ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างหลงไหลไปกับแสงเหนือ (Aurora Borealis, Northern Light) ครั้งแรกที่ได้เห็นจากในรูปภาพ หรือจากในสารคดี จนวันหนึ่งถึงกับต้องลุกขึ้นมาวางแผนเพื่อไปประสบปรากฏการณ์อันวิเศษนี้ด้วยตนเองเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกเดินทางไปนั้น บางท่านต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากยังขาดข้อมูล และความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ดังกล่าว เช่น แสงเหนือคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ไหนบรรยากาศเหมาะสมกับการถ่ายรูป เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้เอง ที่เราได้รวบรวมข้อมูล และคำตอบที่ นักเดินทางต่างต้องทราบเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม และโอกาศที่จะได้เก็บภาพที่สวยงาม และพบกับมหัศจรรย์ของโลก What is Northern Light ? ข้อมูลจาก "สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)" และ "National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)" สามารถสรุปได้ว่า แสงเหนือ (Aurora Borealis) เกิดจากการที่อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากพระอาทิตย์ (โปรตรอน และอิเล็กตรอน) ได้เดินทางเข้าสู่ขั่วโลกด้วยความเร็วสูง ซึ่งอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ได้เดินทางเข้ามาในขั้วโลกนี้จะถูกเร่งความเร็วขึ้นไปอีกด้วยสนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ที่มีลักษณะเป็นแผ่นเหนือชั้นบรรยากาศโลก) ทำให้เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้านั้นเข้าพุ่งชนพร้อมส่งพลังงานให้กับอะตอมต่าง ๆ ของโลก (อย่างออกซีเจน และไนโตรเจน) ส่งผลให้อะตอมเหล่านี้อยู่ในสภาวะพลังงานสูง และต้องปลดปล่อยพลังงานนั้นออกมาในรูปแบบ แสง เช่น อะตอมออกซิเจนจะปล่อยแสงสีเขียว และสีแดง ในขณะที่ไนโตรเจนปล่อยแสงสีฟ้าและสีแดงเข้ม เป็นต้น ทั้งนี้ปรากฎการณ์แสงเหนือสามารถเกิดขึ้นเหนือพื้นโลกประมาณ 80 - 500 กม. Where & When to Watch Northern Lights แน่นอนว่ายิ่งขึ้นขั้วโลกเหนือไปมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาศได้รับชมแสงเหนือมากขึ้น แต่นั้นไม่ถูกต้องสะทีเดียว เพราะความเป็นจริงแล้วนั้น ปรากฎการณ์แสงเหนือนั้นจะมีโอกาศปรากฎขึ้นตามค่าพายุแม่เหล็ก KP ในพื้นที่ โดยวัดได้จาก 0 - 9 ซึ่งยิ่งขึ้นเหนือ ค่า KP ที่ต้องวัดได้เพื่อให้รับชมแสงเหนือได้ก็น้อยลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 7 เราก็มีโอกาศที่จะรับชมแสงเหนือ ณ ประเทศอังกฤษได้ แต่หากเราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 5 เราจะไม่สามารถรับชมแสงเหนือ ในอังกฤษ ได้ แต่สามารถรับชมได้ในนอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นั้นเอง โดยภาพจาก "NOAA" ข้างล่างนี้จะทำให้เข้าใจในคอนเซปต์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อนำมารวมกับบรรยากาศการท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้วยแล้ว พื้นที่ที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ จึงได้แก่ ประเทศ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน อลาสก้า และแคนาดา ทั้งนี้เราได้รวบรวมเมืองที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ ไว้ให้ท่านแล้ว ดังนี้ Tromso : ดังที่สุดในนอร์เวย์สำหรับการรับชมแสงเหนือ ภายในเมืองมีโปรแกรมตามล่าแสงเหนือมากมายให้ท่านได้เลือกรับชม Lofoten Islands : ให้คุณได้ชมแสงเหนือบนทัศนียภาพที่เหนือคำบรรยาย Senja : ให้คุณได้ชมแสงเหนือที่งดงามท่ามกลางเทือกเขาอลังการณ์ พร้อมสะท้อนแสงเหนือบนเหล่าฟยอร์ดของนอร์เวย์ ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับความมหัศจรรย์ของโลกนี้เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม - มีนาคม เลยที่เดียว และนี้คือตัวอย่างปรากฏการณ์แสงเหนือในนอร์เวย์ในช่วงดังกล่าว View this post on Instagram A post shared by Global Gemz (@globalgemz) on May 9, 2019 at 11:37am PDT Northern Lights Forecast ถึงแม้ว่าดวงจะเป็นส่วนหนึ่งทีสำคัญเป็นอย่างมากในการตามล่าแสงเหนือ แต่การคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และอุปกรณ์ในการพยากรณ์ปรากฏการณ์แสงเหนือ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน (รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้คาดการณ์เมฆ เพราะเมฆหนาจะบดบังแสงเหนือได้) และนี้คือแอปพลิเคชัน กับเว็บไซต์อัพเดทอย่าง Real – Time บนระบบแผนที่ “Oval Prediction System” ที่จะเพิ่มโอกาศให้กับคุณได้ออกไปตามล่าเสียเหนือไม่เสียเที่ยว และไม่ผิดหวัง • Space Weather Prediction Center : เว็บไซต์ทางการจาก NOAA ที่พยากรณ์อากาศ และความเป็นไปได้ที่จะได้รับชมแสงเหนือได้ พร้อมรับชม Aural Oval แบบ Real - Time ได้ เพียงแค่กดเพลย์เท่านั้น • Space Weather Live - Website : เว็บไซต์นี้เปรียบเสมือนไบเบิ้ลสำหรับนักล่าแสงเหนือเลยก็ว่าได้ เพราะเว็บนี้ได้รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดไว้มากกว่า อย่างการแสดงค่า KP เป็นกราฟต่าง ๆ เลยทีเดียว • My Aurora Forecast : แอปพลิเคชั่นที่นักเดินทางโหวตให้ว่ามีออฟชั่นครบที่สุด ซึ่งจุดเด่นรวมไปถึงการแสดงค่า KP จนถึงความสามารถประมาณการโอกาศที่จะได้เจอแสงเหนือเป็น เปอร์เซนต์ ได้ด้วย • Northern Eye Aurora Forecast : ตัวแอปพลิเคชั่นมีการใช้งานเหมือนกับ My Aurora Forecast แต่มีระบบพิเศษขึ้นมาสองระบบ คือ ความสามารถตั้งค่าแจ้งเตือน และการกำหนดเจาะจงพื้นที่ที่เราต้องการตรวจสอบมากกว่าหนึ่งจุดได้ How to Photograph Northern Lights Legends of Northern Lights แน่นอนว่าแสงเหนือได้มีการปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทำให้มีความเชื่อต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับแสงเหนือด้วยเช่นกัน และการท่องเที่ยวที่ดีนั้นควรมีเรื่องเล่าอยู่เสมอเพื่อเพิ่มอรรถรสของการท่องเที่ยวในแต่ละทริปให้มีความคลาสสิก ซึ่งการที่รู้ถึงตำนานของแสงเหนือจะทำให้การรับชมของคุณกับครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อน มีความโรแมนติกเป็นอย่างมากเมื่อรับชมร่วมกัน และตำนานเหล่านั้นมีรายละเอียดดังนี้ ชาวกรีกโบราณ : ในอดีตคงมีเหตุการณ์ โซลาร์ ครั้งใหญ่ขึ้น ขนาดที่ทำให้ชาวกรีกโบราณสามารถรับชมแสงเหนือได้ กลายเป็นเหตุให้ชาวกรีกเชื่อว่าแสงเหนือนั้นคือ เทพ Aurora ผู้เป็นน้องสาวของ Helios และ Seline (เทพแห่งพระอาทิตย์ และพระจันทร์) เป็นคนออกวิ่งรถลากหลากสีของนางไปบนท้องฟ้าเพื่อแจ้งเตือนพี่ ๆ ของ ตน ถึง "วันใหม่" ชาวญี่ปุ่น : ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการมีทายาทร่วมกันภายใต้แสงเหนือนั้น จะทำให้ทายาทของตนหน้าตาดี เฉลียวฉลาด และโชคดีเป็นอย่างมาก ชาวจีนโบราณ : แน่นอนว่าการที่ชาวจีนโบราณจะรับชมแสงเหนือได้นั้น ต้องเกิดเหตุการณ์โซลาร์ที่ใหญ่กว่าครั้งชาวกรีกโบราณ ที่มีโอกาศเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วนั้นชาวจีนโบราณที่พบเห็นต่างก็เชื่อว่า เป็นมังกร และในบางพื้นที่ก็เชื่อว่าแสงเหนือนั้นแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว
ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างหลงไหลไปกับแสงเหนือ (Aurora Borealis, Northern Light) ครั้งแรกที่ได้เห็นจากในรูปภาพ หรือจากในสารคดี จนวันหนึ่งถึงกับต้องลุกขึ้นมาวางแผนเพื่อไปประสบปรากฏการณ์อันวิเศษนี้ด้วยตนเองเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกเดินทางไปนั้น บางท่านต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากยังขาดข้อมูล และความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ดังกล่าว เช่น แสงเหนือคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ไหนบรรยากาศเหมาะสมกับการถ่ายรูป เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้เอง ที่เราได้รวบรวมข้อมูล และคำตอบที่ นักเดินทางต่างต้องทราบเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม และโอกาศที่จะได้เก็บภาพที่สวยงาม และพบกับมหัศจรรย์ของโลก
What is Northern Light ?

ข้อมูลจาก “สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)” และ “National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)” สามารถสรุปได้ว่า แสงเหนือ (Aurora Borealis) เกิดจากการที่อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากพระอาทิตย์ (โปรตรอน และอิเล็กตรอน) ได้เดินทางเข้าสู่ขั่วโลกด้วยความเร็วสูง ซึ่งอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ได้เดินทางเข้ามาในขั้วโลกนี้จะถูกเร่งความเร็วขึ้นไปอีกด้วยสนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ที่มีลักษณะเป็นแผ่นเหนือชั้นบรรยากาศโลก) ทำให้เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้านั้นเข้าพุ่งชนพร้อมส่งพลังงานให้กับอะตอมต่าง ๆ ของโลก (อย่างออกซีเจน และไนโตรเจน) ส่งผลให้อะตอมเหล่านี้อยู่ในสภาวะพลังงานสูง และต้องปลดปล่อยพลังงานนั้นออกมาในรูปแบบ แสง เช่น อะตอมออกซิเจนจะปล่อยแสงสีเขียว และสีแดง ในขณะที่ไนโตรเจนปล่อยแสงสีฟ้าและสีแดงเข้ม เป็นต้น ทั้งนี้ปรากฎการณ์แสงเหนือสามารถเกิดขึ้นเหนือพื้นโลกประมาณ 80 – 500 กม.
Where & When to Watch Northern Lights
แน่นอนว่ายิ่งขึ้นขั้วโลกเหนือไปมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาศได้รับชมแสงเหนือมากขึ้น แต่นั้นไม่ถูกต้องสะทีเดียว เพราะความเป็นจริงแล้วนั้น ปรากฎการณ์แสงเหนือนั้นจะมีโอกาศปรากฎขึ้นตามค่าพายุแม่เหล็ก KP ในพื้นที่ โดยวัดได้จาก 0 – 9 ซึ่งยิ่งขึ้นเหนือ ค่า KP ที่ต้องวัดได้เพื่อให้รับชมแสงเหนือได้ก็น้อยลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 7 เราก็มีโอกาศที่จะรับชมแสงเหนือ ณ ประเทศอังกฤษได้ แต่หากเราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 5 เราจะไม่สามารถรับชมแสงเหนือ ในอังกฤษ ได้ แต่สามารถรับชมได้ในนอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นั้นเอง โดยภาพจาก “NOAA” ข้างล่างนี้จะทำให้เข้าใจในคอนเซปต์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้ เมื่อนำมารวมกับบรรยากาศการท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้วยแล้ว พื้นที่ที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ จึงได้แก่ ประเทศ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน อลาสก้า และแคนาดา ทั้งนี้เราได้รวบรวมเมืองที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ ไว้ให้ท่านแล้ว ดังนี้
- Tromso : ดังที่สุดในนอร์เวย์สำหรับการรับชมแสงเหนือ ภายในเมืองมีโปรแกรมตามล่าแสงเหนือมากมายให้ท่านได้เลือกรับชม
- Lofoten Islands : ให้คุณได้ชมแสงเหนือบนทัศนียภาพที่เหนือคำบรรยาย
- Senja : ให้คุณได้ชมแสงเหนือที่งดงามท่ามกลางเทือกเขาอลังการณ์ พร้อมสะท้อนแสงเหนือบนเหล่าฟยอร์ดของนอร์เวย์
ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับความมหัศจรรย์ของโลกนี้เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม – มีนาคม เลยที่เดียว และนี้คือตัวอย่างปรากฏการณ์แสงเหนือในนอร์เวย์ในช่วงดังกล่าว
Northern Lights Forecast
ถึงแม้ว่าดวงจะเป็นส่วนหนึ่งทีสำคัญเป็นอย่างมากในการตามล่าแสงเหนือ แต่การคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และอุปกรณ์ในการพยากรณ์ปรากฏการณ์แสงเหนือ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน (รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้คาดการณ์เมฆ เพราะเมฆหนาจะบดบังแสงเหนือได้) และนี้คือแอปพลิเคชัน กับเว็บไซต์อัพเดทอย่าง Real – Time บนระบบแผนที่ “Oval Prediction System” ที่จะเพิ่มโอกาศให้กับคุณได้ออกไปตามล่าเสียเหนือไม่เสียเที่ยว และไม่ผิดหวัง
• Space Weather Prediction Center : เว็บไซต์ทางการจาก NOAA ที่พยากรณ์อากาศ และความเป็นไปได้ที่จะได้รับชมแสงเหนือได้ พร้อมรับชม Aural Oval แบบ Real – Time ได้ เพียงแค่กดเพลย์เท่านั้น
• Space Weather Live – Website : เว็บไซต์นี้เปรียบเสมือนไบเบิ้ลสำหรับนักล่าแสงเหนือเลยก็ว่าได้ เพราะเว็บนี้ได้รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดไว้มากกว่า อย่างการแสดงค่า KP เป็นกราฟต่าง ๆ เลยทีเดียว
• My Aurora Forecast : แอปพลิเคชั่นที่นักเดินทางโหวตให้ว่ามีออฟชั่นครบที่สุด ซึ่งจุดเด่นรวมไปถึงการแสดงค่า KP จนถึงความสามารถประมาณการโอกาศที่จะได้เจอแสงเหนือเป็น เปอร์เซนต์ ได้ด้วย
• Northern Eye Aurora Forecast : ตัวแอปพลิเคชั่นมีการใช้งานเหมือนกับ My Aurora Forecast แต่มีระบบพิเศษขึ้นมาสองระบบ คือ ความสามารถตั้งค่าแจ้งเตือน และการกำหนดเจาะจงพื้นที่ที่เราต้องการตรวจสอบมากกว่าหนึ่งจุดได้
How to Photograph Northern Lights

Legends of Northern Lights

แน่นอนว่าแสงเหนือได้มีการปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทำให้มีความเชื่อต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับแสงเหนือด้วยเช่นกัน และการท่องเที่ยวที่ดีนั้นควรมีเรื่องเล่าอยู่เสมอเพื่อเพิ่มอรรถรสของการท่องเที่ยวในแต่ละทริปให้มีความคลาสสิก ซึ่งการที่รู้ถึงตำนานของแสงเหนือจะทำให้การรับชมของคุณกับครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อน มีความโรแมนติกเป็นอย่างมากเมื่อรับชมร่วมกัน และตำนานเหล่านั้นมีรายละเอียดดังนี้
- ชาวกรีกโบราณ : ในอดีตคงมีเหตุการณ์ โซลาร์ ครั้งใหญ่ขึ้น ขนาดที่ทำให้ชาวกรีกโบราณสามารถรับชมแสงเหนือได้ กลายเป็นเหตุให้ชาวกรีกเชื่อว่าแสงเหนือนั้นคือ เทพ Aurora ผู้เป็นน้องสาวของ Helios และ Seline (เทพแห่งพระอาทิตย์ และพระจันทร์) เป็นคนออกวิ่งรถลากหลากสีของนางไปบนท้องฟ้าเพื่อแจ้งเตือนพี่ ๆ ของ ตน ถึง “วันใหม่”
- ชาวญี่ปุ่น : ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการมีทายาทร่วมกันภายใต้แสงเหนือนั้น จะทำให้ทายาทของตนหน้าตาดี เฉลียวฉลาด และโชคดีเป็นอย่างมาก
- ชาวจีนโบราณ : แน่นอนว่าการที่ชาวจีนโบราณจะรับชมแสงเหนือได้นั้น ต้องเกิดเหตุการณ์โซลาร์ที่ใหญ่กว่าครั้งชาวกรีกโบราณ ที่มีโอกาศเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วนั้นชาวจีนโบราณที่พบเห็นต่างก็เชื่อว่า เป็นมังกร และในบางพื้นที่ก็เชื่อว่าแสงเหนือนั้นแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว
- ชาวนอรส์ (Norse) : ชาวนอร์ส เชื่อว่าแสงเหนือคือสะพานไบฟรอสต์ (Bifrost Bridge) ที่จะเปิดขึ้นเพื่อนำทางเหล่านักรบในสงครามได้ขึ้นไปพักผ่อนอย่างสุขสบายใน วัลฮาลล่า (Valhalla)
- ชาวสวีเดน : ชาวสวีเดนเชื่อเสมอว่าการเห็นแสงเหนือเป็นรางดี ที่แจ้งให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ในการประมง และการเกษตร
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : globalgemz, capturetheatlas
สนใจท่องเที่ยว ประเทศนอร์เวย์ >>>
02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> http://bit.ly/2GY4jIr
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
อ้างอิง :