29 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2566
วันเดินทาง
สายการบินออสเตรียน
สายการบิน
ฝรั่งเศส, อิตาลี
ประเทศ

ทัวร์ยุโรป : << SPECIAL LAVENDER >> BURGUNDY – RHONE & PROVENCE 15 วัน (LX/OS)

กำหนดการเดินทาง : 29 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2566

ประเทศ : อิตาลี – ฝรั่งเศส

สายการบิน : สายการบินออสเตรียน เที่ยวบิน OS 026

ราคา : 299,800 บาท

** รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาติดต่อแผนกเซลล์ เพื่อขอรายการทัวร์ทุกครั้ง

1

วันแรกของการเดินทาง

กรุงเทพฯ – เจนีวา

10.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบินสวิตแอร์ (LX) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

13.05 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเจนีวา ประเทศสวิซเซอร์แลนด์ โดย สายการบินสวิตแอร์ เที่ยวบิน LX181/LX2816

*** แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินซูริค ประเทศสวิซเซอร์แลนด์ เวลา 19.35 – 20.50 น. ***                                                                              

21.40 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินกรุงเจนีวา ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก MOVENPICK GENEVA AIRPORT หรือระดับเทียบเท่า

2

วันที่สองของการเดินทาง

เจนีวา  – ชมเมือง  – ช้อปปิ้ง – อีวัวร์ – ชมเมือง – อันเนอซี – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่าน ชมกรุงเจนีวา

กรุงเจนีวา  (GENEVA)

เมืองสำคัญอีกแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บริเวณตอนปลายแหลมของทะเลสาบเจนีวา ทะเลสาบที่มีรูปคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวยามข้างแรม นำท่าน ชมกรุงเจนีวา อันงดงามที่รายล้อม ด้วยสวนสาธารณะ และองค์การนานาชาติต่างๆ อาทิ สภาแรงงานโลก  องค์การกาชาดสากล นำท่าน ผ่านชม และแวะถ่ายรูปคู่กับตึกสหประชาชาติ ถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ น้ำพุเจทโด ที่สูงถึง 130 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่งดงามริมทะเลสาบเจนีวา ท่านจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศที่งดงาม และร่มรื่นสไตล์สวิสฝรั่งเศส

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอีวัวร์ (YVOIRE) (30 กิโลเมตร) หมู่บ้านชื่อดังในฝรั่งเศสที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ  ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมเมืองอีวัวร์

อีวัวร์  (YVOIRE)

หมู่บ้านอีวัวร์อยู่ติดกับทะเลสาบเจนีวา มีความสวยงามด้วยความเก่าแก่ของตัวบ้านและการประดับประดาตกแต่งของดอกไม้หลากสี ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่หมายตาของนักเดินทาง  ตัวบ้านเรือนถูกประดับด้วยดอกไม้นานาชนิดไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตามจนได้รับรางวัล Four Flowers ระดับยุโรป และได้รับการขนานนามว่า หมู่บ้านดอกไม้ ที่ได้รับรางวัล International Trophy for Landscape และพืชสวน อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านตัวอย่างของฝรั่งเศสใน ปี 2002 อีกด้วย นำท่านเชมเมืองตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอันเนอซี (ANNECY) ( 70 กิโลเมตร) ประเทศฝรั่งเศส

อันเนอซี (ANNECY)

เมืองหลวงของเขตซาวอยตอนบน ซึ่งอาจจะเรียกว่าห้องรับแขกของภูมิภาคโรน-แอลป์ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสและสวิสเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ทะเลสาบภูเขา ทำให้ที่นี่ปราศจากมลพิษ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ผลิตน้ำแร่ชั้นนำของโลกอีกด้วย เดินทางถึง เมืองอันเนอซี นำท่าน ชมเมือง ชมความน่ารักของเมืองนี้บริเวณย่านเมืองเก่าที่แสนโรแมนติค  ด้วยตึกทรงโบราณสีสวยสดเป็นแนวยาวสองฟากฝั่งคลองที่มีน้ำใสสะอาด ถ่ายรูปคู่กับ ISLE PALACE สัญลักษณ์ของเมืองอันเนอซี

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม LE PELICAN  หรือระดับเทียบเท่า

3

วันที่สามของการเดินทาง

อันเนอซี  – มากง – ชมเมือง – ชิมไวน์  – ลียง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมากง (MACON) (175 กิโลเมตร) เมืองเล็กๆตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส ที่แฝงด้วยเสน่ห์ริมแม่น้ำโรนในแคว้นเบอร์กันดี

มากง (MACON) / ชมเมือง

นำท่าน เดินเล่นชมความน่ารักของเมือง และธรรมชาติที่สวยงาม ถ่ายภาพกับสะพานโรมันแซงต์โรลอง (Saint Laurent Roman Bridge) สร้างทอดยาวข้ามแม่น้ำโรนที่งดงาม เที่ยวชมบรรยากาศย่านเมืองเก่า พร้อมเก็บภาพความสวยงามตามอัธยาศัย

ผ่านชมโบสถ์ อิกลิส แซงต์ ปิ แอร์ (Eglise Saint Pierre) โบสถ์ใจกลางเมืองที่สร้างข้ึนตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ CHATEAU DE LA CHAIZE (40 กิโลเมตร) เพื่อลิ้มลองไวน์ชั้นดีแห่งแคว้นเบอร์กันดี

Beaujolais winery experiences

สำหรับท่านที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ไม่มีใครไม่รู้จักไวน์ Beaujolais จากเขตเบอร์กันดี หนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่ดี และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ผลิตไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ Gamay ซึ่งเป็นองุ่นที่มีรสชาติ และกลิ่นของผลไม้แดงจำพวก เบอร์รี่ เชอรี่และสตรอเบอรี่ จึงเป็นไวน์ที่ดื่มง่ายไม่ต้องเก็บนาน มักนิยมทานกับอาหารง่ายๆ อาทิพวกชีส และ Cold Cuts ต่างๆ

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลียง (LYON) (50 กิโลเมตร)

ลียง (LYON)

เมืองหลวงของจังหวัดโรน (Rhone) และยังเป็นเมืองหลวง ของแคว้นโรห์น-อัลป์ (Rhone-Alpe) ซึ่งเป็แคว้นที่ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นลำดับที่สองของประเทศฝรั่งเศส รองลงมาจากกรุงปารีส เมืองลียงถูกก่อตั้งขึ้นโดยพวกโรมันในคริสต์ศตวรรษที่ 1 จนกระทั่งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เมืองลียงเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1998

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม  RADISSON BLU LYON หรือระดับเทียบเท่า

4

วันที่สี่ของการเดินทาง

ลียง – ชมเมือง – ตลาด Les Halles de Lyon  – ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองลียง

ชมเมืองลียง

นำท่าน เข้าชมความงดงามมหาวิหารนอเทรอดาม เดอ

ฟูร์วิแยร์ (BASILICA OF NOTRE-DAME DE FOURVIERE) มหาวิหารเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นบนเขาในช่วงระหว่าง ปี ค.ศ.1872-1884 ถือเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดของลียง และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1998นำท่าน ชมพลาส เด แตร์โร (PLACE DES TERREAUX) จัตุรัสขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองลียง โดยจัตุรัสนั้นได้รับการออกแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ในปี1990 ถ่ายภาพกับโฮเตล เดอ ลิยง (HOTEL DE VILLE) หรือศาลากลางเมือง (CITY HALL) โดยอาคารถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในอาคารเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลียงอีกด้วย ผ่านชมโรงละครโอเปร่า (OPERA HOUSE) อีกหนึ่งอาคารประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1836โซนตัวเมืองเก่าของเมืองที่มีชื่อว่า Vieux Lyon ภายในนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงน่าเดินนานาชนิดในตึกรูปทรงโบราณซึ่งภายในนั้นซ่อน “ทางเดินลับ” หรือ Traboules ที่เชื่อมต่ออาคารต่างๆเข้าด้วยกัน ทำให้เพลิดเพลินกับการเดินเล่นใน

ย่านเมืองเก่าเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน เพลิดเพลินกับจุดศูนย์กลางของอาหารในเมืองลียง ที่ตลาด Les Halles de Lyon ของเชฟชื่อดังของ Paul Bocuse ที่ภายในเต็มไปด้วยอาหารคาวหวาน ให้ท่านได้เลือกชิมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชีสนับร้อยชนิด แฮมและไส้กรอกหลายรูปแบบ ไวน์ชั้นดี ขนมอบที่มีให้เลือกอีกหลากหลาย (โดยเฉพาะมาการอง และทาร์ทพราลีนสีแดงสดรสหวานหอมอร่อย) ไอศกรีมและอีกมากมาย !!

อิสระให้ท่าน เดินเล่นช้อปปิ้งภายในห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยต (Galleries Lafayette) ตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม  RADISSON BLU LYON หรือระดับเทียบเท่า

5

วันที่ห้าของการเดินทาง

ลียง  ตูร์นอง (แตง แลร์มิตาช) – ชมเมือง – ชิมไวร์  – วิวีเย่ อาวิญง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองตูร์นอง (TOURNON) /แตง แลร์มิตาช (TAIN-L’HERMITAGE)  (95 กิโลเมตร)

ตูร์นอง (แตง แลร์มิตาช)

หากท่านรักไวน์ชั้นดี ท่านจะหลงรักหมู่บ้านแฝดของ ตูร์นอง (TOURNON) และแตง แลร์มิตาช (TAIN-L’HERMITAGE) ตั้งอยู่คนละฟากของแม่น้ำ Côtes du Rhône ระหว่างที่ท่านเที่ยวชมเมืองจะพบบ้านเรือนที่สวยงามสร้างโดยพ่อค้าผู้มั่งคั่ง เมื่อเดินผ่านบริเวณ Rue de Doux ท่านจะได้เห็นโบสถ์สมัยศตวรรษที่ 14 และโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส  นำท่าน เดินข้ามสะพานไปยังเมืองแตง แลร์มิตาช เพื่อนำท่านเยี่ยมชมห้องเก็บไวน์ท้องถิ่น ซึ่งท่านจะได้ลิ้มลองไวน์ Côtes du Rhône Saint-Joseph และ Crozes-Hermitage ที่มีชื่อเสียงของภูมิภาค ไวน์เหล่านี้ผลิตจากองุ่นพันธุ์ Syrah ที่ปลูกบนพื้นที่ลาดชันริมฝั่งแม่น้ำ หลังจากชิมไวน์ อิสระท่านมีเวลาเดินเล่นดูร้านค้าต่างๆ ย่านใจกลางเมือง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

Wine Tasting on the Hermitage Hill

นำท่านเดินทางสู่ ไร่องุ่นบนยอดเขาเพื่อชมทิวทัศน์อันสวยงาม ท่านสามารถมองเห็นเถาวัลย์เรียงเป็นทิวแถว แม่น้ำ และหมู่บ้านเบื้องล่าง ระหว่างการชิมไวน์ ท่านจะได้รับความรู้ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์จะคอยนำเสนอไวน์ระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาให้ท่าน พร้อมอธิบายพื้นที่และลักษณะของไวน์แต่ละตัวอย่างอย่างละเอียด

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองวิวีเย่ (VIVIERS) (85 กิโลเมตร)

เมืองวิวีเย่ (VIVIERS)

หมู่บ้านที่มีเสน่ห์ซึ่งเวลาดูเหมือนจะหยุดลงเมื่อหลายศตวรรษก่อน วิวีเย่ มีอดีตอันยาวนานและมีเรื่องราวย้อนหลังไปมากกว่า 1,600 ปี และเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยมที่เข้ากันได้ ครั้งหนึ่ง วิวีเย่ถูกแบ่งแยกตามศาสนา นักบวชอาศัยอยู่ส่วนบนของเมือง ส่วนชาวบ้านทั่วไปอยู่ส่วนล่างของเมือง การเที่ยวชมเมืองวันนี้จะนําท่านเยี่ยมชมทั้งสองส่วนของเมือง เดินทางถึง เมืองวิวีเย่

ใกล้ชิดกับเมืองวิวีเย่ “เที่ยวชมหมู่บ้าน”

นำท่านชมจัตุรัสน้ำพุในย่านเมืองเก่า ซึ่งผสมผสานระหว่างอิทธิพลของโรมันและยุคกลาง และถนนที่ปูด้วยหินกรวดที่แคบจนท่านสามารถยืนอยู่ตรงกลางและสัมผัสบ้านยุคกลางได้จากทั้งสองด้าน ชมอาสนวิหารที่เล็กที่สุดในฝรั่งเศส ท่านสามารถเดินเล่น และเลือกชมการทำเครื่องปั้นดินเผาจากช่างปั้นท้องถิ่นที่ขายอยู่ในร้านค้า และเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาวิญง (AVIGNON) (80 กิโลเมตร)

อาวิญง (AVIGNON)

เมืองยุคกลางที่พระสันตะปาปาคลีเมนต์ ที่ 5 แห่งโรม อพยพหนีความวุ่นวายทางการเมืองมาตั้งศูนย์กลางทางศาสนาขึ้นในช่วง ศตวรรษที่14 ปัจจุบันมีชื่อเสียงอย่างมากทางด้านศิลปะและบันเทิง จุดสนใจที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาชมกันมาก คือ เมืองโบราณที่มีกำแพงล้อมรอบ เดินทางถึง เมืองอาวิญง

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก HOTEL AVIGNON GRAND หรือเทียบเท่า

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

6

วันที่หกของการเดินทาง

อาวิญง – สะพานส่งน้ำ ปง ดู การ์ – อาวิญง – ชมเมือง พระราชวังของสันตะปาปา

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สะพานส่งน้ำ ปง ดู การ์ (Le Pont du Gard) (25 กิโลเมตร)

สะพานส่งน้ำ ปง ดู การ์ (Le Pont du Gard)

เป็นสะพานที่ไม่ได้มีไว้ให้รถราวิ่งผ่านแต่มีไว้เป็นทางส่งน้ำในสมัยโบราณราว 2,000 ปีก่อน สร้างขึ้นในยุคสมัยโรมันรุ่งเรือง มีความสูงถึง 49 เมตร ตัวสะพานทำจากหินกว่า 6 ตัน ในสมัยก่อนสะพานนี้ใช้ส่งน้ำจากเมือง Uzes มายังเมืองนีมส์ มีระยะทาง 50 เมตร ส่งน้ำได้ 20 ล้านลิตรต่อวัน เทคนิคแบบนี้ทำให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในสมัยนั้น และเนื่องจากสะพานปง ดู การ์ ถือว่ามีสภาพที่ยังสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นองค์การยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1985 ตราบจนปัจจุบัน นำท่านเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์อย่างเพลิดเพลิน และถ่ายภาพความสวยงามตามอัธยาศัย

ทัวร์แนะนำ : Let’s Go Kayak Ride on the Gardon

เตรียมครีมกันแดดและชุดว่ายน้ำเพื่อให้ท่านใช้เวลาสนุกสนานและผ่อนคลายบนผืนน้ำใสและเงียบสงบของแม่น้ำ Gardon ท่านจะได้พายเรือเล่นไปตามแม่น้ำ ชมปลาเทราต์และนกน้ำตามชายฝั่งพร้อมกับเสียงจักจั่นร้องเจื้อยแจ้ว การผจญภัยของท่านจบลงด้วยทัศนียภาพอันน่าทึ่งของส่วนโค้งของสะพานส่งน้ำโรมันที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในฝรั่งเศส ซึ่งมีอายุ 2,000 ปี ปงต์ ดู การ์ด (Pont Du Gard)ได้รับการแต่งตั้งจากยูเนสโก เป็นสะพานส่งน้ำสามชั้นที่งดงามทอดข้ามแม่น้ำ Gardon มาตั้งแต่ปี 19 ก่อนคริสตกาล โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ส่งน้ำจาก Uzès ไปยัง Nîmes  *** รายการนี้ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์  ***

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมเมืองอาวิญง (25 กิโลเมตร)

อาวิญง / ชมเมือง

นำท่าน ถ่ายภาพคู่กับสะพานเซนต์เบเนเซ่ (Pont Saint-Bénézet) หรือสะพานแห่งเมืองอาวิญง (Pont d’Avignon)  สะพานคอนกรีตโบราณขาดเหลือไม่ถึงครึ่ง ที่ใช้ในการข้ามแม่น้ำโรนน์ ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องหมายการแบ่งแยกดินแดนของฝรั่งเศสกับคริสตจักรที่ไม่ราบรื่น เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากบทเพลง (ซูริ เลอ ปองต์ดาวิญง) ที่โดดเด่นสะดุดตามากที่สุด

เข้าชมพระราชวังของสันตะปาปา (PALAIS DES PAPES) ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และเคยเป็นที่ประทับขององค์พระสันตะปาปาถึง 7 พระองค์ แม้จะถูกทำลายไปจากการเกิดเพลิงไหม้ในบางส่วนแต่ก็ได้รับการบูรณะและกลับเป็นเหมือนดังเดิม พระราชวังของพระสันตะปาปาแห่งอาวิญง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 ได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก HOTEL AVIGNON GRAND หรือเทียบเท่า

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหาร

7

วันที่เจ็ดของการเดินทาง

อาวิญง – เส้นทางถนนสายลาเวนเดอร์ – หมู่บ้านกอร์ด หมู่บ้านคูสสิยง – วาลองโซลช่ององแคบแวร์ดง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เส้นทางถนนสายลาเวนเดอร์ในเขตเทือกเขาลูเบอรอง (LUBERON) เพื่อ

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกอร์ด (GORDES) (40 กิโลเมตร)

หมู่บ้านกอร์ด (GORDES)

เมืองเก่าแก่ที่มากด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ลักษณะเมืองจะสร้างจากยอดเขา และปลูกลดหลั่นกันมาตามไหล่เขามีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และบรรยากาศแบบชนบทดั้งเดิมของโพรวองซ์รอบนอกของหมู่บ้านนี้ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านหิน 6,000 ปี(Le village des Bories) หมู่บ้านหินเก่าแก่ที่สร้างด้วยการน่าหินมาวางเรียงรายโดยไม่ได้ใช้วัสดุเชื่อมใดๆ ความสวยงาม และความเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้ทำให้ได้รับคัดเลือกให้เป็น หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส”อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าแปรรูปจากดอกลาเวนเดอร์ ทั้งขนม น้ำหอม สบู่ ภาพวาดสวยงาม ตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านคูสสิยง (ROUSSILLON) (10 กิโลเมตร)

หมู่บ้านคูสสิยง (ROUSSILLON)

หมู่บ้านโทนสีส้มอันเนื่องมาจากแหล่งแร่ Ocre แร่ธาตุพิเศษ ที่ทำให้ภูเขามีสีสัน ส้ม แดง เหลือง และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ใช้ในการผลิตสีฝุ่น และกลายเป็นสินค้าโอทอปของหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านที่ผู้รักในงานศิลปะ และสีสันควรมาเดินเล่น และถ่ายภาพขอบฟ้าสีฟ้าสวยตัดกับอาคารสีส้มดูสวยสะดุดตา จนขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศสอีกแห่งหนึ่ง จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมาโนสก์ (MANOSQUE) (55 กิโลเมตร) ที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าชื่อดัง L’occitane en provence ที่ส่งขายไปยัง 85 ประเทศทั่วโลก และมีร้านค้ากว่า 900 ร้าน ในปัจจุบัน นำท่าน แวะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ L’occitane สินค้านำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตมาจากธรรมชาติล้วนๆ อาทิเช่น ดอกลาเวนเดอร์ ดอกส้ม มะกอก น้ำผิ้ง อัลมอลล์ La verveine ฯลฯ จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองวาลองโซล (VALENSOLE) (25 กิโลเมตร)

วาลองโซล (VALENSOLE)

เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ของทุ่งลาเวนเดอร์กว้างใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ จะแวะมาทักทายเป็นระยะๆ

จนท่านแทบจะอดใจไม่ไหวที่อยากจะกระโดดลงไปในท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ที่ละลานตาไปด้วยลาเวนเดอร์ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ชูช่อออกมาเป็นแนวทิวแถวเลยทีเดียว อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพกับทุ่งลาเวนเดอร์ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก HOTEL & SPA DES GORGES DU VERDON (60 กิโลเมตร)  โรงแรมที่พัก

ทำเลยอดเยี่ยมตั้งอยู่ใจกลางบริเวณช่องแคบแวร์ดง ซึ่งถือเป็นสถานที่อันเป็นไฮไลท์ของภูมิภาคนี้

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก

8

ช่องแคบแวร์ดง – หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี – ชมเมือง นีส

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ช่องแคบแวร์ดง (LES GORGES DU VERDON) (10 กิโลเมตร) หรือเรียก

สั้นๆ กันว่า Grand Canyon ของฝรั่งเศส

ช่องแคบแวร์ดง (LES GORGES DU VERDON)

เป็นช่องแคบที่มีความลึก 300-700 เมตรเลยทีเดียว เมื่อ

มองลงไปด้านล่างมนุษย์จะดูเหมือนมด อีกทั้งแม่น้ำที่ไหลผ่านจะเห็นเป็นริบบิ้นสีเขียว จนนึกไม่ถึงเลยว่าสายน้ำเล็กๆที่มองเห็นอยู่นั้นมีความกว้างถึง 8 เมตร และไหลลงสู่หินด้วยความแรงจนกระทั่งสามารถกัดเซาะหินให้เป็นร่องยาวถึง 25 กิโลเมตร หน้าผาที่ถูกน้ำกัดเซาะกับธารน้ำสีเทอควอยส์นั้น จึงกลายเป็นช่องแคบระหว่างเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งถือเป็น One of Europe’s most beautiful ที่ไม่ควรพลาดชม อิสระให้ท่านถ่ายภาพความงดงามตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี (MOUSTIERS STE MARIE) (30 กิโลเมตร)  

หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี

หมู่บ้านแห่งดวงดาว อีกหนึ่งหมู่บ้านสุดสวยในเขต Haute Provence (High Provence) ของฝรั่งเศส สวยจนได้รับเป็น Un Les Plus Beaux Village de France (one of The Most Beautiful Villages of France) หมู่บ้านหินนี่ตั้งอยู่ใต้ชะง่อนเขา มีดาวสีทองผูกไว้ระหว่างสองยอดเขาสัญลักษณ์ของหมู่บ้านใจกลาง หมู่บ้านมีธารน้ำตกไหลผ่าน ดอกไม้หลากสีที่พร้อมใจกันออกดอกสวยบนถนนสายเล็กๆ งดงาม เดินทางถึง หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน เดินเล่นชมบรรยากาศภายในหมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี

หมู่บ้านมูสติเย แซงต์ มารี / ชมเมือง

นำท่านชมจุดสำคัญที่สุดของเมืองนี้อันได้แก่ ดวงดาว (l’Etoile) ซึ่งมีเรื่องเล่าขานต่อกันมาว่า อัศวินคนนึ่งซึ่งตกไปเป็นเชลยศึกในช่วงสงครามครูเสด ได้ตั้งอธิษฐานว่า “หากมีโอกาสได้กลับบ้านอีกครั้ง จะนำดวงดาวไปแขวนไว้ระหว่างยอดเขา ณ หมู่บ้านของข้า” แสดงว่าคำอธิษฐานของเขาคงเป็นจริง จึงมีดาวแขวนให้เราเห็นอยู่จนทุกวันนี้ สำหรับ l’Etoile ถือเป็นเป็นสัญลักษณ์ของความสมหวังในการขอพร มีขนาดวัดได้ 1.25 เมตร ส่วนโซ่ที่แขวนดาวไว้ยาว 135 เมตร น้ำหนัก 150 กิโลกรัม และมิได้คงทนถาวรตลอดไป ในรอบหนึ่งร้อยปีจะมีอันตกลงมา แล้วต้องเปลี่ยนขึ้นไปใหม่อยู่ 2 ครั้งด้วยกัน เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ความสวยงามอีกอย่างหนึ่งก็คือ การได้เห็นบ้านเรือนสวยๆโดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ท้องฟ้า และแน่นอนเมื่อมองดีๆ ก็จะมีดวงดาวดวงนั้นปรากฏให้เห็นอยู่ด้วย ไฮไลท์ของหมู่บ้าน

แห่งนี้อีกอย่างหนึ่งคือ เครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า Faïence เป็นภาชนะที่ทำจากดินเผา เครื่องเซรามิก ที่นี่ทำกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดินเผาที่ทำได้ประณีตที่สุดในประเทศ ถึงขนาดพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังโปรดให้สั่งเข้าไปใช้ในภายในวังอีกด้วย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง และถ่ายภาพความงดงามตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองนีส (NICE) (145 กิโลเมตร)

นีส (NICE)

เมืองพักตากอากาศทางทะเลที่เรียกว่า เฟรนช์ ริเวียร่า มีชายทะเลที่สวยงาม ซึ่งเริ่มกลายเป็นสถานตากอากาศยอดนิยมของคนอังกฤษ และชาวยุโรปมาตั้งแต่สมัยวิคทอเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินทางมานีส เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ชายหาดของนีสไม่ใช่หาดทราย แต่จะเป็นหินก้อนเล็กๆที่ไม่คม ซึ่งคือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนีส

เดินทางถึง เมืองนีส

จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้ง บริเวณจัตุรัสมาสเซนา (PLACE MASSENA) ตามอัธยาศัย หรือเดินเล่น

ริมหาดบน ถนนพรอมเมอนาร์ด เดส์ อังเกลส์ (PROMENADE DES ANGLAIS) ซึ่งอาจแปลได้ใจความว่า“ทางเดินของคนอังกฤษ” เนื่องจากเป็นถนนเลียบชายหาดที่สวยงามเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก SPLENDID HOTEL & SPA NICE หรือเทียบเท่า

9

นีส – หมู่บ้านเอซ – โรงงานน้ำหอม – นีส – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเอซ (EZE VILLAGE) (15 กิโลเมตร) หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส

หมู่บ้านเอซ (EZE VILLAGE)

หมู่บ้านบนยอดเขา ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของบรรยากาศที่โรแมนติก ลักษณะที่โดดเด่นของเมืองนี้ คือ จะเป็นถนนหรือทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ อาทิ น้ำหอม สบู่ งานช่างฝีมือ และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนต่างๆ รวมไปถึงร้านค้าที่เหมือนกับหอศิลป์ แสดงงานศิลปะมากมาย จนให้คำนิยามเมืองนี้ว่าเป็น “หมู่บ้านพิพิธภัณฑ์” ซึ่งได้มีการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างต่างๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งอาคารบ้านเรือน รวมทั้งร้านอาหารเก๋ๆมากมาย ทำให้บรรยากาศของเมืองนี้ เหมือนกับหลุดเข้าไปในเมืองแห่งเทพนิยายยังไงอย่างนั้น

โรงงานผลิตน้ำหอม FRAGONARD

นำท่าน เข้าชมโรงงานผลิตน้ำหอม ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ชมกระบวนการผลิตน้ำหอมด้วยการสกัด และการกลั่น ตลอดจนห้องจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของการผลิตน้ำหอม และคอลเล็กชั่นขวดน้ำหอมมากมาย เพื่อจะได้รู้ว่าน้ำหอมหรูหราจากแบรนด์ดังที่วางจำหน่ายกันอยู่ทั่วโลกมีที่มาอย่างไร จนได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองนีส (NICE) (15 กิโลเมตร)

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชมเมือง และช้อปปิ้ง

นีส / ชมเมือง / ช้อปปิ้ง

นำท่าน ชมเมืองนีส เมืองซึ่งอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ร้านเสื้อผ้า ตลาดกลางแจ้ง ภัตตาคาร อันเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม 

ถ่ายภาพกับโบสถ์นอร์ทเทรอดามของเมืองนีส (BASILQUE NOTRE-DAME DE NICE) เป็นโบสถ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบโกธิคอย่างชัดเจน เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและเป็นอาคารทางศาสนาแห่งแรกที่มีความทันสมัยตั้งโดดเด่นสง่างามกลางถนนสายหลักในเมือง

อิสระให้ท่านช้อปปิ้ง บริเวณจัตุรัสมาสเซนา (PLACE MASSENA)  ณ ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยต (Galeries Lafayette Nice Massena) ห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับ HIGH-END ย่านใจกลางเมืองตามอัธยาศัยตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม SPLENDID HOTEL & SPA NICE หรือเทียบเท่า

10

นีส – มองเต คาร์โล – ชมเมือง – ซานเรโม่ – เจนัว – ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเต คาร์โล (MONTE CARLO) (25 กิโลเมตร)

มองเต คาร์โล (MONTE CARLO)

เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางตอนปลายของฝรั่งเศส นำท่าน ถ่ายภาพกับปาเล เดอ แปรงซ์ (PALAIS DE PRINCES) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ ชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหราซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่ง และร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้ แวะถ่ายภาพกับความหรูหราของคาสิโนแห่งมองเต คาร์โลซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของเมือง ผ่านชมมหาวิหารเซนต์นิโคลัส ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1875 ที่เคยใช้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ราชธิดาแห่งโมนาโค

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซานเรโม่ (SANREMO) (45 กิโลเมตร)  

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการเดินเล่นชมเมือง จนได้เวลาอันสมควร

ซานเรโม่ (SANREMO)

เมืองริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางทิศตะวันตกของแคว้นลิกูเรีย เมืองพักต่างอากาศที่เต็มไปด้วยรีสอร์ทหรูเลียบชายฝั่งทะเลสไตล์เก่าแก่แบบที่ชาวยุโรปนิยมมาเที่ยวพักผ่อน เดินทางถึง เมืองซานเรโม ผ่านชมโบสถ์สไตล์รัสเซียนที่สร้างในช่วงปี 1900 และคาสิโนที่ออกแบบ ให้เหมือนเป็นพระราชวังสีขาวเด่น และท่าเรือยอร์ชของเศรษฐีชาวยุโรปที่นิยมแวะมาพักผ่อนที่เมืองนี้บริเวณย่านการค้าของเมืองที่สินค้าระดับปานกลางไปจนถึงแพงลิบลิ่ว ฉะนั้นหากแค่เลือกชมก็นับว่าคุ้มค่า และเพลิดเพลินอย่างมาก แล้วที่สำคัญอย่าลืมแวะลิ้มรสไอศกรีมเจลาโต (GELATO) ไอศกรีมขึ้นชื่อของอิตาลี ที่เต็มด้วยความอร่อยเข้มข้น และเหมาะอย่างยิ่งกับบรรยากาศเดินเล่นชิลๆ[บริเวณถนนคนเดิน พร้อมเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเจนัว (GENOA) (145 กิโลเมตร)

เจนัว (GENOA)  / ชมเมือง

หนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของอิตาลี ทั้งยังเป็นรัฐอิสระที่ตั้งอยู่ที่ลิกูเรีย ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเลอิตาลี ที่มีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึงปี ค.ศ. 1797 และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการเดินเรือนี่เอง จึงส่งผลให้เมืองเจนัวกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญริมฝั่งชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางฝั่งตะวันตกของอิตาลีไปโดยปริยาย เดินทางถึง เมืองเจนัว นำท่าน ชมเมืองเจนัว บริเวณย่านศูนย์กลางที่เรียกว่า เปียซซ่า เดย์ เฟร์รารี่ บริเวณที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวยุโรปคนแรกที่ค้นพบทวีปอเมริกา เคยอาศัยอยู่ตอนเด็กๆ ชมย่านเมืองเก่าที่ยังคงบรรยากาศของวันเวลา และกลิ่นอายของชุมชนในสมัยก่อนที่ยังคงมีอาคารโบราณในแบบสถาปัตยกรรมชาวโรมัน ซึ่งล้วนแต่มีอายุมากกว่า 500 ปีขึ้นไป ซึ่งในอดีตเป็นแหล่งรวมของกะลาสี พ่อค้า และผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH COLLECTION MARINA. หรือเทียบเท่า

11

เจนัวลา สเปเซีย – ชิงเกว่ แตร์เร ชมเมือง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง ลา สเปเซีย (LA SPEZIA) (105 กิโลเมตร) เมืองในเขตลิกูเรียทางตอนเหนือของอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเจนัว และปิซ่า บนทะเลลิกูเรีย และเป็นหนึ่งในอ่าวที่มีความ สำคัญทางด้านการค้าและการทหาร เดินทางถึง เมือง ลา สเปเซีย

จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่  ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE)

ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า “ห้าดินแดน”   (FIVE LANDS) ประกอบด้วย หมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIOMAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

จากองค์การยูเนสโก้อีกด้วย จนได้เวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชมความงามและบรรยากาศของหมู่บ้านเป็นบางส่วน เฉพาะหมู่บ้านหลักๆที่เป็นไฮไลท์ซึ่งอาจต้องใช้เวลากันทั้งวันเลยทีเดียว โดยเฉพาะ หมู่บ้านริโอแมกจิโอเร (RIOMAGGIORE) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ และมีบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีตัดกับน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ให้ท่านชมและถ่ายรูปตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH LA SPEZIA หรือเทียบเท่า

12

ลา สเปเซีย โมเดนา – ชมเมือง – ชมทุ่งลาเวนเดอร์ ปาร์มา

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโมเดนา (MODENA) (185 กิโลเมตร) 

โมเดนา (MODENA)

เป็นเมืองเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของแคว้น

เอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) หนึ่งใน 20 แคว้นในภูมิภาคที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองแห่งรถเฟอรารี่ (Ferrari)  บ้านเกิดของ Enzo Ferrari และเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสุดยอดรถยนต์ระดับโลก อย่าง Ferrari, Lamborghini, De Tomaso, Pagani, และ Maserati ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งยานยนต์”

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมเมืองบริเวณจัตุรัสย่านใจกลางเมือง (Piazza Grande) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ภายในเมือง และ อาคารศาลากลาง (Town Hall) ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 17 – 18 ตกแต่งด้วยหอนาฬิกา และระเบียงที่สวยงาม รวมถึงมหาวิหารโมเดนา ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมือง

จากนั้นนำท่านเ เข้าชมพิพิธภัณฑ์รถเฟอรารี่ ENZO FERRARI MUSEUM (MEF)

พิพิธภัณฑ์รถเฟอรารี่ (ENZO FERRARI MUSEUM) (MEF)

พิพิธภัณฑ์รถเฟอรารี่ ENZO FERRARI MUSEUM (MEF) ที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์เฟอรารี่แห่งที่สองในโลก ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 2014 ซึ่งตรงกับวันเกิดของ Enzo Ferrari ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Ferrari ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1898 หรือกว่า 116 ปีที่แล้ว  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่จัดแสดงยนตกรรมที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของ FERRARI ส่วนใหญ่เป็นรถสปอร์ตที่ Enzo Ferrari ออกแบบและผลิตขึ้นมาตลอดช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ พร้อมกับมีวีดีโอบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ม้าลำพองอย่างละเอียด ทุกแง่มุมของพิพิธภัณฑ์ได้ถูกจัดแสดงโดยเน้นที่ตัวผู้ก่อตั้งอย่าง ENZO FERRARI อิสระท่านเดินชมตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

นำท่านหลบร้อนสู่ ทุ่งลาเวนเดอร์ของอิตาลีที่ตั้งอยู่ภายในฟาร์มในหมู่บ้านเวียโน่ (VIANO) (40 กิโลเมตร)  หมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) เพื่อนำท่าน ถ่ายภาพกับทุ่งลาเวนเดอร์ในอิตาลีหนึ่งในโปรแกรมสุดพิเศษที่จะนำท่าน เปิดประสบการณ์ การดินเนอร์แบบปิคนิคท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์แบบคนท้องถิ่น ที่น้อยคนนักจะได้สัมผัส เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดให้เฉพาะลูกค้าเร้นจ์ ฯ เท่านั้น!!

PICNIC IN THE ROW OF LAVENDER FIELD

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปาร์มา (PARMA) (65 กิโลเมตร) เพือ่นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH PARMA หรือเทียบเท่า

13

ปาร์มาชมเมือง – มิลาน – ชมเมือง – ช้อปปิ้ง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่าน ชมเมืองปาร์มา เมืองต้นกำเนิดแฮม และพาร์เมซานชีส ที่อร่อยไปทั่วโลก เป็นเมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรมมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามมากมาย

ปาร์มา (PARMA) / ชมเมือง

นำท่าน เดินเล่นชมเมืองเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพบริเวณย่านใจกลางเมือง ที่มีอนุสรณ์ของท่านนายพล Giuseppe Garibaldi จูเซปเป การิบัลดี ผู้ต่อสู้เพื่อรวมประเทศอิตาลีเข้าด้วยกันตั้งอยู่ อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งของขึ้นชื่อของเมือง อาทิ ชีสพาเมซานหรือ Parmigiano Reggiano (ปาร์มิจาโน เรจจาโน) ชาวอิตาเลี่ยนหลายคนนิยมทานถือเป็นชีสยอดนิยมที่หลายบ้านมีติดครัวไว้ตลอด รวมทั้งยังเป็นแหล่งผลิตแฮม Parma หลายชนิดอีกด้วย หากมีโอกาสได้มาเยือนถิ่น ชิมชีสต้นตำหรับรับรองได้ว่าจะอดใจไม่ไหวต้องซื้อกลับมาบ้านทุกท่านแน่นอน จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี (130 กิโลเมตร) เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอิตาลี เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่น

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย จากนั้นนำท่าน ชมเมืองมิลาน มีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง พร้อมทั้งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์แนมและอื่นๆ

อีกมายมาย อย่างจุใจ

มิลาน / ชมเมือง / ช้อปปิ้ง

จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพกับโบสถ์ดูโอโม่แห่งมิลาน โบสถ์ใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป เป็นศิลปะแบบกอธิคที่หรูหรา และใช้เวลาในการสร้างนานเกือบ 500 ปี โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1386 และที่น่าทึ่งของโบสถ์ ก็คือการตกแต่งประดับประดาที่เน้นความหรูหราอย่างเต็มที่โดยเฉพาะรูปปั้นรอบตัวอาคาร มีจำนวนกว่า 3,000 ชิ้น ขวามือของโบสถ์มีอาคารทรงกากบาทหลังหนึ่ง และหลังคามุงด้วยกระเบื้องโปร่งใส เรียกกันว่า“อาเขต” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กษัตริย์ วิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ปฐมกษัตริย์ ของอิตาลีในการรวมชาติ

นำท่าน ช้อปปิ้งภายในอาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2 (GALLERIA VITTORIO EMMANUELE II) ช้อปปิ้งอาเขตที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีชื่อเรียกเล่นๆว่าเป็นห้องนั่งเล่นของ เมืองมิลาน เพราะนอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงขายแล้ว ยังมีร้านกาแฟที่เรียกกันว่า ไซด์ วอล์ค คาเฟ่ สามารถนั่งจิบคาปูชิโน นั่งดูหนุ่มสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมความงดงามของอาคารหลังนี้ หรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าสู้ที่พักโรงแรม HILTON MILAN หรือเทียบเท่า

14

มิลาน – กรุงเทพฯ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระให้ท่านพักผ่อนอิริยาบถตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิลาน (MILAN AIRPORT)

14.50 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ ฯ  โดย สายการบินออสเตรียน เที่ยวบินที่ OS 510/015

(แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเวียนนา เวลา 16.15 – 20.15 น.)

15

กรุงเทพ ฯ

 11.30 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…..