เกร็ดความรู้สำหรับนักเดินทาง ลึกแต่ไม่ลับ กับรายละเอียดที่หลายท่านอาจจะคาดไม่ถึง

Switzerland : Get Natural

สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต และคุณจะต้องตกหลุมรักประเทศนี้ทันทีเมื่อคุณมาถึง จนคุณต้องคิดถึงอยากหวนกลับมาทุกปี ด้วยเพราะสวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศที่จะโอบล้อมคุณด้วยความสวยงาม บรรยากาศสดชื่น มองไปทางไหนก็สะอาดตางดงามทุกสัมผัส และยังเป็นประเทศที่จะให้คุณสัมผัสทุกอย่างที่คุณวาดฝันยุโรปไว้อีกด้วย เช่น ยอดภูเขาสูงตระหง่านปกคลุมด้วยหิมะ ทะเลสาบน้ำใส เมืองยุคกลางที่ยังคงสภาพให้บรรยากาศคลาสสคิค ท่งหญ้าเขียวขจี และหมู่บ้านเล็กสีสันงดงาม ทั้งหมดนี้เหมือนยกทั้งยุโรปมาไว้ให้คุณแล้วในประเทศเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของ เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล ที่ต้องคอยอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่เสมอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกท่าน ทั้งใหม่ และเก่า ได้สัมผัสกับสวิตเซอร์แลนด์ครบจบในที่เดียวกับเร้นจ์ อินเตอร์ ฯ รวบถึงการได้กลับไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ และสัมผัสสิ่งใหม่ ๆ เสมอ กับ สถานที่ ดังต่อ ไปนี้

#Ebenalp and Berggasthaus Aescher
หนึ่งในเส้นทางเดินเขาที่จะให้คุณได้เห็นทัศนียภาพของ แคว้น Appenzell ทั้งหมด ในระหว่างที่เดินเขาเองนั้นยังได้สัมผัสบรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย ผ่านฟาร์มน่ารัก มากมาย ให้คุณได้รู้สึกถึงความเรียบง่ายลงตัว จนเมื่อคุณเดินมาถึง เกสต์เฮ้าส์ริมผา อายุกว่า 170 ปี Berggasthaus Aescher ที่จะต้องทำให้คุณสงสัยแน่นอนว่าสามารถลากซุง และไม้ขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้ได้อย่างไร ปัจจุบันยังคงเปิดบริการ และเป็นจุดพักเดินเขาที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะคาเฟ่ของเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้เป็นหนึ่งในคาเฟ่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีทัศนียภาพงดงามมากที่สุด เพียงแค่คุณสั่งกาแฟมาสั่งแก้วท่ามกลางบรรยากาศ และทัศนียภาพ เท่านี้ก็มั่นใจได้ว่าคุณจะต้องหวนกลับมาที่นี้อีกครั้งอย่างแน่นอน

#SEEALPSEE
ทะเลสาบบนเทือกเขาแอลป์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ และสามารถพบได้ในเขต Alpstein เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเขาที่เมื่อคุณค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามายังบริเวณทะเลทราบคุณจะตกหลุมรักทันทีกับทัศนียภาพของเทือกเขาที่สะท้อนกับทะเลสาบใสงดงาม โดยรอบทะเลสาบยังล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี และฟาร์มเล็ก ๆ น่ารัก และวัวพันธุ์ ให้บรรยากาศชนบทในแบบที่เหมือนนิยายอีกด้วย เป็นเสน่ห์ที่คุณต้องตกหลุมรักทุกครั้งเมื่อเดินมาถึงทะเลสาบแห่งนี้

#Diavolezza
ยอดเขา DIAVOLZEZZA สูง 2,978 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล บนยอดเขาคุณจะสามารถชมวิวของธารน้ำแข็งอายุนับหมื่นปีได้โดยง่ายกว่ายอดเขาอื่น ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมาย อย่างเช่น ระเบียงแบบพาโนรามาที่สวยงาม สถานที่บริการแช่น้ำร้อนอ่าง Jacuzzi และ VR Diavolezza ประสบการณ์เสมือนจริงที่สูงที่สุดในโลก เส้นทางเดินเขามากมาย และ ยังสามารถพบเจอแพะภูเขาที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติได้อีกด้วย

#Deltapark Vitalresort
โรงแรมสุพีเรียร์ใหม่และทันสมัยมาก เปิดให้บริการในฤดูใบไม้ผลิปี 2559 ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบริมทะเลสาบ “THUN” ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ 90,000 ตร.ม. ห้องพักที่ทันสมัย ​​ ห้องอาหารสี่แห่งที่ให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพตามฤดูกาล บ่อน้ำร้อนเพื่อสุขภาพครบวงจร และห้ามพลาดกับกิจกรรม Surfboard กลางใจทะเลสาบ THUN  อีกด้วย

#Oeschinensee
ทะเลสาบ Oeschinen เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และมักตกเป็นเรื่องถกกันระหว่างนักท่องเที่ยวว่าทะเลทสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบกลางใจภูเขาที่สวยที่สุดในเทือกเขาแอลป์ อีกทั้งยังมี ร้านอาหารบนภูเขาบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ ซึ่งห้ามพลาดเป็นอันขาดกับการว่ายน้ำเขียวมรกตท่ามกลางหุบเขา หรือการพายเรือใจกลางทะเลสาบ ประสบการณ์พักผ่อนที่ Oeschinen กำลังรอมอบให้กับคุณอยู่

#Lavaux
ไร่องุ่นแบบขั้นบันได บนพื้นที่มากกว่า 800 เฮกตาร์  ณ ภูมิภาคยูเนสโก ลาโวซ์ (Lavaux) เป็นพื้นที่ไร่องุ่นที่อยู่ติดกันที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมทิวทัศน์อันตระการตา และคุณยังสามารถพบกับครอบครัวชาวไร่องุ่นกลุ่มผู้สนับสนุนในการดูแลรักษามรดกโลกนี้ด้วย ประกอบด้วย ทัวร์เที่ยวชมสถานที่ปลูกองุ่น ชิมไวน์พร้อมของว่างเล็กน้อย และไวน์หนึ่งขวดเป็นของที่ระลึก สถานที่แห่งนี้จะให้บรรยากาศเรียบหรูอย่างมาก

#Viamala Gorge
หุบเขาลึกลงไป กว่า 300 เมตร อดีตใช้เป็นที่สัญจรของพ่อค้าจากทางเหนือและใต้ของประเทศ แต่ปัจจุบันเป็นจุดหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยวให้ได้มาสัมผัสความงดงามของหุบเขาเวียมาลาแห่งนี้ อีกทั้งยังมีสะพานเก่าแก่ที่สร้างในปี 1739 ตั้งอยู่ภายในหุบเขา อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเส้นทางผ่านบันไดกว่า 300 ขั้นเพื่อชมความน่าอัศจรรย์ของหุบเขาเวียมาลา


 

#Lugano
ลูกาโนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในทุกช่วงฤดู ด้วยเพราะตัวเมืองถูกล้อมรอบไว้ด้วยภูเขา ที่สำคัญยังตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูกาโน ที่นี่จึงเป็นเมืองที่ทั้งน่ารักและสุนทรีย์เมืองหนึ่ง จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

 

#Aletsch Glacier
ธารน้ำแข็ง ที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยมีความยาวถึง 22 กิโลเมตร ยาวที่สุดในบรรดาทุ่งน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ทั้งยุโรป และหนา 700 เมตรโดยไม่เคยละลาย (หากอากาศเปิดท่านจะสามารถมองเห็นธารน้ำแข็งทั้งหมดได้อย่างชัดเจน) โดยมีจุดชมวิวบนยอดเบททเมอร์ฮอร์น (Bettmerhorn)  ที่จะให้การเดินเขาของคุณขึ้นมาจุดนี้คุ้มค่าอย่างมากกับทัศนียภาพอันงดงามเหลือเชื่อ


#Zermatt
เมืองที่มีภูเขา Matterhorn อันโด่งดังปกคลุมให้บรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆ ทำให้บ้านเรือนที่เกือบทุกหลังยังคงความเป็นสวิสแท้ๆ ทำด้วยไม้ และหินหลังคาจั่ว มีปล่องควัน และหน้าต่างบานคู่ที่ทาสีตัดกับตัวตึกอีกทั้งยังมีร้านค้าแบรนด์เนมมากมายที่ตกแต่งตามแบบบ้านสวิส ฯ แท้อีกด้วย

 

 

South Africa : A World in One Country

แอฟริกาใต้ ประเทศที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจสำหรับผู้เดินทางหลายคนหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่จะมามอบประสบการณ์ และสถานที่ทัศนียภาพอันน่าทึ่ง มากมายตลอดทั้งปีนอกจากนี้แอฟริกาใต้ยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะประเทศนี้มีครบจบที่เดียวตั้งแต่ชายหาดที่สวยงาม เขตสงวนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภูเขาอันตระการตา เมืองที่มีความซับซ้อนสนามรบที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พื้นที่กึ่งทะเลทรายขนาดใหญ่และขนาดเล็ก พื้นที่เปิดโล่งกว้าง ไปจนถึงกิจกรรมผจญภัยสุดมันส์อีกมากมายด้วยเหตุนี้ ประเทศแอฟริกาใต้ จึงเป็นประเทศที่มากมายด้วย การผจญภัย ที่พักและสถานที่ที่จะทำให้ประสบการณ์ท่องเที่ยว แอฟริกา ของคุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน และทั้งหมดนี้ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล จำกัด ได้ จัดทำรายการท่องเที่ยว Best in South Afica ที่จะมามอบประสบการณ์ดังต่อไปนี้

1. PANORAMIC ROUTE 


หนึ่งในเส้นทางที่งดงาม และอลังการณ์ที่สุดของโลก ที่จะนำพาคุณผ่านไปยังจุดชมวิว Graskop Gorgeลิฟท์แห่งเดียวในซีกโลกใต้ที่ล้ำสมัยและจะนำพาคุณขึ้นไปสู่ยอดผาอันงดงาม จากนั้นเส้นทางนี้จะนำคุณไปสู่ Blyde River Canyonที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงของ Eastern Transvaal Drakensberg(ภูมิภาคที่สวยสุดในแอฟริกาใต้)เป็นหุบผาที่เกิดจากการไหลของแม่น้ำไบลด์เซาะภูเขาเป็นเวลาหลายพันปี จนได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3ของสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ อันจะมาให้คุณได้เก็บรูปภาพงดงามเหนือจินตนาการมากมายเป็นความทรงจำแสนโรแมนติกอย่างแน่นอน

2. ซาฟารี

แม้จะมีซาฟารีอยู่ในหลายประเทศ แต่ Kruger National Parkเป็นอุทยาน เพียงแห่งเดียวที่เป็นเขตสงวนที่ใหญ่ที่สุดในโลก(ซึ่งมีอาณาเขตร่วมกับประเทศโมซัมบิก และซิมบับเวอีกด้วย)ให้คุณได้สัมผัสทัวร์ผจญภัยแบบส่วนตัวเพื่อชมชีวิตสัตว์ป่าอันอุดมสมบูรณ์และงดงามท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก อีกทั้งยังมีการขึ้น Balloon ยามเช้าอีกมุมหนึ่งของซาฟารีที่จะทำให้คุณตระการตากับชีวิตยามเช้าของเหล่าสัตว์ป่าจากมุมสูงที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน

3. โรงแรม และ แคมป์บ้านพักหรู คัดพิเศษ

แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่นอกจากจะมีโรงแรม และแคมป์บ้านพักหรูให้คุณได้พักผ่อนอย่างปลอดภัย สะดวกสบายครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยแล้วนั้นแต่ยังมีการบริการที่เอาใจใส่กว่ามูลค่าที่จ่ายอย่างแน่นอนอีกทั้งในบางโรงแรมอย่าง “Palace of the Lost City at Sun CityResort” ในรายการ Best in South Africa ของบริษัท ฯ นั้นยังเป็นโรงแรมที่ดึงความเป็นแอฟริกาใต้ออกมาอย่างขีดสุด หรูหราและบริการที่คุณไม่ผิดหวังเป็นอันขาดอีกด้วยและยังมีบ้านพักกลางซาฟารีมากมายที่ทั้งงดงาม และบริการดียิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวหลายแห่งอีกด้วย

4. CAPE TOWN

หนึ่งในสามเมืองอันยิ่งใหญ่ของแอฟริกาใต้ เมืองชายทะเลอันแสนงดงาม ที่ Table Mountainปูไว้เป็นฉากหลังของ เมือง เป็นทัศนียภาพที่คุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนอีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของแอฟริกาใต้ตามแนวชายฝั่งและชายหาดในบริเวณใกล้เคียงมากมาย อย่างเช่นทัวร์ชม และสถานที่อย่าง “Victoria & Alfred Waterfront”พื้นที่ริมชายฝั่งที่ให้คุณได้สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกสไดล์โคโลเนียล(Colonial)

5. กิจกรรมการผจญภัยอันหลากหลายรูปแบบ

การออกผจญภัยไปในประเทศแอฟริกาใต้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่การออกไปชมซาฟารีเท่านั้นโดยเฉพาะสำหรับท่านที่รักจะเก็บทุกความสวยงาม และประสบการณ์ที่ประเทศแห่งนี้จะมอบให้ได้แล้วนั้นท่านต้องห้ามพลาดกับกิจกรรม อย่าง Cape Sidecar Adventures ที่จะพาคุณแล่นไปบนเส้น Chapman’sPeak เส้นทางที่ตัดผ่านภูเขา ชายฝั่งคาบมหาสมุทรแอตแลนติก และทิวทัศน์อันงดงามอีกมากมายรวมไปถึงการเดินเขาแบบง่าย ไปตามเส้นทางสู่ Cape Point จุดเชื่อมระหว่ามหาสมุทรอินเดีย และแอแลนติกเพื่อสัมผัสกับทิวทัศน์ และบรรยากาศที่เชื่อว่าจะนำโชค และความหวังดีอันเลื่องลือมาให้สำหรับผู้ที่กำลังข้ามผ่านระหว่างโลกตะวันออก และ ตะวันตก

6. เพนกวิน

ประเทศแอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่เพียงคุณออกเดินไปตามชายหาด ก็สามารถรับชม นกเพนกวิน 3,000ตัว ที่อาศัยอยู่รอบๆ หาดโบลเดอร์ส (Boulders Beach) ในเมืองเคปทาวน์ได้ด้วยเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นอาณานิคมของฝูงนกเพนกวินพันธุ์แอฟริกัน JACKASSขนาดเล็กแสนน่ารักนับพันตัวที่ มีลักษณะเท้าเป็นสีดา เปลือกตาสีชมพูให้คนรักนกเพนกวินได้เต็มอิ่มกับความน่ารักนี้อย่างสะดวกสบาย

7. อาหาร และไวน์รสเลิศ

ด้วยอาหารพื้นเมืองแอฟริกาใต้นั้นได้รับอิทธิพลทั้งจากยุโรปและเอเชียในช่วงยุค “Colonial”จึงเป็นเหตุให้แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่ปรุงเนื้อหลากประเภทได้อร่อยมาก ไม่ว่าจะในรูปแบบบาร์บีคิว ย่างสเต็ก หรือตุ๋น แอฟริกาใต้มีชื่อเสียงอย่างมากในการปรุงเนื้อด้วยเทคนิคพิเศษนอกจากนี้แอฟริกาใต้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์อีกด้วย ที่จะมาเสริมประสบการณ์ Fine Diningของคุณอย่างที่สุด

8. ราคาคุ้มค่า

แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่สินค้าต่าง ๆ มี ราคาถูกทำให้สามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวผจญภัยแบบ “luxury” ได้มากกว่าหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมห้าดาว,แคมป์สุดหรู, หรือ Luxury Game Lodgeดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นคุณก็สามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ประหยัด และคุณจะไม่ผิดหวังกับการบริการที่เหนือกว่าราคาที่คุณได้จ่ายไปอย่างแน่นอนซึ่งทั้งหมดนี้แหละที่ทำให้ประเทศแอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างยกให้เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวมีความสุขที่สุดเมื่อมาเยือน และได้ถือตำแหน่งประเทศต้องมาเยือนติดกันมาแล้วหลายปีซ้อน

การบินไทยขานรับเปิดประเทศ ผ่านแพ็กเกจ “Time To Gold” มูลค่า 350,000 บาท

การบินไทยจัดแพ็กเกจ “Time to Gold” ขานรับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมจัดขอบคุณลูกค้าและสมาชิก รอยัล ออร์คิด พลัส ผ่านแพ็กเกจ “Time to Gold” ที่จะสามารถให้ลูกค้า และสมาชิกสามารถรับสถานภาพบัตรทอง พร้อมเครดิตเงินสำหรับการชำระค่าบัตรโดยสาร (Air Ticket Cash Credit Voucher) ของการบินไทย และไทยสมายล์มูลค่า 350,000 รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ของสถานภาพบัตรทองครบครัน ทั้งจากการบินไทย และ “Star Alliance” ดังนี้

สิทธิประโยชน์จากการบินไทย

 

  1. ทุกครั้งที่ได้รับสถานภาพบัตรทอง หรือรักษาสถานภาพ รับทันทีโบนัส 5,000  ไมล์ ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้การรักษาสถานภาพนั้นต้องสะสม “Quality Miles” กับการบินไทย ไทยสมายล์ และสายการบิน Star Alliance ให้ได้ครบ 50,000 ไมล์ ใน ระยะเวลา 12 เดือน หรือ 80,000 ไมล์ ในระยะเวลา 24 เดือน เมื่อสะสมครบท่านจะได้รับโบนัสเพิ่มอีก 5,000 ไมล์ / ครั้ง

  1. อภินันทนาการอัพเกรดชั้นโดยสารเที่ยวบินไป – กลับระหว่างประเทศของการบินไทย และไทยสมายล์ สูงสุด 2 ครั้ง ที่จะให้คุณได้สามารถอัพเกรดชั้นโดยสารเป็นลำดับชั้นโดยสารถัดไป ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ Royal Silk และการเดินทางอย่างสะดวกสบายที่จะให้คุณได้รู้สึกประสบการณ์รักเท่าฟ้าของการบินไทย ทั้งนี้ท่านจะได้รับสิทธิ์อภินันทนาการอัพเกรดครั้งแรกโดยอัตโนมัติเมื่อท่านได้รับสถานภาพสมาชิกบัตรทอง อย่างไรก็ตามสำหรับสิทธิ์อภินันทนาการอัพเกรดชั้นโดยสารครั้งที่สองนั้น ท่านจะได้รับอภิสิทธิ์เมื่อท่านสะสมไมล์เอกสิทธิ์ครบ 50,000 ไมล์ และอภินันทนาการอัพเกรดชั้นโดยสารไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ และมีค่าธรรมเนียมในการใช้สิทธิ์รายละเอียดคลิกที่นี่
  2. สิทธิ์ในการใช้ห้องรับรอง รอยัล ซิลค์ คลาส ของการบินไทยทั่วโลก และห้องรับรองพิเศษของสายการบินไทยสมายล์ พร้อมผู้ติดตาม 1 ท่าน ทั้งนี้ผู้ติดตามจะต้องเป็นผู้ที่เดินทางกับสายการบินไทย หรือไทยสมายล์ที่เป็นเที่ยวบินเดียวกันเท่านั้น
  3. สิทธิ์ในการใช้ห้องรับรอง รอยัล ซิลค์ คลาส ของการบินไทยทั่วโลก และห้องรับรองพิเศษของสายการบินไทยสมายล์ พร้อมผู้ติดตาม 1 ท่าน ทั้งนี้ผู้ติดตามจะต้องเป็นผู้ที่เดินทางกับสายการบินไทย หรือไทยสมายล์ที่เป็นเที่ยวบินเดียวกันเท่านั้น

ไม่เพียงเท่านี สถานภาพบัตรทอง ยังมอบสิทธิประโยชน์จากสายการบินพันธมิตร Star Alliance ให้การเดินทางรอบโลกของคุณมีความสะดวกสบาย ผ่อนคลายจากการที่บางครั้งท่านมีความจำเป็นที่จะต้องรอขึ้นเครื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมไปถึงสิทธิต่าง ๆ มากมายที่จะอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน น้ำหนักสัมภาระ และการสำรองที่นั่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้

สิทธิประโยชน์จากการบินไทยและสายการบินพันธมิตร สตาร์ อัลไลแอนซ์

  1. สิทธิ์ในการเช็คอิน ณ เคาน์เตอร์ที่มีเครื่องหมาย Star Alliance Gold
  2. สิทธิ์ในการเพิ่มน้ำหนักกระเป๋าอีก 20 กิโลกรัมจากน้ำหนักที่ระบุบนบัตรโดยสาร เมื่อพิจารณากระเป๋าเป็นจำนวนน้ำหนัก หรือสิทธิ์ในการเพิ่มจำนวนกระเป๋าอีก 1 ชิ้น เมื่อพิจารณากระเป๋าเป็นจำนวนชิ้น
  3. สิทธิ์ในการได้รับตรวจสอบความปลอดภัยสัมภาระและหนังสือเดินทางในช่อง Gold Track ในบางสนามบิน รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
  4. อภินันทนาการ ในการใช้ห้องรับรอง สตาร์ อัลไลแอนซ์ ทั่วโลก ที่มีเครื่องหมาย สตาร์ อัลไลแอนซ์ โกลด์ สำหรับสมาชิกบัตรทอง และผู้ติดตาม 1 ท่าน เพียงท่านแสดงบัตรโดยสารที่ท่านชำระเงินแล้ว พร้อมบัตรสมาชิกบัตรทองและบัตรขึ้นเครื่องบินของท่านและผู้ติดตาม
  5. สิทธิ์ในการขึ้นเครื่องก่อน
  6. สิทธิ์ในการรับสัมภาระก่อน
  7. สิทธิ์การได้ที่นั่งก่อนในขณะทำการสำรองที่นั่ง หรือในขณะรอที่สนามบิน เมื่อท่านรอการยืนยันในกรณีที่เที่ยวบินที่นั่งเต็ม

     * สิทธิ์การได้ที่นั่งก่อนในขณะรอที่สนามบิน ขึ้นอยู่กับกฏหมายในเรื่องการอนุญาตให้รอที่สนามบินของแต่ละประเทศ

วิธีการซื้อ “TIME TO GOLD PACKAGE”

1.สมัครสมาชิก Royal Orchid Plus ที่ thaiairway.com/rop

2. ลงทะเบียน และกรอกรายละเอียดผู้ซื้อ และผู้รับสิทธิ์ ที่ thaiairways.com

3. ตรวจสอบข้อมูลลงทะเบียน และชำระเงิน

4. เมื่อทำการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับใบเสร็จ และ “Air Ticket Cash Voucher” ทางอีเมล โดยท่านสามารถนำมาแลกบัตรโดยสารผ่านทาง
– thaiairways.com
         – THAI Contact Center 02 356 1111
          – สำนักงานขายบัตรโดยสารทั่วโลก

5.แพ็กเกจ และบัตร “Time to Gold” จะถูกจัดส่งทางไปรษณีย์

 

ดังนั้นห้ามพลาดเป็นอันขาดกับ แคมเปญ ‘TIME TO GOLD’ สุดพิเศษที่รวม “Air Ticket Cash Voucher” มูลค่า 350,000 บาท พร้อมสถานะสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส โกลด์ 2 ปี ฟรี บริการที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางอันแสนวิเศษผ่านสิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ที่เหนือชั้นของการบินไทย

ทั้งนี้ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล จำกัด ยังได้เปิดเส้นทางที่ใช้สายการบิน Thai Airways ให้คุณได้ใช้สิทธิประโยชน์ เพื่อรักษาสถานภาพบัตรทอง เสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวยุโรปของคุณ กับรายการทัวร์ที่คัดสรร และสุด Exclusive ดังต่อไปนี้

แนวทางและนโยบายการคัดเลือกโรงแรมของ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล ตลอด 25 ปี ในวงการทำธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว ได้ยึดถือแนวนโยบายการคัดสรรสิ่งต่างๆ ให้กับลูกค้าอย่างพิถีพิถัน ซื่อสัตย์ ตรงไป ตรงมา เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจให้มากที่สุด และได้พัฒนาการบริการให้ดีขึ้นตลอดเวลา นำข้อเสนอแนะจากลูกค้า มาพัฒนา และต่อยอด เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดย นโยบายเลือกโรงแรมของ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์ ฯ มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

1.คัดเลือกแบรนด์ชั้นนำ 4 – 5 ดาว รีวิว 8 – 10 ขึ้นไปจากลูกค้า
บริษัท เร้นจ์ ฯ คัดเลือกโรงแรมด้วยการเลือก แบรนด์ที่เชื่อถือได้ในระดับสากล 4-5 ดาว เช่น Hilton, Sheraton, NH Collection หรือแบรนด์ท้องถิ่นชั้นนำ และต้องมีรีวิวระดับ 8-10 จากลูกค้า นอกจานี้ยังต้องเป็นโรงแรมที่มีมาตราฐานสูงในทุกด้าน รวมถึงความปลอดภัย ต่อชีวิตและทรัพย์สินในระหว่างการเข้าพักอาศัย (ระบบความปลอดภัยสูง)

2.เลือกโรงแรมจากสถานที่ตั้ง
สถานที่ตั้งโรงแรมจะต้องเป็นสถานที่ตั้งที่ดีที่สุด เช่น โรงแรมตั้งติดทะเลสาบ พร้อมอัพเกรดเป็นห้องวิวทะเลสาบทุกห้อง เพื่อความเท่าเทียมกันของลูกค้า สถานที่มีวิวภูเขาเป็นเอกลักษณ์ และจัดเลือกโรงแรมที่เห็นวิวภูเขานั้น ๆ ทุกห้องเช่นกัน เป็นต้น ส่วนในเรื่องที่มีสถานที่เดินเล่นนั้น บริษัท ฯ คัดเลือกโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมือง เพื่อความสะดวกในการเดินเล่น และช้อปปิ้ง ทั้งนี้ ก่อนการวางขายทัวร์ ทางบริษัทจะทำการจองโรงแรมเหล่านั้นให้เรียบร้อย ให้ท่านมั่นใจได้ว่าจะได้พักโรงแรมตามโปรแกรมแน่นอน

3.คัดเลือกขนาดห้องพัก
ขนาดของห้องพักต้องมีขนาด 20 ตารางเมตร หรือมากกว่า เพื่อความสะดวกในการใช้สอย นอกจากนี้คุณภาพของห้องพักจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สะอาด และปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล

4.คุณภาพอาหารเช้า
คุณภาพของอาหารเช้า จะต้องมีให้เลือกหลากหลาย และต้องไม่ถูกแยกออกจากห้องหลัก (Main Function) ของโรงแรม หรือถูกลดคุณภาพ และปริมาณอาหารลง

5.สรรหาโรงแรมใหม่ มอเดิร์น ทันสมัย
บริษัท ฯ ไม่เคยหยุดสรรหาโรงแรมใหม่ที่ทันสมัย เน้นดีไซส์หรูหรา เพื่อเพิ่มอรรถรสในการพักผ่อน อยู่เสมอ  และ “ เรายึดมั่นคำสัญญา ตรงไปตรงมา 25 ปี เป็นประกัน”

 

ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์ยุโรป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :

 

 

 

ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างหลงไหลไปกับแสงเหนือ (Aurora Borealis, Northern Light)  ครั้งแรกที่ได้เห็นจากในรูปภาพ หรือจากในสารคดี จนวันหนึ่งถึงกับต้องลุกขึ้นมาวางแผนเพื่อไปประสบปรากฏการณ์อันวิเศษนี้ด้วยตนเองเลยทีเดียว  แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกเดินทางไปนั้น บางท่านต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากยังขาดข้อมูล และความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ดังกล่าว เช่น แสงเหนือคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ไหนบรรยากาศเหมาะสมกับการถ่ายรูป เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้เอง ที่เราได้รวบรวมข้อมูล และคำตอบที่ นักเดินทางต่างต้องทราบเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม และโอกาศที่จะได้เก็บภาพที่สวยงาม และพบกับมหัศจรรย์ของโลก

 

What is Northern Light ?

ข้อมูลจาก “สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)” และ “National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)” สามารถสรุปได้ว่า แสงเหนือ (Aurora Borealis) เกิดจากการที่อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากพระอาทิตย์ (โปรตรอน และอิเล็กตรอน) ได้เดินทางเข้าสู่ขั่วโลกด้วยความเร็วสูง ซึ่งอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ได้เดินทางเข้ามาในขั้วโลกนี้จะถูกเร่งความเร็วขึ้นไปอีกด้วยสนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ที่มีลักษณะเป็นแผ่นเหนือชั้นบรรยากาศโลก) ทำให้เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้านั้นเข้าพุ่งชนพร้อมส่งพลังงานให้กับอะตอมต่าง ๆ ของโลก (อย่างออกซีเจน และไนโตรเจน) ส่งผลให้อะตอมเหล่านี้อยู่ในสภาวะพลังงานสูง  และต้องปลดปล่อยพลังงานนั้นออกมาในรูปแบบ แสง เช่น อะตอมออกซิเจนจะปล่อยแสงสีเขียว และสีแดง ในขณะที่ไนโตรเจนปล่อยแสงสีฟ้าและสีแดงเข้ม เป็นต้น ทั้งนี้ปรากฎการณ์แสงเหนือสามารถเกิดขึ้นเหนือพื้นโลกประมาณ 80 – 500 กม.

 

Where & When to Watch Northern Lights

 แน่นอนว่ายิ่งขึ้นขั้วโลกเหนือไปมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาศได้รับชมแสงเหนือมากขึ้น แต่นั้นไม่ถูกต้องสะทีเดียว เพราะความเป็นจริงแล้วนั้น ปรากฎการณ์แสงเหนือนั้นจะมีโอกาศปรากฎขึ้นตามค่าพายุแม่เหล็ก KP ในพื้นที่ โดยวัดได้จาก 0 – 9 ซึ่งยิ่งขึ้นเหนือ ค่า KP ที่ต้องวัดได้เพื่อให้รับชมแสงเหนือได้ก็น้อยลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 7 เราก็มีโอกาศที่จะรับชมแสงเหนือ ณ ประเทศอังกฤษได้ แต่หากเราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 5 เราจะไม่สามารถรับชมแสงเหนือ ในอังกฤษ ได้ แต่สามารถรับชมได้ในนอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นั้นเอง โดยภาพจาก “NOAA” ข้างล่างนี้จะทำให้เข้าใจในคอนเซปต์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้ เมื่อนำมารวมกับบรรยากาศการท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้วยแล้ว พื้นที่ที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ จึงได้แก่ ประเทศ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน อลาสก้า และแคนาดา ทั้งนี้เราได้รวบรวมเมืองที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ ไว้ให้ท่านแล้ว ดังนี้

  • Tromso : ดังที่สุดในนอร์เวย์สำหรับการรับชมแสงเหนือ ภายในเมืองมีโปรแกรมตามล่าแสงเหนือมากมายให้ท่านได้เลือกรับชม
  • Lofoten Islands : ให้คุณได้ชมแสงเหนือบนทัศนียภาพที่เหนือคำบรรยาย
  • Senja : ให้คุณได้ชมแสงเหนือที่งดงามท่ามกลางเทือกเขาอลังการณ์ พร้อมสะท้อนแสงเหนือบนเหล่าฟยอร์ดของนอร์เวย์

ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับความมหัศจรรย์ของโลกนี้เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม – มีนาคม เลยที่เดียว และนี้คือตัวอย่างปรากฏการณ์แสงเหนือในนอร์เวย์ในช่วงดังกล่าว

 

 

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Global Gemz (@globalgemz) on

 

Northern Lights Forecast

ถึงแม้ว่าดวงจะเป็นส่วนหนึ่งทีสำคัญเป็นอย่างมากในการตามล่าแสงเหนือ แต่การคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และอุปกรณ์ในการพยากรณ์ปรากฏการณ์แสงเหนือ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน (รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้คาดการณ์เมฆ เพราะเมฆหนาจะบดบังแสงเหนือได้)  และนี้คือแอปพลิเคชัน กับเว็บไซต์อัพเดทอย่าง Real – Time บนระบบแผนที่ “Oval Prediction System”  ที่จะเพิ่มโอกาศให้กับคุณได้ออกไปตามล่าเสียเหนือไม่เสียเที่ยว และไม่ผิดหวัง

Space Weather Prediction Center : เว็บไซต์ทางการจาก NOAA ที่พยากรณ์อากาศ และความเป็นไปได้ที่จะได้รับชมแสงเหนือได้ พร้อมรับชม Aural Oval แบบ Real – Time ได้ เพียงแค่กดเพลย์เท่านั้น

Space Weather Live – Websiteเว็บไซต์นี้เปรียบเสมือนไบเบิ้ลสำหรับนักล่าแสงเหนือเลยก็ว่าได้ เพราะเว็บนี้ได้รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดไว้มากกว่า อย่างการแสดงค่า KP เป็นกราฟต่าง ๆ เลยทีเดียว

My Aurora Forecast : แอปพลิเคชั่นที่นักเดินทางโหวตให้ว่ามีออฟชั่นครบที่สุด ซึ่งจุดเด่นรวมไปถึงการแสดงค่า KP จนถึงความสามารถประมาณการโอกาศที่จะได้เจอแสงเหนือเป็น เปอร์เซนต์ ได้ด้วย

Northern Eye Aurora Forecast : ตัวแอปพลิเคชั่นมีการใช้งานเหมือนกับ My Aurora Forecast แต่มีระบบพิเศษขึ้นมาสองระบบ คือ ความสามารถตั้งค่าแจ้งเตือน และการกำหนดเจาะจงพื้นที่ที่เราต้องการตรวจสอบมากกว่าหนึ่งจุดได้

 

How to Photograph Northern Lights

 

Legends of Northern Lights

แน่นอนว่าแสงเหนือได้มีการปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทำให้มีความเชื่อต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับแสงเหนือด้วยเช่นกัน และการท่องเที่ยวที่ดีนั้นควรมีเรื่องเล่าอยู่เสมอเพื่อเพิ่มอรรถรสของการท่องเที่ยวในแต่ละทริปให้มีความคลาสสิก ซึ่งการที่รู้ถึงตำนานของแสงเหนือจะทำให้การรับชมของคุณกับครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อน มีความโรแมนติกเป็นอย่างมากเมื่อรับชมร่วมกัน และตำนานเหล่านั้นมีรายละเอียดดังนี้

  • ชาวกรีกโบราณ : ในอดีตคงมีเหตุการณ์ โซลาร์ ครั้งใหญ่ขึ้น ขนาดที่ทำให้ชาวกรีกโบราณสามารถรับชมแสงเหนือได้  กลายเป็นเหตุให้ชาวกรีกเชื่อว่าแสงเหนือนั้นคือ เทพ Aurora ผู้เป็นน้องสาวของ Helios และ Seline (เทพแห่งพระอาทิตย์ และพระจันทร์) เป็นคนออกวิ่งรถลากหลากสีของนางไปบนท้องฟ้าเพื่อแจ้งเตือนพี่ ๆ ของ ตน ถึง “วันใหม่”
  • ชาวญี่ปุ่น : ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการมีทายาทร่วมกันภายใต้แสงเหนือนั้น จะทำให้ทายาทของตนหน้าตาดี เฉลียวฉลาด และโชคดีเป็นอย่างมาก
  • ชาวจีนโบราณ : แน่นอนว่าการที่ชาวจีนโบราณจะรับชมแสงเหนือได้นั้น ต้องเกิดเหตุการณ์โซลาร์ที่ใหญ่กว่าครั้งชาวกรีกโบราณ ที่มีโอกาศเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วนั้นชาวจีนโบราณที่พบเห็นต่างก็เชื่อว่า เป็นมังกร และในบางพื้นที่ก็เชื่อว่าแสงเหนือนั้นแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว
  • ชาวนอรส์ (Norse) : ชาวนอร์ส เชื่อว่าแสงเหนือคือสะพานไบฟรอสต์ (Bifrost Bridge) ที่จะเปิดขึ้นเพื่อนำทางเหล่านักรบในสงครามได้ขึ้นไปพักผ่อนอย่างสุขสบายใน วัลฮาลล่า (Valhalla)
  • ชาวสวีเดน : ชาวสวีเดนเชื่อเสมอว่าการเห็นแสงเหนือเป็นรางดี ที่แจ้งให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ในการประมง และการเกษตร

 

รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel

ขอขอบคุณ : globalgemz, capturetheatlas

สนใจท่องเที่ยว ประเทศนอร์เวย์  >>> ? 02-059-0400-3 

สนใจท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> http://bit.ly/2GY4jIr

ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :

อ้างอิง :

คุณกำลังวางแผนเดินทางเที่ยวยุโรป แล้วหวังที่จะทำการช้อปปิ้งให้คุ้มค่ากับการเดินทางด้วยใช่รึไม่ ? และยังไม่ทราบว่าควรจะเดินทางช่วงไหนดี หรือประเทศไหนดีในยุโรปถึงจะได้สินค้าแบรนด์เนมในราคาสุดคุ้ม  ถ้าเช่นนั้นแล้วข้อมูลที่สำคัญที่สุดสำหรับการวางแผนของคุณได้ถูกรวบรวมไว้ที่นี้แล้ว โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของการจัดงาน “Sales” ในยุโรปนั้นแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ “Summer” และ “Winter” ซึ่งใน 2 ช่วงดังกล่าวนี้สินค้าแบรนด์เนมคุณภาพจะลดราคาค่อนข้างมาก ทำให้นักเดินทางต้องวางแผนซื้อสินค้าที่ตนอยากได้จริง ๆ ให้ดีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เพื่อให้การเดินทางของคุณมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อต้องแวะไปช้อปปิ้ง บล็อกนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่วงฤดูกาลเซลส์, ช่วงเวลา, และเมืองต่าง ๆ ในยุโรปที่ขึ้นคุณต้องไปช้อปให้ได้ไว้ให้คุณแล้ว ดังต่อไปนี้

 

ถนน อ็อกฟอร์ด (Oxford Street)

When

Summer Sales : ปลายมิถุนายน ถึงกลางกรกฎาคม

Winter Sales : ปลายธันวาคม ถึงกลางมกราคม

Why

ลอนดอนเป็นเมืองที่มีนักเดินทางมาเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะเป็นเมืองที่มีเขตการช้อปปิ้งเยอะ และสินค้าแฟชั่นก็มีหลากหลายแนวที่มีคุณภาพสูง ดังนั้นคุณจะได้พบกับแบรนด์ชั้นนำ และสินค้าออกแบบโดยดีไซนเนอร์ชั้นนำได้ที่เมืองแห่งนี้

Locations

  • ถนน บอนด์ (Bond Street) | ถนนที่ “Fashionista” ทุกคนต้องไป
  • ถนน อ็อกฟอร์ด (Oxford Street) | ร้านค้ามากกว่า 300 ร้าน และเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก พร้อมที่จะให้คุณเจอกับประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้ง
  • ตลาด คอนเว้นท์ การ์เด้น (Convent Garden Market) | สถานที่ที่จะให้คุณได้พบกับสินค้าแบรนด์เนมที่มีความเรียบหรู
  • ถนน คาร์นาบี้ (Carnaby Street) | ถนนแห่งนี้รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมอาคารที่งดงาม และมีร้านค้ามากมายที่จะทำให้การช้อปปิ้งของคุณตื่นตาตื่นใจ

 

อาฟว์นูว์ เด ช็อง เซลีเซ (Avenue des Champs Elysées)

When

Summer Sales : ปลายมิถุนายน ถึง ต้นสิงหาคม

Winter Sales : ต้น มกราคม ถึง กลางกุมภาพันธ์

Why

ปารีส เมืองหลวงของงานศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง (Haute Couture) จุดศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับแฟชั่น ที่แค่เฉพาะการช้อปปิ้งก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านให้เข้ามาใช้วันหยุดในเมืองหลวงแห่งนี้ได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นบ้านของแบรนด์หรูต่าง ๆ รวมถึงคอลเล็คชั้นเครื่องประดับหรูอื่น ๆ อีกด้วย

Locations

  • อาฟว์นูว์ เด ช็อง เซลีเซ (Avenue des Champs Elysées) | อาฟว์นูว์ ฯ นี้นอกจากจะเป็นบ้านของแบรนด์เนมหรู อย่าง Louis Vuitton, Mont-Blanc, Guerlain เป็นต้น แต่ที่แห่งนี้ยังมีสีสรร และความหลากหลายที่พร้อมจะทำให้การช้อปปิ้งของคุณเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม
  • เลอ มาเรส์ (Le Marais) | ย่านแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับช้อปปิ้งเป็นอันดับต้น ๆ ของเมือง โดยเมืองเป็นแหล่งของสินค้าวินเทจ เสื้อโค๊ต และ รองเท้า
  • อาฟว์นูว์ เด เทอร์นส (Avenue des Ternes) | สวรรค์ของคนรักกระเป๋า และเสื้อผ้าแบรนด์หรู อีกทั้งอาฟว์นูว์ ฯ แห่งนี้เป็นย่านที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักช้อปปิ้ง

 

วีอา มอนเต้ นาโปเลียน (Via Monte Napoleone)

When

Summer Sales : ต้นกรกฎาคม ถึง กลางสิงหาคม

Winter Sales : ต้นมกราคม ถึง ต้นมีนาคม

Why

มิลาน หนึ่งในเมืองหลวงแห่งวงการแฟชั่น และแหล่งรวมตัวของดีไซนเนอร์ชื่อดัง เป็นเมืองที่มากมายด้วยร้านของเหล่าดีไซนเนอร์ และเอ้าต์เล็ท (Outlet) รวมทั้งยังเป็นบ้านของแบรนด์เนมงานศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง (Haute Couture) อย่าง Armani, Prada, Versace, Roberto Cavalli อีกด้วย

Locations

  • วีอา มอนเต้ นาโปเลียน (Via Monte Napoleone) | ร้านค้าบูติก และร้านของเหล่าดีไซนเนอร์บนถนนแห่งนี้จะทำให้ประสบการณ์ในการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Armani, Gucci, และ Prada เป็นการประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ “Exclusive”
  • คอร์โซ วิตโตริโอ้ เอ็มมานูเอล II (Corso Vittorio Emanuele II) | ถนนแห่งนี้เป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากสำหรับสินค้าแบรนด์เนม และ เครื่องประดับบูติคต่าง ๆ

 

โคหล์มารค์ต (Kohlmarkt)

When

Summer Sales : กลางกรกฎาคม ถึง ปลายสิงหาคม

Winter Sales : ปลายธันวาคม ถึง ปลายมกราคม

Why

เวียนนาคือความฝันที่จะมาเติมเต็มความเป็น “Fashionista” ในตัวของนักเดินทางทุกคน และ ณ ที่แห่งนี้คุณจะได้พบกับร้านบูติคระดับสูง กับงาน”Haute Couture” ที่มีความหลากหลาย และมีเอกลักษณ์ ทำให้เวียนนาเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องมาช้อปในยุโรป

Locations

  • โคหล์มารค์ต (Kohlmarkt) | ย่านช้อปปิ้งที่เป็นจุดรวมของเครื่องเพชร “High End”และโด่งดังที่สุดในดาวน์ทาวน์เวียนนา ซึ่งคุณจะได้พบกับแบรนด์เครื่องเพชรดัง อย่าง Wagner, Bucherer, Schullin, Cartier, Chopard, Tiffany และ Wellendorf ทำให้ที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า “Golden U”
  • มาเรียฮิลเฟอร์สตราวส์ (Mariahilferstrasse) | หนึ่งในย่านช้อปปิ้งหลักของเวียนนาที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมไว้ รวมทั้งคาเฟ่ และภัตตาคาร ให้คุณได้แวะพักเหนื่อยจากการเดินช้อปปิ้ง

 

พีซี ฮูฟสตรัต (P.C. Hooftstraat)

When

Summer Sales : ทั้งเดือนกรกฎาคม

Winter Sales : ทั้งเดือนมกราคม

Why

ด้วยห้างสรรพสินค้าที่มากมายด้วยสินค้า Exclusive อัมสเตอร์ดัมแห่งนี้จะทำให้นักเดินทางต้องควักเงินออกมาช้อปปิ้งแน่นอน

Locations

  • ถนน คัลเวอร์สตรัต (Kalverstraat) | บนถนนแห่งนี้คุณจะได้พบกับร้านค้าระดับ Exclusive มากมาย อย่าง Paul Warmer, Filipa K, Shoebaloo และเอ้าต์เล็ต (Outlet) เช่น H&M, Zara, Esprit, Pull & Bear
  • พีซี ฮูฟสตรัต (P.C. Hooftstraat) | ถนนที่รวบรวมร้านแบรนด์หรูไว้ อย่าง Chanel, Louis Vuitton, DKNY
  • เดอ บีเอียนคอร์ฟ (De Bijenkorf) | สถานที่ที่รวบรวมร้านค้าแบรนด์ชั้นนำไว้ให้คุณ
  • เดอ เนเกน สตรัตเจส (De Negen Straatjes) | สำหรับผู้ที่มีความสนใจในงานศิลปะ เครื่องเพชร และสินค้าวินเทจ ย่านแห่งนี้คือที่ ๆ คุณตามหาอยู่

 

ห้างสรรพสินค้า คาเดวี (KaDeWe)

When

Summer Sales : ปลายกรกฎาคม ถึง ต้นสิงหาคม

Winter Sales : ปลายมกราคม ถึง ต้นกุมภาพันธ์

Why

เบอร์ลิน เมืองหลวง และสวรรค์ของนักช้อปปิ้งในเยอรมณี ณ เมืองแห่งนี้คุณจะได้พบกับศูนย์รวมของสินค้าแบรนด์หรู ยี่ห้อดัง และสินค้าคุณภาพราคาเป็นกันเองที่มากมายไปทุกทิศทาง

Locations

  • ห้างสรรพสินค้า คาเดวี (KaDeWe) | ห้างใหญ่โออ่าแห่งนี้คือศูนย์รวมของสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ผสมผสานกับสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แกลเลอรี่ ลาฟาเยต (Galaries Lafayette) | ห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมสินค้าแบรนด์ชั้นนำไว้

 

ถนน ดร็อทนิงกาทัน (Drottninggatan)

When

Summer Sales : กรกฎาคม ถึง สิงหาคม

Winter Sales : ปลายธันวาคม ถึง ต้นมกราคม

Why

งานดีไซน์แบบ “clean lines” เรียบหรู ของชาวสแกนดิเนเวียเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งไม่เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของ H&M และ IKEA ทำให้ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของสินค้าแฟชั่นที่มีความเรียบง่าย แต่เก๋ ให้คุณได้ช้อปมากมาย ดังนั้นหากคุณตั้งใจจะมาช้อปที่นี้แล้ว คุณควรเตรียมกระเป๋าเพิ่มไว้ต่างหากอีกด้วย

Locations

  • ถนน ดร็อทนิงกาทัน (Drottninggatan) | ราชินีแห่งถนนช้อปปิ้งแห่งนี้ได้รวบรวมร้านค้าแฟชั่นแบรนด์เนมไว้อย่าง H&M, Monki, Zara, Gina Tricot, Salt ไว้ให้คุณแล้ว อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้า Ahléns ที่เป็นศูนย์รวมเครื่องสำอางค์สำหรับคุณผู้หญิงอีกด้วย
  • ไบบริโอเทคสแตน (Bibliotekstan) | ย่านแฟชั่นของสต็อคโฮล์ม ที่รวบรวมแบรนด์เนมดังอย่าง Filipa K, Tiger of Sweden, Prada, Louis Vuitton 
  • อีเกีย (IKEA) | เข้าเมืองตาหลี่ว ต้องหลิ่วตาตาม ดังนั้นเมื่อมาถึงบ้านเกิดแล้วก็ต้องเข้าไปชมต้นฉบับให้ได้เช่นกัน ซึ่งคุณจะได้พบกับ IKEA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับสินค้ามากมายกายกองให้คุณเลือก จนคุณเพลิดเพลินไปกับการช้อปจนลืมเวลาเลยก็เป็นได้

 

ถนน โคโลนากิ (Kolonaki Street)

When

Summer Sales : สิงหาคม ถึง กันยายน

Winter Sales : มกราคม ถึง กุมภาพันธ์

Why

ดาวน์ทาวน์เมืองเอเธนส์ คือสถานที่ที่นักช้อปปิ้งตัวจริงยังต้องหลงไหล เพราะเมืองแห่งนี้ได้รวบรวมย่านการค้าไว้หลากหลายรูปแบบไปทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า ถนนการค้า สถานที่เหล่านี้จะทำให้การช้อปปิ้งของคุณไม่มีวันเบื่อ อีกทั้งตัวเมืองยังมากมายด้วยคาเฟ่ให้คุณได้หยุดพักจากการช้อปปิ้งอีกด้วย

Locations

  • พลาก้า (Plaka) | ย่านเก่าแก่ที่สุดในเอเธนส์แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและจุดช้อปปิ้ง ที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความคลาสสิก
  • ถนน เออร์มู (Ermou) | ถนนแห่งนี้เหมาะกับนักเดินทางที่กำลังมองหา เสื้อผ้า ผ้าต่าง ๆ และรองเท้าคุณภาพในราคากันเอง
  • ถนน โคโลนากิ (Kolonaki Street) | ย่านที่รวบรวมร้านค้าของเหล่าดีไซนเนอร์

 

 

รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel

สนใจท่องเที่ยวยุโรป คลิ๊ก >>> ทัวร์ยุโรป 

ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”

ทัวร์ยุโรป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :

                   ปัจจุบันเมื่อเราเดินทางไปประเทศยุโรป หรือประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศในยุโรป เรามักจะได้รับประทานอาหารที่รสชาติเข้มข้น จนบางครั้งรู้สึกเค็มเกินไปสำหรับเรา ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยบ้านของเราเป็นอย่างมากที่มีหลากหลายรสชาติที่มีทั้งเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน เข้ามาตัดกัน ซึ่งความแตกต่างนี้เริ่มตั้งแต่การปรุงอาหาร เช่น การปรุงเนื้อ หรือสเต็ก โดยที่ยุโรปต้องปรุงด้วย เกลือ เนยเค็ม พริกไทยดำ และต้นไทม์ แล้วรับประทานพร้อมกับจิบไวน์ แต่ของไทยเรานั้นนอกจากจะหมักเนื้อด้วย ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำตาล แล้ว ยังต้องทำน้ำจิ้มรสจัดเพิ่มอีกด้วย ตรงจุดนี้เองเราคงจะเริ่มเห็นความแตกต่างในรสชาติบ้างแล้ว เพราะเช่นนั้นการเดินทางไปยุโรปในแต่ละครั้งนั้นควรเข้าใจในประวัติการปรุงอาหารของยุโรป วัฒนธรรม และแนวทางการรับประทานอาหาร เพื่อให้การเดินทางในแต่ละครั้งของท่านมีความพร้อม และเปิดโอกาสให้กับตนเองได้ลิ้มลองอาหารในมุมมองใหม่ ๆ

ความแตกต่างของรสชาติอาหารในยุโรป กับเอเชีย

                 จาก การค้นคว้า โดย Yong-Yeol Ahn, Sebastian E. AhnertJames P. Bagrow และ Albert-László Barabási มีผลลัพท์เห็นได้ชัดเจนว่าการปรุงแต่งอาหารของชาวยุโรปนั้นใส่ส่วนประกอบปรุงอาหารให้รสชาติไปในทางเดียวกัน เพื่อชูรสชาติกันและกัน ซึ่งแนวความคิดการปรุงอาหารนี้เกิดขึ้นเพราะ ในยุโรปยุคกลางนั้นเครื่องปรุง และเครื่องเทศเป็น ส่วนประกอบปรุงแต่งอาหารสำหรับชนชั้นสูง แต่ต่อมาในยุโรปยุคตั้งอาณานิคมมีการเปลี่ยนแปลงในการปรุงอาหารครั้งใหญ่เกิดขึ้น เพราะเครื่องปรุงต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามาในทวีปยุโรปจากประเทศอินเดีย และอเมริกา  จนทำให้แม้แต่ชนชั้นล่างก็สามารถปรุงแต่งอาหารในแต่ละมื้อของตนได้ คำถามคือ “แล้วอะไรกันที่เป็นสาเหตุให้การปรุงแต่งอาหารของชาวยุโรปเป็นอย่างทุกวันนี้ ?” คำตอบอยู่ที่ชนชั้นสูงในยุคตั้งอาณานิคมที่ต้องการแบ่งแยกความแตกต่างในชนชั้น เพราะการเสิร์ฟสตูว์ที่มีการปรุงแต่งไม่ใช้สัญลักษณ์สำหรับคนมีฐานะอีกต่อไปในยุคนั้น ด้วยเหตุนี้ชนชั้นสูงจึงหันไปใช้วิธีต่อไปนี้ เพื่อยกระดับการทำอาหารยุโรปแท้

ภาพปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ โดยชนชั้นล่างในห้องครัวยุโรป ช่วงปี 1600 Paul Lacroix/Wikimedia

1.  ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับศิลปะในการปรุงแต่งอาหาร – กล่าวคือการทำอาหารยุโรปแท้ ๆ นั้นไม่ใช่แค่ใส่เครื่องปรุงลงไปเพื่อปรุงอาหารเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเนื้อต้องรสชาติเหมือนเนื้อ และเครื่องปรุงที่เติมนั้นคือเพื่อชูรสชาติเนื้อนั้นเท่านั้น โดยความคิดนี้เริ่มต้นในชนชั้นสูงฝรั่งเศส ในช่วงปี 1600 และมีอิทธิพลแพร่หลายไปยังชนชั้นสูงประเทศอื่น ๆ (เหมือนแฟชั้นเลยก็ว่าได้) และยังมีอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน โดยเราจะเห็นได้ในภัตตาคารห้าดาวชั้นนำต่าง ๆ ทั้งในยุโรป และอเมริกา

2. การปรุงซอสอาหาร – ในขณะที่ชาวเอเชียเรานั้นโฟกัสที่ซอสมากกว่าเนื้อ (เหมือนกินเนื้อก็ต้องขาดแจ่วไม่ได้ หรือกินอาหารทะเลต้องมีน้ำจิ๊มซีฟู้ดเสมอ) อาหารชาวยุโรปแท้ ๆ เองนั้นได้ปรับปรุงการมีซอสไว้เพื่อชูรสชาติของเนื้อ ส่งผลให้รสชาติเนื้อเข้มข้นขึ้น เพราะสำหรับชาวยุโรปแล้ว อาหารจานหลักที่เป็นใจสำคัญจะต้องถูกปรุงแต่งให้ออกมาอร่อยที่สุด เช่น หากจานหลักเป็นเนื้อวัว ซอสต้องทำหน้าที่ให้เนื้อวัวเข้มข้นอร่อยที่สุด อย่างที่เห็นเป็นประจำในรายการอาหารชั้นนำของโลกที่จะต้องกำหนดส่วนประกอบหลักในแต่ละจานก่อน

ผักและมันอบไม่ได้รับการชูรสชาติด้วยซอสเหมือนเนื้อ

3. ความแตกต่างในการใช้เครื่องปรุงชูรสชาติ – สังเกตได้ว่าอาหารส่วนใหญ่จะโรยเกลือ เพราะเกลือสำหรับชาวยุโรปทำหน้าที่เพิ่มรสชาติอาหาร แต่อาจจะทำให้รู้สึกเค็มเกินไปสำหรับชาวเอเชีย ที่คุ้นเคยกับการรับประทานอาหารรสชาติตัดกันมากกว่า ซึ่งเห็นได้ชัดในการจัดโต๊ะภัตตาคารอาหารชั้นนำจะไม่ค่อยมีเครื่องปรุงวางไว้ เพราะเชื่อว่าผู้ทำอาหารได้ปรุงแต่งชูรสชาติให้อร่อยแล้ว แต่บ้านเราต้องมีการปรุงเพิ่มให้เข้ากับรสชาติที่ตนชอบ จึงมีน้ำตาล พริก น้ำสมสายชู อยู่บนโต๊ะอาหารด้วย เป็นต้น

คำแนะนำในการรับประทานอาหารยุโรป

                    จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าการปรุงอาหารของยุโรปนั้นจะเพื่อชูรสชาติจานหลัก อย่างทอดไข่ อบมัน ที่เป็นเครื่องเขียงก็ใส่เกลือ และเนยเค็ม เพื่อให้เข้ากับเนื้อจานหลัก ในขณะที่ผักจะไม่ค่อยได้รับการปรุงเหมือนอาหารในแถบเอเชีย แต่เพื่อให้รับประทานอาหารอร่อยควรปฏิบัติดังนี้

1. รับประทานอาหารคู่กับขนมปัง – หากเราชาวเอเชียลองนึกคิดว่าเราต้องกินซุปเนื้อตุ๋นที่เข้มข้นแล้ว เราจะต้องนึกถึงข้าว เพื่อให้ความเข้มข้นอ่อนลงมาพอดีรับประทานอร่อย เช่นเดียวกับอาหารในยุโรปที่จะมีขนมปังร้อน ๆ ไว้บนโต๊ะเสมอเช่นเดียวกัน เพื่อให้นักเดินทางเอเชียสามารถประยุกต์นำมาใช้แทนข้าวเพื่อลดความเข้มข้นของเมนูอาหารยุโรปให้รู้สึกอร่อย ไม่เค็มได้เช่นกัน

ขนมปังในเมนูอาหารยุโรป

2. สั่งแนวทางรสชาติอาหารที่ตนชอบกับพนักงานรับออเดอร์ – ด้วยภัตตาคารชั้นนำจะมักไม่วางเครื่องปรุงเพิ่มเติมให้ ดังนั้นการสั่งอาหารควรแจ้งเจ้าหน้าที่พนักงานเพื่อแจ้งเชฟถึงลักษณะรสชาติที่ตนชอบไว้ก่อนล่วงหน้า

3. สอบถามเจ้าหน้าที่พนักงาน – ยกตัวอย่างฝรั่งที่รับประทานเมี่ยงปลาเผาครั้งแรก จะทานให้อร่อยก็คงต้องถามเราเหมือนกัน ดังนั้นอย่าเขินอายที่จะสอบถามวิธีการรับประทานอย่างถูกต้องครับ และวัฒนธรรมชาวตะวันตกนั้น เซอร์วิสชั้นนำรวมถึงการแนะนำอาหาร ด้วย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ภัตตาคารทุกที่จึงมีความยินดีที่จะแนะนำท่านทุกที่

เจ้าหน้าที่พนักงานแนะนำอาหาร

 

รวบรวมข้อมูล และเรียบเรียง โดย Reign International Travel

อ้างอิงจาก :

  1. Yong-Yeol AhnSebastian E. AhnertJames P. Bagrow & Albert-László Barabási, Scientific Reports volume1, Article number: 196 (2011)
  2. Singh, M., How Snobbery Helped Take The Spice Out Of European Cooking (2015)

จัดแจงซื้อทัวร์ยุโรปเพื่อเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสความประทับใจไว้เป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นทัวร์แกรนด์สวิตเซอร์แลนด์ 9 วัน ต่อด้วยทัวร์ฝรั่งเศส โพรวองส์ อิตาลีต่ออีก10 วัน ทุกอย่างเตรียมพร้อมไร้ปัญหา แต่ทุกครั้งก่อนคุณเดินทางท่องเที่ยวไปในต่างประเทศ สิ่งที่หลายๆคนแก้ปัญหานี้ไม่ตก คือการจัดกระเป๋าเดินทางใช่หรือเปล่า? วันนี้เร้นจ์ฯ จึงมีวิธีดีๆ ที่จะช่วยให้คุณเลิกวิตก และลืมไปเลยว่าสิ่งนี้เคยเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ มาดูกันดีกว่าว่า 10 สุดยอดวิธีจัดกระเป๋าเดินทางฉบับมือโปรต้องทำอย่างไรบ้าง

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในประเทศยอดนิยมของทัวร์ยุโรป ทัวร์ต่างประเทศ ดินแดนชวนฝันของใครหลายคน เต็มไปด้วยความงดงามที่ไร้การปรุงแต่งพร้อมให้คุณได้สูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ โอบล้อมไปด้วยเทือกเขา และดอกไม้นานาชนิด เป็นแหล่งสกีในฤดูหนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยังพกความเก๋าด้วยความเป็นบ้านเกิดของนาฬิกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย แต่หลายท่านก็อาจจะสงสัย และคงตั้งคำถามในใจเสมอว่า…

สวิสเซอร์แลนด์ เป็นประเทศที่แปลกและมีเอกลักษณ์มาก ประเทศเล็กๆ แต่มีภาษาราชการถึงสี่ภาษานั่นก็คือ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน และโรมาเนสก์ จึงเป็นที่มาของประเทศที่มีชื่อเรียกถึง 4 แบบซึ่งก็คือ Schweiz, Suisse, Svizzera และ svizra