI) (175 กิโลเมตร)

เมืองปอมเปอี (POMPEI)

ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลี บริเวณริมอ่าวเนเปิลส์ เมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน ปอมเปอีเป็นเมืองเก่าที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ในยุคก่อนคริสต์ศักราชเมืองปอมเปอีนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของกรีกเรื่อยมา กระทั่งราว 80 ปีก่อนคริสต์ศักราชจึงถูกยึดครองเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมัน เดินทางถึง เมืองปอมเปอี

จากนั้นนำท่าน เข้าชมเมืองโบราณปอมเปอี

เมืองโบราณปอมเปอี

เมืองโบราณปอมเปอี ถูกปกคลุมไว้ด้วยลาวาเมื่อครั้งเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ วิสุเวียส (MT.VESUVIUS) ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 622 ซึ่งลาวาที่ทับถมกันนั้นหนาถึง 6 – 7 เมตร ทำให้เมืองนี้หายไปทั่วเมือง ปัจจุบันมีการขุดค้นพบ 3 ใน 4 ส่วนของเมืองทั้งหมด หลังจากการขุดสำรวจ ภาพชีวิตของชาวโรมันกว่าสองพันปีได้ปรากฏแก่สาธารณะชน เชิญสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอี และพลังอำนาจของธรรมชาติ ที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่อาจหลีกหนีได้ทัน ด้วยความมหัศจรรย์ของปอมเปอีทำให้เมืองแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 1997 จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านแวะช้อปปิ้งที่  “LA REGGIA DESIGNER OUTLET” มาร์เซียไนส์  (MARCIANISE) (4 กิโลเมตร)

LA REGGIA DESIGNER OUTLET

แหล่งช้อปปิ้งที่พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบหรูหรา ด้วย ร้านค้าที่นำเสนอแฟชั่นแบรนด์อิตาลีและแบรนด์ระดับโลกอื่นๆ อาทิ Gucci ,Prada , Armani , Moschino ,Nike, Adidas, Michael Kors, Calvin Klein, Tommy Hilfigher, Roberto Cavalli   เป็นต้น ในราคาที่ลดลงสุงสุดถึง 70% นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่หลากหลายให้เลือกใช้บริการอีกด้วย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งอย่างจุใจแล้ว

นำท่านเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้ (SORRENTO) (26 กิโลเมตร)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ ที่พักโรงแรม HILTON SORRENTO PALACE ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

4

วันที่สี่ของการเดินทาง

ซอร์เรนโต – อมัลฟี่โค้สท์ – โพสิตาโน – อมัลฟี – ราเวลโล – วิลลารูโฟโล  

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางลัดเลาะชายฝั่งทะเลที่เรียกว่า อมัลฟี่โคสท์  (AMALFI COAST)

อมัลฟี่โคสท์  (AMALFI COAST)

ชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรซอร์เรนตีเนของอิตาลี (Sorrentine Peninsula) ซี่งได้รับการยกย่องว่าเป็นชายฝั่งที่สวยที่สุดในยุโรป โดยถนนจะแคบมาก และเส้นทางจะเลียบไปตามหน้าผาสูงชัน จนถึงเมืองหลัก 3 เมือง คือ โพสิตาโน อมัลฟี และราเวลโล เส้นทางเลียบชายฝั่งและเมืองทั้งสามได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ.1997

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโพสิตาโน (POSITANO) (15 กิโลเมตร)

เมืองโพสิตาโน (POSITANO)

เมืองเล็กๆแต่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลตั้งอยู่ตามหน้าผาแคบๆ อันมียอดโดมของโบสถ์ซานตา มาเรีย อัสสันต้า เป็นสัญญลักษณ์ของเมือง ผ่านชมบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่บนหน้าผา ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศชวนมองอย่างไม่กระพริบตาตลอดเส้นทางที่ผ่านจึงทำให้เมืองชายฝั่งทะเลในแคว้นคัมพาเนีย แห่งอิตาลีใต้นี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งปี เดินทางถึง เมืองโพสิตาโน

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เส้นทางคดเคี้ยวเลาะริมผา ชมธรรมชาติอันงดงามกับบ้านเรือนที่ถูกสร้างอย่างลงตัวบริเวณผาสูงสู่ เมืองอมัลฟี (AMALFI) (20 กิโลเมตร)

อมัลฟี (AMALFI)

เป็นเมืองที่เคยมีอำนาจทางทะเล สมญานามว่า QUEEN  OF MEDITERRANEAN  แต่ต่อมาคาดว่าเกิดแผ่นดินถล่มจมหายไปในทะเล เมืองนี้จึงกลาย เป็นเพียงเมืองเล็กๆมีประชากรราว 3 พันคน มีมหาวิหารใหญ่ที่สวยงามมีระบบการปกครองเหมือนกับเมืองเวนิส กล่าวคือเป็นระบบการปกครองโดยผู้ดำรงตำแหน่งดอจจ์ (DOGG)ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ต่อมาในปี ค.ศ.1131 อมัลฟีตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกษัตริย์โรเจอร์ แห่งเนเปิล  และต่อมาก็ถูกชาวปิซ่ายึดครอง 

จากนั้นนำท่าน เข้าชมวิหารแห่งนักบุญแอนดรูว์ (AMALFI CATHEDRAL)

AMALFI CATHEDRAL

วิหารแห่งนักบุญแอนดรูว์ (AMALFI CATHEDRAL)  เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองอมาลฟี อีกทั้งยังได้รับการกล่าวขานว่ามีความงดงามมากที่สุดอีกด้วย โดยวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่ นักบุญแอนดรูว์ (Saint Andrew) สร้างขึ้นตามศิลปะสไตล์อาหรับ – นอร์แมน โรมาเนสก์ บริเวณที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ บริเวณบันไดขนาดใหญ่สไตล์ลอมบาร์ด – นอร์แมน (LOMBARD-NORMAN STYLES) ที่จะเป็นหนทางนำท่านไปพบกับความโอ่อ่า และวิจิตรตระการตาภายในวิหารแห่งนี้

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองราเวลโล่ (RAVELLO) (10 กิโลเมตร)  

ราเวลโล่ (RAVELLO)

เมืองราเวลโล่ (RAVELLO)  หมู่บ้านเล็กๆของแคว้นคัมพาเนีย ที่มีความงามทั้งทางกายภาพและความหลากหลายทางธรรมชาติ รวมไปถึงความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงได้รับการบรรจุไว้ในส่วนหนึ่งของคอสติเอรา อามาลฟิตานา ซึ่งเป็นหนึ่งในรายชื่อมรดกโลกของอิตาลี ในปี ค.ศ.1997 จากองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ริชาร์ด วาร์กเนอร์ เคยมาแสดงคอนเสิร์ต จนทำให้มีการจัดเทศกาลคอนเสิร์ตที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นประจำทุกปีอีกด้วย

จากนั้นนำท่านชม วิลลารูโฟโล (VILLA RUFOLO)

วิลลารูโฟโล (VILLA RUFOLO)

นำท่านชม วิลลารูโฟโล (VILLA RUFOLO) เป็นอาคารและสวนขนาดย่อมๆที่อยู่ภายในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ในย่านจัตุรัสหลักของเมืองราเวลโล ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราในสไตล์มัวร์ (Moorish-style ) ในปี ค.ศ.1270 ภายในวิลลาได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมไปถึงหอคอยโบราณสูงประมาณ 30 เมตร อิสระท่านชื่นชมบรรยากาศและถ่ายรูปตามอัธยาศัย จนได้เวลาสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปอมเปอี (POMPEI) (35 กิโลเมตร)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรม HABITA79 POMPEII – MGALLERY COLLECTION ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

5

วันที่ห้าของการเดินทาง

ปอมเปอี – เปสตุม – คาสเทลเมสซาโน (แคว้นบาซิลิกาต้า) –  มาเทรา

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเปสตุม (PAESTUM) (80 กิโลเมตร)

เมืองเปสตุม (PAESTUM)

เป็นแหล่งโบราณคดีเก่าแก่สมัยกรีกโบราณ ชื่อเดิมแบบกรีกคือ Poseidonia ก่อตั้งในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาลมีทั้งพิพิธภัณฑ์และแหล่งโบราณคดีกลางแจ้ง  นำท่านชมแหล่งโบราณคดีซึ่งเป็นซากปรักหักพังของวิหาร 3 หลัง คือ วิหารอธีน่า, วิหารเฮร่า และวิหารโพไซดอน โดย วิหารอธีน่ามีขนาดเล็กที่สุดและตั้งอยู่โดดเดี่ยว ส่วนอีกสองวิหารอยู่คู่กัน วิหารเฮร่า หรือ Basilica ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในบรรดาวิหารทั้งสามซึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่ดี จนเป็นสถาปัตยกรรมของอาณานิคมกรีกในศตวรรษที่ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากวิหารแล้ว ยังมีซากอาคารบ้านเรือนรวมถึงพื้นกระเบื้องโมเสกชิ้นเล็กๆ, Amphitheatre ขนาดเล็ก, Forum และอื่นๆ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาสเทลเมสซาโน (CASTELMEZZANO) (160 กิโลเมตร)

เมืองคาสเทลเมสซาโน (CASTELMEZZANO)

เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโพเทนซ่า(POTENZA) ในแคว้นบาซิลิกาต้า (BASILICATA)  หนึ่งใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี เมืองนี้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี สร้างอยู่ในหุบเขา เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 900 คน แรกเดิมเป็นถิ่นฐานของชาวกรีกราวศตวรรษที่ 5-6  แต่การเข้าไปชมเมืองแสนสวยแห่งนี้ก็ไม่ธรรมดา ต้องลอดผ่านอุโมงค์ ข้ามช่องเขา เพื่อเข้าสู่ดินแดนที่น่าค้นหาแล้ว

นำท่านเดินทางสู่ เมืองปิเชร์โน่ (PICERNO) (55 กิโลเมตร)

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม BOUGANVILLE HILL RESORT ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม

6

วันที่หกของการเดินทาง

ปิเชร์โน่ – มาเทรา – ชมเมือง – อัลเบโรเบลโล (แคว้นปูลยา) – บารี

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมาเทรา (MATERA) (110 กิโลเมตร)

เมืองมาเทรา (MATERA)

เมืองมาเทรา เมืองโบราณเล็กๆ ทางตอนใต้ของอิตาลี เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในแคว้นบาซีลีกาตา (BASILICATA) ได้รับขนานนามว่าเป็น เมืองใต้ดินหรือ เมืองมนุษย์ถ้ำ เมืองนี้จะมีสองส่วนคือส่วนเมืองเก่าและส่วนเมืองใหม่ที่รัฐบาลพยายามอพยพผู้คนให้มาอยู่ที่เมืองใหม่ แต่ก็ยังมีพลเมืองบางส่วนยังคงอาศัยอยู่ในถ้ำหินของเมืองเก่า

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองมาเทรา

CASA GROTTA DI VICO SOLITATIO

ชมย่านเมืองเก่า สัมผัสชีวิตท่ามกลางเขาวงกตที่มีทางเดินขนาดเล็กที่ปูด้วยหิน บันไดสูงชัน และถนนที่คดเคี้ยว ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอันแสนเก่าแก่ ไม่มีสถาปัตยกรรม หรือพระราชวังที่สวยงามใดๆ มีแต่บ้านช่องที่มีอยู่ตามถ้ำที่เรียกกันว่า ซาสซี (SASSI) และ โบสถ์รูเปสเตรียน ที่ขุดไว้ตามโขดหินในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยูเนสโกได้กำหนดให้เป็นถิ่นฐานที่มีวัฒนธรรมที่ควรเก็บรักษาจนได้ขึ้นเป็นมรดกโลก จากนั้นนำท่าน เข้าชมบ้านถ้ำหิน (CASA GROTTA DI VICO SOLITATIO) สัมผัสความเป็นอยู่ของมนุษย์ถ้ำแห่งเมืองนี้ จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอัลเบโรเบลโล (ALBEROBELLO) (70 กิโลเมตร)

เมืองอัลเบโรเบลโล (ALBEROBELLO)

ตั้งอยู่ใน แคว้นปูลยา ทางทิศตะวัน ออกเฉียงใต้ของอิตาลี เป็นเมืองที่อยู่เกือบปลายเกือกของอิตาลี จึงมีทะเลล้อมรอบอยู่ใกล้ๆ เดินทางถึงเมืองอัลเบโรเบลโล

นำท่านชม หมู่บ้านกระโจมหิน (TRULLI VILLAGE) หมู่บ้านเก่าแก่ รูปทรงแปลกตา มีเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมซึ่งมีหลังคาบ้านเป็นรูปทรงกรวยเกือบทุกหลังการที่มีรูปทรงแบบนี้ ที่จริงก็มีเค้าโครงมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเป็นบ้านที่มีวิวัฒนาการ การตั้งถิ่นฐานของคนแถบ Greece, Egypt, Sardinia and Sicily รอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีการตั้งบ้านเรือนแบบนี้มาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 14-15  วัสดุที่ใช้สร้างบ้านเขาใช้วัสดุจากธรรมชาติและการก่อสร้างก็ง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน  เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้านแถบเมดิเตอร์เรเนียนนี้คือ การใช้สีง่ายๆ ด้วยสีขาวเพียงสีเดียว ไม่นิยมความแตกต่างโดดเด่นที่ต้องไม่เหมือนใคร หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านจึงมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นภาพรวมที่น่าชม และแปลกตามาก ได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโมโนโพลี (MONOPOLI) (25 กิโลเมตร)

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก PALAZZO INDELLI ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

7

วันที่เจ็ดของการเดินทาง

บารี – ชมเมือง – โบสถ์เซนต์นิโคลัสซานมาร์โค เอวานเจลิสต้า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองบารี

เมืองบารี (BARI)

เมืองหลวงของแคว้นปูลยา และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอิตาลีทางตอนใต้ อยู่ใกล้กับทะเลเอเดรียติก จนได้รับสมญานามว่า “แคลิฟอร์เนียตอนใต้ของอิตาลี” เป็นศูนย์กลางการเดินเรือและศูนย์กลางของอาณาจักรไบเซนไทน์ ทางตอนใต้ของอิตาลี ปัจจุบันเมืองมารียังคงสถาปัตยกรรมที่งดงาม มีความเจริญทางศาสนา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีบ้านเรือนทันสมัยสลับกับซากความเจริญในอดีต นำท่านชมเมืองบารี เมืองท่าที่ สำคัญของอิตาลี ชมซากป้อมปราการในอดีต

จากนั้น เข้าชมโบสถ์เซนต์นิโคลัส (BASILICA ST.NICHOLAS)

โบสถ์เซนต์นิโคลัส (BASILICA ST.NICHOLAS)

โบสถ์เซนต์นิโคลัส (BASILICA ST.NICHOLAS) ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พำนักของผู้ปกครองเมืองชาวไบแซนไทน์เมื่อราวปี ค.ศ.1000 ต่อมาในปี ค.ศ.1087 ชาวบารีได้นำกระดูกของเซนต์นิโคลัสมาจากโบสถ์แห่งเมืองไมร่า (MYRA) ในประเทศตุรกี จึงได้ดัดแปลงอาคารแห่งนี้เป็นโบสถ์ และประดิษฐานกระดูกของเซนต์นิโคลัสไว้ภายใน ซึ่งเชื่อกันว่า เซนต์นิโคลัส ก็คือที่มาของซานตาคลอสนั่นเอง อิสระท่านชมความงดงามภายในโบสถ์

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองซานมาร์โค เอวานเจลิสต้า (SAN MARCO EVANGELISTA) (207 กิโลเมตร)

เพื่อเช็คอินเข้าสู่ที่พัก โรงแรม GRAND HOTEL VANVITELLI หรือเทียบเท่า

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม

อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

8

ซานมาร์โค เอวานเจลิสต้า – โรม

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ กรุงโรม (210 กิโลเมตร)

โรม (ROME)

เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่น้ำไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สำคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย

 เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชมเมือง กรุงโรม

โรม (ROME) / ชมเมือง

นำท่านผ่านชมกลุ่มโรมันฟอรัม (ROMAN FORUM) อดีตศูนย์กลางทางด้านการเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจของอาณาจักรโรมัน ที่สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของอารยะธรรมโรมันในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา จากนั้นนำท่าน เก็บภาพความยิ่งใหญ่บริเวณรอบนอกของสนามกีฬาโคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก   ยุคโบราณ อดีตสนามประลองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวโรมันที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน 

จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับน้ำพุเทรวี (TREVI FOUNTAIN)

น้ำพุเทรวี / ช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน

งานประติมากรรมของเทพนิยายกรีก ที่มาของบทเพลง “ทรีคอยน์ อิน เดอะ ฟาวน์เทน” ที่เชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแล้วท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง จากนั้นนำท่าน ช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน (SPANISH STEPS) บนถนนคอนดอตติ ย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่อของอิตาลี เป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ที่ล้อมรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแล้ว จัตุรัสแห่งนี้ยังต่อตรงกับถนน VIA CONDOTTI ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Dior,Prada, Gucci,Amarni, Valentino, Versace, Fendi, Ferragamo, Cartier, Bulgari เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี

***แนะนำให้ท่านลองชิม ไอศกรีมเจลาโต (GELATO) ไอศกรีมขึ้นชื่อที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงอิตาลี ***

**** กฏเกณฑ์ที่สำคัญของการมานั่งที่บันไดแห่งนี้ คือ ห้ามกินไอศครีม! เนื่องจากบันไดสเปนเป็นอีกหนึ่งฉากที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ชื่อดัง (ปี1953) เรื่อง Roman Holiday ทำให้หนุ่มสาวหลายคู่เลียนแบบคู่พระเอกนางเอก ที่มานั่งจู๋จี๋กินไอติมกันอย่างมากมาย จนทำให้บันไดเปรอะเปื้อนสกปรก และต้องออกกฎหมายห้ามจนถึงทุกวันนี้

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม QC TERMEROMA ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

9

โรม – กรุงเทพฯ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่าน เข้าชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน (ST.PETER BASILICA)  นครรัฐอิสระ ศูนย์กลางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ให้ท่านชมความยิ่งใหญ่ของศิลปะการออกแบบผลงานอันล้ำค่า โดยปรมาจารย์บราเมนเต้ ราฟาเอล และไมเคิล แองเจโล

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเข้าชม มหาวิหารแพนธีออน (PANTHEON)

มหาวิหารแพนธีออน (PANTHEON)

วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเหล่าทวยเทพของกรีกโบราณ ออกแบบโดยมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา เดิมสร้างขึ้นตั้งแต่ 27 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อมาถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 118 และเป็นวิหารยุคโรมันที่เก่าแก่ที่สุดและคงสภาพสมบูรณ์  เกือบทั้งหมดมาจนถึงทุกวันนี้ ความน่าทึ่งของวิหารนี้คือการออกแบบด้านหน้าของวิหารที่เป็นเสากับหน้าจั่ว แต่หลังคาถูกออกแบบเป็นโดมครอบอาคารทรงกลม รวมทั้งความสูงจากพื้นถึงช่องตา(Oculus) บนเพดาน และเส้นผ่าศูนย์กลางของโดมด้านในเท่ากัน 43.3 เมตร เอกลักษณ์ที่หลายคนรู้จักคือ ช่องโหว่กลางหลังคาโดมที่ใช้เปิดรับแสง แต่ก็มีการเจาะรูเล็กๆบนพื้นเพื่อเป็นการระบายน้ำฝนที่ตกเข้ามาในวิหารด้วย วิหารแพนธีออนยังเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์วิคเตอร์ เอมมานูเอลที่ 2 และราฟาเอล ศิลปินชื่อก้องโลกอีกด้วย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

แล้วนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน

19.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ ฯ โดย สายการบิน Lufthansa เที่ยวบินที่ LH1871/LH772)

*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินมิวนิค เวลา 20.35 – 22.25 น. ***

10

กรุงเทพ ฯ

14.10 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..