Switzerland : Get Natural
สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต และคุณจะต้องตกหลุมรักประเทศนี้ทันทีเมื่อคุณมาถึง จนคุณต้องคิดถึงอยากหวนกลับมาทุกปี ด้วยเพราะสวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นประเทศที่จะโอบล้อมคุณด้วยความสวยงาม บรรยากาศสดชื่น มองไปทางไหนก็สะอาดตางดงามทุกสัมผัส และยังเป็นประเทศที่จะให้คุณสัมผัสทุกอย่างที่คุณวาดฝันยุโรปไว้อีกด้วย เช่น ยอดภูเขาสูงตระหง่านปกคลุมด้วยหิมะ ทะเลสาบน้ำใส เมืองยุคกลางที่ยังคงสภาพให้บรรยากาศคลาสสคิค ท่งหญ้าเขียวขจี และหมู่บ้านเล็กสีสันงดงาม ทั้งหมดนี้เหมือนยกทั้งยุโรปมาไว้ให้คุณแล้วในประเทศเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของ เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล ที่ต้องคอยอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่เสมอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกท่าน ทั้งใหม่ และเก่า ได้สัมผัสกับสวิตเซอร์แลนด์ครบจบในที่เดียวกับเร้นจ์ อินเตอร์ ฯ รวบถึงการได้กลับไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ และสัมผัสสิ่งใหม่ ๆ เสมอ กับ สถานที่ ดังต่อ ไปนี้
#Ebenalp and Berggasthaus Aescher
หนึ่งในเส้นทางเดินเขาที่จะให้คุณได้เห็นทัศนียภาพของ แคว้น Appenzell ทั้งหมด ในระหว่างที่เดินเขาเองนั้นยังได้สัมผัสบรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย ผ่านฟาร์มน่ารัก มากมาย ให้คุณได้รู้สึกถึงความเรียบง่ายลงตัว จนเมื่อคุณเดินมาถึง เกสต์เฮ้าส์ริมผา อายุกว่า 170 ปี Berggasthaus Aescher ที่จะต้องทำให้คุณสงสัยแน่นอนว่าสามารถลากซุง และไม้ขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้ได้อย่างไร ปัจจุบันยังคงเปิดบริการ และเป็นจุดพักเดินเขาที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะคาเฟ่ของเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้เป็นหนึ่งในคาเฟ่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีทัศนียภาพงดงามมากที่สุด เพียงแค่คุณสั่งกาแฟมาสั่งแก้วท่ามกลางบรรยากาศ และทัศนียภาพ เท่านี้ก็มั่นใจได้ว่าคุณจะต้องหวนกลับมาที่นี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
#SEEALPSEE
ทะเลสาบบนเทือกเขาแอลป์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ และสามารถพบได้ในเขต Alpstein เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเขาที่เมื่อคุณค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามายังบริเวณทะเลทราบคุณจะตกหลุมรักทันทีกับทัศนียภาพของเทือกเขาที่สะท้อนกับทะเลสาบใสงดงาม โดยรอบทะเลสาบยังล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี และฟาร์มเล็ก ๆ น่ารัก และวัวพันธุ์ ให้บรรยากาศชนบทในแบบที่เหมือนนิยายอีกด้วย เป็นเสน่ห์ที่คุณต้องตกหลุมรักทุกครั้งเมื่อเดินมาถึงทะเลสาบแห่งนี้
#Diavolezza
ยอดเขา DIAVOLZEZZA สูง 2,978 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล บนยอดเขาคุณจะสามารถชมวิวของธารน้ำแข็งอายุนับหมื่นปีได้โดยง่ายกว่ายอดเขาอื่น ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมาย อย่างเช่น ระเบียงแบบพาโนรามาที่สวยงาม สถานที่บริการแช่น้ำร้อนอ่าง Jacuzzi และ VR Diavolezza ประสบการณ์เสมือนจริงที่สูงที่สุดในโลก เส้นทางเดินเขามากมาย และ ยังสามารถพบเจอแพะภูเขาที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติได้อีกด้วย
#Deltapark Vitalresort
โรงแรมสุพีเรียร์ใหม่และทันสมัยมาก เปิดให้บริการในฤดูใบไม้ผลิปี 2559 ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบริมทะเลสาบ “THUN” ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ 90,000 ตร.ม. ห้องพักที่ทันสมัย ห้องอาหารสี่แห่งที่ให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพตามฤดูกาล บ่อน้ำร้อนเพื่อสุขภาพครบวงจร และห้ามพลาดกับกิจกรรม Surfboard กลางใจทะเลสาบ THUN อีกด้วย
#Oeschinensee
ทะเลสาบ Oeschinen เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และมักตกเป็นเรื่องถกกันระหว่างนักท่องเที่ยวว่าทะเลทสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบกลางใจภูเขาที่สวยที่สุดในเทือกเขาแอลป์ อีกทั้งยังมี ร้านอาหารบนภูเขาบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ ซึ่งห้ามพลาดเป็นอันขาดกับการว่ายน้ำเขียวมรกตท่ามกลางหุบเขา หรือการพายเรือใจกลางทะเลสาบ ประสบการณ์พักผ่อนที่ Oeschinen กำลังรอมอบให้กับคุณอยู่
#Lavaux
ไร่องุ่นแบบขั้นบันได บนพื้นที่มากกว่า 800 เฮกตาร์ ณ ภูมิภาคยูเนสโก ลาโวซ์ (Lavaux) เป็นพื้นที่ไร่องุ่นที่อยู่ติดกันที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมทิวทัศน์อันตระการตา และคุณยังสามารถพบกับครอบครัวชาวไร่องุ่นกลุ่มผู้สนับสนุนในการดูแลรักษามรดกโลกนี้ด้วย ประกอบด้วย ทัวร์เที่ยวชมสถานที่ปลูกองุ่น ชิมไวน์พร้อมของว่างเล็กน้อย และไวน์หนึ่งขวดเป็นของที่ระลึก สถานที่แห่งนี้จะให้บรรยากาศเรียบหรูอย่างมาก
#Viamala Gorge
หุบเขาลึกลงไป กว่า 300 เมตร อดีตใช้เป็นที่สัญจรของพ่อค้าจากทางเหนือและใต้ของประเทศ แต่ปัจจุบันเป็นจุดหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยวให้ได้มาสัมผัสความงดงามของหุบเขาเวียมาลาแห่งนี้ อีกทั้งยังมีสะพานเก่าแก่ที่สร้างในปี 1739 ตั้งอยู่ภายในหุบเขา อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเส้นทางผ่านบันไดกว่า 300 ขั้นเพื่อชมความน่าอัศจรรย์ของหุบเขาเวียมาลา
#Lugano
ลูกาโนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในทุกช่วงฤดู ด้วยเพราะตัวเมืองถูกล้อมรอบไว้ด้วยภูเขา ที่สำคัญยังตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูกาโน ที่นี่จึงเป็นเมืองที่ทั้งน่ารักและสุนทรีย์เมืองหนึ่ง จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
#Aletsch Glacier
ธารน้ำแข็ง ที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยมีความยาวถึง 22 กิโลเมตร ยาวที่สุดในบรรดาทุ่งน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ทั้งยุโรป และหนา 700 เมตรโดยไม่เคยละลาย (หากอากาศเปิดท่านจะสามารถมองเห็นธารน้ำแข็งทั้งหมดได้อย่างชัดเจน) โดยมีจุดชมวิวบนยอดเบททเมอร์ฮอร์น (Bettmerhorn) ที่จะให้การเดินเขาของคุณขึ้นมาจุดนี้คุ้มค่าอย่างมากกับทัศนียภาพอันงดงามเหลือเชื่อ
#Zermatt
เมืองที่มีภูเขา Matterhorn อันโด่งดังปกคลุมให้บรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆ ทำให้บ้านเรือนที่เกือบทุกหลังยังคงความเป็นสวิสแท้ๆ ทำด้วยไม้ และหินหลังคาจั่ว มีปล่องควัน และหน้าต่างบานคู่ที่ทาสีตัดกับตัวตึกอีกทั้งยังมีร้านค้าแบรนด์เนมมากมายที่ตกแต่งตามแบบบ้านสวิส ฯ แท้อีกด้วย
South Africa : A World in One Country
แอฟริกาใต้ ประเทศที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจสำหรับผู้เดินทางหลายคนหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่จะมามอบประสบการณ์ และสถานที่ทัศนียภาพอันน่าทึ่ง มากมายตลอดทั้งปีนอกจากนี้แอฟริกาใต้ยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะประเทศนี้มีครบจบที่เดียวตั้งแต่ชายหาดที่สวยงาม เขตสงวนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภูเขาอันตระการตา เมืองที่มีความซับซ้อนสนามรบที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พื้นที่กึ่งทะเลทรายขนาดใหญ่และขนาดเล็ก พื้นที่เปิดโล่งกว้าง ไปจนถึงกิจกรรมผจญภัยสุดมันส์อีกมากมายด้วยเหตุนี้ ประเทศแอฟริกาใต้ จึงเป็นประเทศที่มากมายด้วย การผจญภัย ที่พักและสถานที่ที่จะทำให้ประสบการณ์ท่องเที่ยว แอฟริกา ของคุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน และทั้งหมดนี้ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล จำกัด ได้ จัดทำรายการท่องเที่ยว Best in South Afica ที่จะมามอบประสบการณ์ดังต่อไปนี้
1. PANORAMIC ROUTE
หนึ่งในเส้นทางที่งดงาม และอลังการณ์ที่สุดของโลก ที่จะนำพาคุณผ่านไปยังจุดชมวิว Graskop Gorgeลิฟท์แห่งเดียวในซีกโลกใต้ที่ล้ำสมัยและจะนำพาคุณขึ้นไปสู่ยอดผาอันงดงาม จากนั้นเส้นทางนี้จะนำคุณไปสู่ Blyde River Canyonที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงของ Eastern Transvaal Drakensberg(ภูมิภาคที่สวยสุดในแอฟริกาใต้)เป็นหุบผาที่เกิดจากการไหลของแม่น้ำไบลด์เซาะภูเขาเป็นเวลาหลายพันปี จนได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3ของสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ อันจะมาให้คุณได้เก็บรูปภาพงดงามเหนือจินตนาการมากมายเป็นความทรงจำแสนโรแมนติกอย่างแน่นอน
2. ซาฟารี
แม้จะมีซาฟารีอยู่ในหลายประเทศ แต่ Kruger National Parkเป็นอุทยาน เพียงแห่งเดียวที่เป็นเขตสงวนที่ใหญ่ที่สุดในโลก(ซึ่งมีอาณาเขตร่วมกับประเทศโมซัมบิก และซิมบับเวอีกด้วย)ให้คุณได้สัมผัสทัวร์ผจญภัยแบบส่วนตัวเพื่อชมชีวิตสัตว์ป่าอันอุดมสมบูรณ์และงดงามท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก อีกทั้งยังมีการขึ้น Balloon ยามเช้าอีกมุมหนึ่งของซาฟารีที่จะทำให้คุณตระการตากับชีวิตยามเช้าของเหล่าสัตว์ป่าจากมุมสูงที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน
3. โรงแรม และ แคมป์บ้านพักหรู คัดพิเศษ
แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่นอกจากจะมีโรงแรม และแคมป์บ้านพักหรูให้คุณได้พักผ่อนอย่างปลอดภัย สะดวกสบายครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยแล้วนั้นแต่ยังมีการบริการที่เอาใจใส่กว่ามูลค่าที่จ่ายอย่างแน่นอนอีกทั้งในบางโรงแรมอย่าง “Palace of the Lost City at Sun CityResort” ในรายการ Best in South Africa ของบริษัท ฯ นั้นยังเป็นโรงแรมที่ดึงความเป็นแอฟริกาใต้ออกมาอย่างขีดสุด หรูหราและบริการที่คุณไม่ผิดหวังเป็นอันขาดอีกด้วยและยังมีบ้านพักกลางซาฟารีมากมายที่ทั้งงดงาม และบริการดียิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวหลายแห่งอีกด้วย
4. CAPE TOWN
หนึ่งในสามเมืองอันยิ่งใหญ่ของแอฟริกาใต้ เมืองชายทะเลอันแสนงดงาม ที่ Table Mountainปูไว้เป็นฉากหลังของ เมือง เป็นทัศนียภาพที่คุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนอีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของแอฟริกาใต้ตามแนวชายฝั่งและชายหาดในบริเวณใกล้เคียงมากมาย อย่างเช่นทัวร์ชม และสถานที่อย่าง “Victoria & Alfred Waterfront”พื้นที่ริมชายฝั่งที่ให้คุณได้สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกสไดล์โคโลเนียล(Colonial)
5. กิจกรรมการผจญภัยอันหลากหลายรูปแบบ
การออกผจญภัยไปในประเทศแอฟริกาใต้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่การออกไปชมซาฟารีเท่านั้นโดยเฉพาะสำหรับท่านที่รักจะเก็บทุกความสวยงาม และประสบการณ์ที่ประเทศแห่งนี้จะมอบให้ได้แล้วนั้นท่านต้องห้ามพลาดกับกิจกรรม อย่าง Cape Sidecar Adventures ที่จะพาคุณแล่นไปบนเส้น Chapman’sPeak เส้นทางที่ตัดผ่านภูเขา ชายฝั่งคาบมหาสมุทรแอตแลนติก และทิวทัศน์อันงดงามอีกมากมายรวมไปถึงการเดินเขาแบบง่าย ไปตามเส้นทางสู่ Cape Point จุดเชื่อมระหว่ามหาสมุทรอินเดีย และแอแลนติกเพื่อสัมผัสกับทิวทัศน์ และบรรยากาศที่เชื่อว่าจะนำโชค และความหวังดีอันเลื่องลือมาให้สำหรับผู้ที่กำลังข้ามผ่านระหว่างโลกตะวันออก และ ตะวันตก
6. เพนกวิน
ประเทศแอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่เพียงคุณออกเดินไปตามชายหาด ก็สามารถรับชม นกเพนกวิน 3,000ตัว ที่อาศัยอยู่รอบๆ หาดโบลเดอร์ส (Boulders Beach) ในเมืองเคปทาวน์ได้ด้วยเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นอาณานิคมของฝูงนกเพนกวินพันธุ์แอฟริกัน JACKASSขนาดเล็กแสนน่ารักนับพันตัวที่ มีลักษณะเท้าเป็นสีดา เปลือกตาสีชมพูให้คนรักนกเพนกวินได้เต็มอิ่มกับความน่ารักนี้อย่างสะดวกสบาย
7. อาหาร และไวน์รสเลิศ
ด้วยอาหารพื้นเมืองแอฟริกาใต้นั้นได้รับอิทธิพลทั้งจากยุโรปและเอเชียในช่วงยุค “Colonial”จึงเป็นเหตุให้แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่ปรุงเนื้อหลากประเภทได้อร่อยมาก ไม่ว่าจะในรูปแบบบาร์บีคิว ย่างสเต็ก หรือตุ๋น แอฟริกาใต้มีชื่อเสียงอย่างมากในการปรุงเนื้อด้วยเทคนิคพิเศษนอกจากนี้แอฟริกาใต้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์อีกด้วย ที่จะมาเสริมประสบการณ์ Fine Diningของคุณอย่างที่สุด
8. ราคาคุ้มค่า
แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่สินค้าต่าง ๆ มี ราคาถูกทำให้สามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวผจญภัยแบบ “luxury” ได้มากกว่าหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมห้าดาว,แคมป์สุดหรู, หรือ Luxury Game Lodgeดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นคุณก็สามารถเข้าถึงได้ในราคาที่ประหยัด และคุณจะไม่ผิดหวังกับการบริการที่เหนือกว่าราคาที่คุณได้จ่ายไปอย่างแน่นอนซึ่งทั้งหมดนี้แหละที่ทำให้ประเทศแอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างยกให้เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวมีความสุขที่สุดเมื่อมาเยือน และได้ถือตำแหน่งประเทศต้องมาเยือนติดกันมาแล้วหลายปีซ้อน
การบินไทยขานรับเปิดประเทศ ผ่านแพ็กเกจ “Time To Gold” มูลค่า 350,000 บาท
การบินไทยจัดแพ็กเกจ “Time to Gold” ขานรับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมจัดขอบคุณลูกค้าและสมาชิก รอยัล ออร์คิด พลัส ผ่านแพ็กเกจ “Time to Gold” ที่จะสามารถให้ลูกค้า และสมาชิกสามารถรับสถานภาพบัตรทอง พร้อมเครดิตเงินสำหรับการชำระค่าบัตรโดยสาร (Air Ticket Cash Credit Voucher) ของการบินไทย และไทยสมายล์มูลค่า 350,000 รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ของสถานภาพบัตรทองครบครัน ทั้งจากการบินไทย และ “Star Alliance” ดังนี้
สิทธิประโยชน์จากการบินไทย
- ทุกครั้งที่ได้รับสถานภาพบัตรทอง หรือรักษาสถานภาพ รับทันทีโบนัส 5,000 ไมล์ ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้การรักษาสถานภาพนั้นต้องสะสม “Quality Miles” กับการบินไทย ไทยสมายล์ และสายการบิน Star Alliance ให้ได้ครบ 50,000 ไมล์ ใน ระยะเวลา 12 เดือน หรือ 80,000 ไมล์ ในระยะเวลา 24 เดือน เมื่อสะสมครบท่านจะได้รับโบนัสเพิ่มอีก 5,000 ไมล์ / ครั้ง
- อภินันทนาการอัพเกรดชั้นโดยสารเที่ยวบินไป – กลับระหว่างประเทศของการบินไทย และไทยสมายล์ สูงสุด 2 ครั้ง ที่จะให้คุณได้สามารถอัพเกรดชั้นโดยสารเป็นลำดับชั้นโดยสารถัดไป ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ Royal Silk และการเดินทางอย่างสะดวกสบายที่จะให้คุณได้รู้สึกประสบการณ์รักเท่าฟ้าของการบินไทย ทั้งนี้ท่านจะได้รับสิทธิ์อภินันทนาการอัพเกรดครั้งแรกโดยอัตโนมัติเมื่อท่านได้รับสถานภาพสมาชิกบัตรทอง อย่างไรก็ตามสำหรับสิทธิ์อภินันทนาการอัพเกรดชั้นโดยสารครั้งที่สองนั้น ท่านจะได้รับอภิสิทธิ์เมื่อท่านสะสมไมล์เอกสิทธิ์ครบ 50,000 ไมล์ และอภินันทนาการอัพเกรดชั้นโดยสารไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ และมีค่าธรรมเนียมในการใช้สิทธิ์รายละเอียดคลิกที่นี่
- สิทธิ์ในการใช้ห้องรับรอง รอยัล ซิลค์ คลาส ของการบินไทยทั่วโลก และห้องรับรองพิเศษของสายการบินไทยสมายล์ พร้อมผู้ติดตาม 1 ท่าน ทั้งนี้ผู้ติดตามจะต้องเป็นผู้ที่เดินทางกับสายการบินไทย หรือไทยสมายล์ที่เป็นเที่ยวบินเดียวกันเท่านั้น
- สิทธิ์ในการใช้ห้องรับรอง รอยัล ซิลค์ คลาส ของการบินไทยทั่วโลก และห้องรับรองพิเศษของสายการบินไทยสมายล์ พร้อมผู้ติดตาม 1 ท่าน ทั้งนี้ผู้ติดตามจะต้องเป็นผู้ที่เดินทางกับสายการบินไทย หรือไทยสมายล์ที่เป็นเที่ยวบินเดียวกันเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านี สถานภาพบัตรทอง ยังมอบสิทธิประโยชน์จากสายการบินพันธมิตร Star Alliance ให้การเดินทางรอบโลกของคุณมีความสะดวกสบาย ผ่อนคลายจากการที่บางครั้งท่านมีความจำเป็นที่จะต้องรอขึ้นเครื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมไปถึงสิทธิต่าง ๆ มากมายที่จะอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน น้ำหนักสัมภาระ และการสำรองที่นั่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
สิทธิประโยชน์จากการบินไทยและสายการบินพันธมิตร สตาร์ อัลไลแอนซ์
- สิทธิ์ในการเช็คอิน ณ เคาน์เตอร์ที่มีเครื่องหมาย Star Alliance Gold
- สิทธิ์ในการเพิ่มน้ำหนักกระเป๋าอีก 20 กิโลกรัมจากน้ำหนักที่ระบุบนบัตรโดยสาร เมื่อพิจารณากระเป๋าเป็นจำนวนน้ำหนัก หรือสิทธิ์ในการเพิ่มจำนวนกระเป๋าอีก 1 ชิ้น เมื่อพิจารณากระเป๋าเป็นจำนวนชิ้น
- สิทธิ์ในการได้รับตรวจสอบความปลอดภัยสัมภาระและหนังสือเดินทางในช่อง Gold Track ในบางสนามบิน รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่
- อภินันทนาการ ในการใช้ห้องรับรอง สตาร์ อัลไลแอนซ์ ทั่วโลก ที่มีเครื่องหมาย สตาร์ อัลไลแอนซ์ โกลด์ สำหรับสมาชิกบัตรทอง และผู้ติดตาม 1 ท่าน เพียงท่านแสดงบัตรโดยสารที่ท่านชำระเงินแล้ว พร้อมบัตรสมาชิกบัตรทองและบัตรขึ้นเครื่องบินของท่านและผู้ติดตาม
- สิทธิ์ในการขึ้นเครื่องก่อน
- สิทธิ์ในการรับสัมภาระก่อน
- สิทธิ์การได้ที่นั่งก่อนในขณะทำการสำรองที่นั่ง หรือในขณะรอที่สนามบิน เมื่อท่านรอการยืนยันในกรณีที่เที่ยวบินที่นั่งเต็ม
* สิทธิ์การได้ที่นั่งก่อนในขณะรอที่สนามบิน ขึ้นอยู่กับกฏหมายในเรื่องการอนุญาตให้รอที่สนามบินของแต่ละประเทศ
วิธีการซื้อ “TIME TO GOLD PACKAGE”
1.สมัครสมาชิก Royal Orchid Plus ที่ thaiairway.com/rop
2. ลงทะเบียน และกรอกรายละเอียดผู้ซื้อ และผู้รับสิทธิ์ ที่ thaiairways.com
3. ตรวจสอบข้อมูลลงทะเบียน และชำระเงิน
4. เมื่อทำการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับใบเสร็จ และ “Air Ticket Cash Voucher” ทางอีเมล โดยท่านสามารถนำมาแลกบัตรโดยสารผ่านทาง
– thaiairways.com
– THAI Contact Center 02 356 1111
– สำนักงานขายบัตรโดยสารทั่วโลก
5.แพ็กเกจ และบัตร “Time to Gold” จะถูกจัดส่งทางไปรษณีย์
ดังนั้นห้ามพลาดเป็นอันขาดกับ แคมเปญ ‘TIME TO GOLD’ สุดพิเศษที่รวม “Air Ticket Cash Voucher” มูลค่า 350,000 บาท พร้อมสถานะสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส โกลด์ 2 ปี ฟรี บริการที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางอันแสนวิเศษผ่านสิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ที่เหนือชั้นของการบินไทย
ทั้งนี้ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล จำกัด ยังได้เปิดเส้นทางที่ใช้สายการบิน Thai Airways ให้คุณได้ใช้สิทธิประโยชน์ เพื่อรักษาสถานภาพบัตรทอง เสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวยุโรปของคุณ กับรายการทัวร์ที่คัดสรร และสุด Exclusive ดังต่อไปนี้
- Best Alsace Small Village 10 วัน รายละเอียด คลิ๊ก https://bit.ly/3z3uPvT
- Sense of the Alps 10 วัน รายละเอียด คลิ๊ก https://bit.ly/3MXSLFa
- Six Nature Iceland 15 วัน รายละเอียด คลิ๊ก https://bit.ly/3MWdCsx
- Pride of Norway 12 วัน รายละเอียด คลิ๊ก https://bit.ly/3GpMnnu
- Discovery Iceland 12 วัน รายละเอียด คลิ๊ก https://bit.ly/3t3nB7c
- Crown Sweden 10 วัน รายละเอียด คลิ๊ก https://bit.ly/3t3WYix
แนวทางและนโยบายการคัดเลือกโรงแรมของ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล ตลอด 25 ปี ในวงการทำธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว ได้ยึดถือแนวนโยบายการคัดสรรสิ่งต่างๆ ให้กับลูกค้าอย่างพิถีพิถัน ซื่อสัตย์ ตรงไป ตรงมา เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจให้มากที่สุด และได้พัฒนาการบริการให้ดีขึ้นตลอดเวลา นำข้อเสนอแนะจากลูกค้า มาพัฒนา และต่อยอด เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดย นโยบายเลือกโรงแรมของ บริษัท เร้นจ์ อินเตอร์ ฯ มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
1.คัดเลือกแบรนด์ชั้นนำ 4 – 5 ดาว รีวิว 8 – 10 ขึ้นไปจากลูกค้า
บริษัท เร้นจ์ ฯ คัดเลือกโรงแรมด้วยการเลือก แบรนด์ที่เชื่อถือได้ในระดับสากล 4-5 ดาว เช่น Hilton, Sheraton, NH Collection หรือแบรนด์ท้องถิ่นชั้นนำ และต้องมีรีวิวระดับ 8-10 จากลูกค้า นอกจานี้ยังต้องเป็นโรงแรมที่มีมาตราฐานสูงในทุกด้าน รวมถึงความปลอดภัย ต่อชีวิตและทรัพย์สินในระหว่างการเข้าพักอาศัย (ระบบความปลอดภัยสูง)
2.เลือกโรงแรมจากสถานที่ตั้ง
สถานที่ตั้งโรงแรมจะต้องเป็นสถานที่ตั้งที่ดีที่สุด เช่น โรงแรมตั้งติดทะเลสาบ พร้อมอัพเกรดเป็นห้องวิวทะเลสาบทุกห้อง เพื่อความเท่าเทียมกันของลูกค้า สถานที่มีวิวภูเขาเป็นเอกลักษณ์ และจัดเลือกโรงแรมที่เห็นวิวภูเขานั้น ๆ ทุกห้องเช่นกัน เป็นต้น ส่วนในเรื่องที่มีสถานที่เดินเล่นนั้น บริษัท ฯ คัดเลือกโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมือง เพื่อความสะดวกในการเดินเล่น และช้อปปิ้ง ทั้งนี้ ก่อนการวางขายทัวร์ ทางบริษัทจะทำการจองโรงแรมเหล่านั้นให้เรียบร้อย ให้ท่านมั่นใจได้ว่าจะได้พักโรงแรมตามโปรแกรมแน่นอน
3.คัดเลือกขนาดห้องพัก
ขนาดของห้องพักต้องมีขนาด 20 ตารางเมตร หรือมากกว่า เพื่อความสะดวกในการใช้สอย นอกจากนี้คุณภาพของห้องพักจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สะอาด และปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล
4.คุณภาพอาหารเช้า
คุณภาพของอาหารเช้า จะต้องมีให้เลือกหลากหลาย และต้องไม่ถูกแยกออกจากห้องหลัก (Main Function) ของโรงแรม หรือถูกลดคุณภาพ และปริมาณอาหารลง
5.สรรหาโรงแรมใหม่ มอเดิร์น ทันสมัย
บริษัท ฯ ไม่เคยหยุดสรรหาโรงแรมใหม่ที่ทันสมัย เน้นดีไซส์หรูหรา เพื่อเพิ่มอรรถรสในการพักผ่อน อยู่เสมอ และ “ เรายึดมั่นคำสัญญา ตรงไปตรงมา 25 ปี เป็นประกัน”
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์ยุโรป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-010-0162
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
สนใจท่องเที่ยว กับ Reign International
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-010-0162
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
การท่องเที่ยวโดยการออกสำรวจ หรือ “Expedition” นั้นเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการออกเดินทางรับชมประเทศกรีนแลนด์ (Greenland) เพราะคุณจะได้รับชมทุกจุดไฮไลท์สำคัญของประเทศที่ตระการตาเรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง อย่างชุมชนหมู่บ้านสีสันสดใสที่ตั้งอยู่บนผาสูงชันเหนือฟยอร์ดอันงดงาม, ธารน้ำแข็งที่ผลิตน้ำแข็งยักษ์ใหญ่โออ่า และเหล่าวาฬกับแมวน้ำที่ละเล่นอยู่ในทะเล ซึ่งการออกสำรวจครั้งนี้นั้นมี 3 อย่างห้ามพลาดที่จะทำให้คุณไม่มีผิดหวัง และอยากหวนกลับมาหาเส้นทางออกสำรวจอีกอย่างแน่นอน ดังนี้
SISIMIUT : The Colourful City
(Sisimiut)
เมืองแห่งสีสัน ซิซิเมียต “Sisimiut” ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่ง พร้อมกับเทือกเขาตั้งเป็นพื้นหลังของเมืองแห่งนี้ จะให้คุณได้ค้นพบว่ามอเดิร์นกรีนแลนด์นั้นเป็นอย่างไรในปัจจุบัน ส่วนเหล่าบ้าน หรืออาคารต่าง ๆ เองที่ได้รับการตกแต่งให้มีสีสันงดงามลัดเลาะเรียงรายไปตามผมชายฝั่งเองนั้น จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการสำรวจเมืองแห่งนี้อย่างอัศจรรย์ใจอย่างที่สุด
ซึ่งเมืองซิซิเมียตเองประกอบด้วยประชากร ประมาณ 5400 คน ทำให้เมืองซิซิเมียตปัจจุบันนี้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการที่เมืองแห่งนี้ได้แสดงว่ามีการอยู่อาศัยมาแล้ว ตั้งแต่ 2500 ปีก่อนคริสต์กาล (2500 BC) อีกด้วย เป็นเหตุให้
EQIP SERMIA : The Largest Glacier
(Equip Sermia)
ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก EQIP SERMIA (EQI GLACIER) แห่งนี้คือสถานที่ที่จะให้คุณได้สัมผัสธรรมชาติอันโออ่า และยิ่งใหญ่ พร้อมสัมผัส และเรียนรู้ปรากฏการณ์ธารน้ำแข็งตามธรรมชาติให้คุณซาบซึ้งถึงกลไลของธารน้ำแข็งอย่างลึกซึ้ง และชมปรากฎการณ์นั้น ๆ เกิดขึ้นจริงท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก
Eqip Sermia นั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง อิลลูลิแซต (Ilulissat) ไป 80 กม. โดยท่านจะได้ล่องเรือผ่าน น้ำทะเลที่งดงาม นิ่งสงบ และอุดมด้วยเหล่าวาฬ ทั้งนี้เรือจะจอดอยู่ในระยะที่ปลอดภัย เพื่อให้ท่านได้รับชมความยิ่งใหญ่ของปรากฎการณ์ Calving (ผาน้ำแข็งแยกตัวออกจากธารน้ำแข็ง) ที่นักสำรวจตัวจริงต้องเข้ามาสัมผัสให้ได้สักครั้ง
ILULISSAT : The Icerberg Capital
ณ เมือง อิลลูลิแซต (Ilulissat) เมืองหลวงแห่งน้ำแข็ง แห่งนี้ ทุกขณะที่คุณเดินภายในเมืองนั้น คุณจะได้เห็น และสัมผัสความงดงามอันวิจิตรของบรรยากาศที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่น้ำแข็งมหึมา ที่อยู่บนน้ำทะเลอันนิ่งสงบ เหมือนดังกับได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในภาพวาด ทันใดนั้นเองคุณจะได้ยินเสียงน้ำแข็งเคลื่อนตัวส่งเสียงก้องกังวาน ให้ความรู้สึกที่อยากจะบรรยายนอกจากจะต้องไปสัมผัสด้วยตนเองเท่านั้น
อิลลูลิแซต เป็น เมือง “UNESCO World Heritage” ที่ไม่ว่า ท่านบอกไปทางไหนก็จะได้เห็น น้ำแข็งอันมโหฬาร หรือ “Iceberg” ซึ่งไม่ว่าท่านจะรับชมจากริมฝั่ง หรือร่องเลือ น้ำแข็งในเมืองแห่งนี้จะทำให้ท่านรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อันเหลือเชื่อของธรรมชาติ ทั้งนี้การเดินเขา (Hiking) ณ เมืองแห่งนี้จะให้คุณได้เก็บภาพอันงดงามมากมาย ให้คุณนึกหวนอยากกลับมาสัมผัสกับเมืองแห่งนี้อีกครั้ง
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : Albatross Expedition, Visit Greenland
สนใจท่องเที่ยวประเทศกรีนแลนด์ กับ Reign International
Click >>> https://www.reigninter.com/home/tours/cool-summer-iceland-greenland-11tg-fi/
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Eqip Sermia – Eqi Glacier. (n.d.). doi : https://www.greenlandbytopas.com/eqip-sermia-eqi-gletsjer-uk/
ด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิก และความงามอันล้นหลามของเทือกเขาแอลป์ที่ปกคลุมเหล่าคอมเพล็กซ์โรงแรม “Bagni Vecchi di Bormio” แห่งนี้ ทำให้บอร์มิโอเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์สวยเหนือจินตนาการที่พร้อมจะทำให้การพักผ่อนของท่านเป็นที่น่าจดจำไม่ลืมเลือนอย่างแน่นอน
“Bagni Vecchi di Bormio” คอมเพล็กซ์โรงแรมสปาหรูที่สร้างขึ้นบนบ่อแช่น้ำร้อนโรมันโบราณ ที่มีประวัติการรองรับผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์มาแล้วมากมาย เช่น ‘Leonardo DaVinci’, หรือ ลูกสาวแห่งจักรพรรดิ์แห่งออสเตรีย “Archduchess Maria Carolina of Austria’ เป็นต้น เป็นโรงแรมแห่งที่ตั้งอยู่ใน ‘บอร์มิโอ’ เมืองสกีรีสอร์ตอันดับต้นของโลก จุดเชื่อมระหว่าง อิตาลี ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้โรงแรมแห่งนี้มีทัศนียภาพที่งดงามยดย้อยเป็นอย่างมาก ประกอบกับปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้มีความมอเดิร์นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิกของสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีอะไรมากมายระดับ ‘World Class’ ให้คุณได้เข้ามาลองสัมผัสด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม คอมเพล็กซ์แห่งนี้ได้ถูกจัดแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน โดยเมื่อคุณได้เดินทางไปถึงแล้วอาจจะเกิดการสับสนได้ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะจากการสำรวจโดยทีมงาน เร้นจ์ ฯ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล เราได้รวบรวมรายละเอียดในแต่ละส่วนไว้ให้คุณแล้ว ดังนี้
PART 1. QC Terme Bagni Vecchi
(อินฟินิตี้พูล กับทัศนียภาพเทือกเขาแอลป์)
โรงแรมบ่อแช่น้ำร้อนสุดหรู วิวพาโนราม่าเทือกเขาแอลป์ระดับโลก ที่ตั้งอยู่บนแหล่งน้ำธรรมชาติอันมีสรรพคุณการรักษา สถานที่ซึ่งมีเอกลักษณ์คลาสสิกเฉพาะตัวที่จะทำให้คุณต้องหวนกลับมาครั้งแล้วครั้งเหล่า
BEST VIEW ! : INIFITY POOL
ไร้ข้อกังขาเลยว่า สระน้ำ “Infinity Pool” ของ Bagni Vecchi แห่งนี้คือหนึ่งในสระน้ำร้อนที่มีทัศนียภาพงดงามที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายรูปห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะภาพ ณ สระว่ายน้ำแห่งนี้จะทำให้ อินสตาแกรม ของคุณ ระอุเป็นไฟ อย่างแน่นอน และไม่ต้องกังวลเลยว่าช่วงฤดูไหนสวยที่สุด เพราะสระน้ำแห่งนี้สวยทุกช่วงฤดูนั้นเอง
(ภาพจากชุมชน IG –> https://www.instagram.com/p/BsGW8xfjKmD/?utm_source=ig_web_copy_link)
SPA AMENITIES
Bagni Vecchi แห่งนี้ ยังมีชื่อเสียงในด้านบริการ และบ่อน้ำร้อนมาช้านานตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน โดยบ่อน้ำร้อนภายในโรงแรมแห่งนี้นั้นมีอายุมากกว่า 2000 ปี และยังถูกออกแบบเป็นลักษณะโถงถ้ำยาวเหยียดที่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำผุร้อนได้โดยตรง ให้ได้ผ่อนคลายถ่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกของสถาปัตยกรรมชาวโรมัน พร้อมแช่น้ำเหมือนกับหลุดไปอยู่ในยุคกลางเลยทีเดียว
PART 2. QC TERME BAGNI NUOVI
โรงแรมหรูพรีเมี่ยมที่จะให้คุณได้สัมผัสกับการพักผ่อนเหนือระดับ พร้อมหลงไหลไปกับการพักผ่อนเพื่อสุขภาพท่ามกลางธรรมชาติงดงาม และสถาปัตยกรรม “Nouveau Fashion” สถานที่ซึ่งจะให้คุณได้รู้สึกเหมือนกับเดินเข้าสถานที่อันโออ่า หรือห้องบอลลูมสุดคลาสสิกของยุค 1900s เลยทีเดียว
LUXURIOUS ROOMS (With ALPINE VIEWS)
ภายในรอบ ๆ ของโรงแรม Grand Hotel Bagni Nuovi แห่งนี้ คุณจะรับรู้ได้ถึงความหรูหรามีระดับที่ล้นเอ้อออกมาโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกันกับห้องพักที่ไม่ว่าคุณจะเลือกพักห้องไหนก็มีระเบียงให้ได้ชมวิวความสวยงามของประเทศอิตาลี (ห้องสูท และบางห้องพักเป็นเทือกเขาแอล์ป) พร้อมสัมผัสกับการตกแต่งภายในห้องที่ให้ความรู้สึกที่มีความสง่าเป็นอย่างมากอีกด้วย
EXCLUSIVE PRIVATE SPA
ภายในโรงแรมแห่งนี้ ยังมีสปาที่มีความ “Exclusive” สุด ๆ สวรรค์ของคนรักความเป็นส่วนตัวอย่างมากอีกด้วย เพราะโรงแรมมีนโยบายในส่งเสริมการมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างส่วนตัวให้กับลูกค้า ทำให้การออกแบบบริเวณสปาของโรงแรมนั้นมีการอำนวยความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางบรรยกาศอันคลาสสิกและงดงามอย่างมาก นอกจากนี้น้ำยังมีสรรพคุณดีท้อกซ์ผิวพรรณที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และมีอุณหภูมิ ประมาณ 37 – 43 องศาเซลเซียสอยู่เสมออีกด้วย
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : QC TERME BAGNI DI BORMIO
สนใจท่องเที่ยวบอร์มิโอ กับ Reign International
Click >>> https://www.reigninter.com/home/tours/the-charm-of-best-alps-10-days-tg/
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Where to Stay in Bormio. (2017). Retrieved from : http://wildluxe.com/bormio-italy-bagni-nuovi/
ประเทศจอร์เจียแห่งนี้คืออัญมณีอันล้ำค่า ที่ตั้งอยู่กลางระหว่างยุโรปตะวันออก และเอเชีย ประเทศที่กำลังเป็นเทรนด์แรงกับความลับความอลังการณ์ ที่มีอะไรมากมายรอให้คุณได้ไปออกสำรวจ และค้นพบด้วยตัวเอง
โดยตั้งแต่เมืองหลวง ทบิลิซี (Tbilisi) สุดคลาสสิก ถึงหุบเขาคอเคซัส (Caucasus Mountain) อันงดงามนั้น คุณจะได้ค้นพบกับความหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ความหลากหลายในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความเป็นกันเอง จนคุณต้องบอกต่อถึง “The Wonders of Caucasus” แห่งนี้
Tbilsi at Night
(Tbilisi at night)
หากคุณยืนอยู่หน้าป้อมปราการ นาริคาร่า (Narikala Fortress), เหนือย่านอโบทูบานี่ (Abotubani district) เมืองเก่าของทบิลิซี คุณจะได้เห็นเห็นความคลาสสิก และโรแมนติคสุด ๆ ของเมือง เสมือนเรื่องเล่าทั้งหมดของจอร์เจียได้มาอยู่เป็นภาพวาดอยู่เบื้องหน้าของคุณ
ณ จุดนี้คุณจะได้เห็นโดมของเหล่าบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่เชื่อว่ากษัตริย์แห่งไอบีเรียได้ค้นพบ พร้อมก่อตั้งเมืองแห่งตำนานนี้ขึ้น และเบื้องล่างที่แห่งนี้ยังประกอบด้วยแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari River) ที่ ๆ ซึ่งริมแม่น้ำนั้นเรียงรายไปด้วยสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าที่มีความหลากหลายในช่วงเวลา ตั้งแต่ยุคกลาง สู่ ยุคมอเดิร์น เช่น สะพานแห่งสันติ (The Bridge of Peace) ทั้งนี้นักเดินทางมืออาชีพยังแนะนำให้ชมพระอาทิตย์นะเมืองอันงดงามด้วยประวัติศาสตร์แห่งนี้ พร้อมกับไวน์จอร์เจียรสเลิศในมือ เพื่อให้คุณได้ค้นพบมิติใหม่ของคำว่าคลาสสิก
The Chronicles of Georgia
(The Chronicles of Georgia)
พงศวดารแห่งจอร์เจีย หรือ The Chronicle of Georgia แห่งนี้มักถูกมองข้าม หรือตัดออกจากจุดหมายปลายทาง ซึ่งแท้จริงแล้วนั้น ณ ที่แห่งนี้ คุณจะได้ค้นพบว่านี้คือสถานที่ที่ทำให้คุณได้ตะลึงไปกับความโออ่า พร้อมสนุกไปการเรียนรู้ และถ่ายรูป (ลงอิสตาแกรม) อย่างแน่นอน
The Chronicles of Georgia คืออนุสรณ์ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขามองลงมาสู่ทะเลสาบ “Tbilisi Sea” โดยเล่าถึงประวัติศาสตร์ 3,000 ปี ของอำนาจการปกครองของจอร์เจีย ด้วยการสลักเกี่ยวกับ กษัตริย์ วีรบุรุษ และพระเยซูคริสต์ ไว้บนเสาเหล็กขนาดมหึมา ซึ่งความอลังการณ์ และบรรยากาศความสวยงามของอนุสรณ์แห่งนี้ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น Stonehedge of Georgia เลยทีเดียว
ตำนาน, อาราม, และโบสถ์พระวิหาร แห่งจอร์เจีย
(Bagrati Cathedral)
ด้วยตำนานการรักษาอันเหนือธรรมชาติ ณ อารามบอดบี (Bodbe Monastery) กษัตริย์มีเรียนที่ 3 และราชินีนานา (King Mirian III & Queen Nana) จึงได้ประกาศศาสนาคริสต์เป็นศาสนาหลักของประเทศ ใน ปี 327 นั้นเอง เพราะเหตุนี้เองทั่วประเทศจอร์เจียถึงมักมีโบสถ์ที่งดงาม หันมองออกไปสู่ธรรมชาติอันงดงามเหลือเชื่อตระการตา ที่กำลังรอให้คุณได้ไปสัมพัสด้วยตนเองอยู่นั้นเอง
ด้วยภูมิประเทศของจอร์เจียนั้นงดงามชวนให้นักเดินทางหลงใหลอยู่แล้วนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ความงดงามของจอร์เจียนั้นสมบูรณ์ก็คือเหล่าอาราม และโบสถ์พระวิหารที่ได้ตั้งอยู่บนจุดที่ทำให้เห็นถึงความสวยงามของประเทศนี้ได้อย่างสูงสุดด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น โบสถ์วิหารบากราติ หรือ อารามจวารี (Jvari Monastery) เป็นต้น
“Best on Caucasus” Route
เส้นทางที่ทำให้แวดวงนักเดินทางต่างเชื่อว่า นี้คือ สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย โดยบนเส้นทางนี้คุณจะได้เดินทางค้นพบกับความสวยงามตามจุดไฮไลท์อันสวยตระการตาของเทือกเขาคอเคซัส ให้คุณได้รู้สึกเหลือเชื่อกับธรรมชาติของโลกเรา และได้ถ่ายรูปมากมายหลายแบบที่จะเป็นความทรงจำอันเลอค่าอย่างแน่นอน
ฺซึ่งการเดินทางไปบนเส้นทางนี้นั้นเป็นการขับรถไปตามเส้นทาง และหยุดชมจุดไฮไลท์สำคัญต่าง ๆ อย่าง ป้อมปราการริมทะเลสาบ อนานูรี (Ananuri Fortress), อนุสรณ์พันธมิตรรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia-Georgia Friendship Monument), และโบสถ์เกอร์เกติ โดยแต่ละที่นั้นก็มีไฮไลท์เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างมาก แต่ที่นักเดินทางที่ต้องการภาพที่มีความแหวกแนวต้องมาที่อนุสรณ์แห่งพันธมิตร ฯ และโบสถ์เกอร์เกติให้ได้ เพราะเมื่อคุณเริ่มขึ้นเนินเขามา แล้วได้เห็นกับโบสถ์เกอร์เกติที่ถอดอยู่เบื้องหน้าโดยมีเทือกเขาสวยเป็นเบื้องหลังแล้วละก็ ภาพนี้จะทำให้คุณเชื่อได้เลยว่านี้คือ สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย จริง ๆ (ทั้งนี้ฤดูหนาวถนนขึ้นสู่โบสถ์เกอร์เกติปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อความปลอดภัย)
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : Georgia*, chloe_emeline3, z1_a, datours_georgia
สนใจท่องเที่ยวประเทศจอร์เจีย กับ Reign International
Click >>> http://bit.ly/GeorgiaBestonCaucasus
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Huey, A. (n.d.). Georgia Uncovered. doi : https://www.nationalgeographic.com/travel/destinations/asia/georgia/partner-content-georgia-uncovered/
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าไปไอซ์แลนด์ไปเที่ยวอะไร ? จุดท่องเที่ยว “Must-See” อยู่ที่ไหน ? กิจกรรม “Must-Do” คืออะไรบ้าง ? อ่านบทความนี้ต่อหากคุณต้องการไปไอซ์แลนด์ แล้วรับรองว่าคุณจะหลงรักไอซ์แลนด์แน่นอน
ประเทศไอซแลนด์นั้นมีความหลากหลายในสถานที่เที่ยว และกิจกรรม เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกเดินทางเพื่อให้คลอบคลุมไฮไลท์ทั้งหมดนั้นจึงต้องมีการวางแผนและเตรียมการเป็นอย่างดี ให้ไม่เสียเวลา และเงินทองอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล จึงได้ออกไปสำรวจเส้นทางในประเทศไอซ์แลนด์ โดยมุ่งหวังให้คุณได้สัมพัสกับไฮไลท์สำคัญมากที่สุด และได้นำข้อมูลสถานที่ และกิจกรรมไม่ควรพลาดมาไว้ ณ ที่นี้ให้คุณแล้ว และนี้คือ 7 อย่างที่คุณห้ามพลาดเป็นอันขาดเมื่อไปไอซ์แลนด์
07. Whale Watching
(Whale Watching)
ประเทศไอซ์แลนด์ เป็นเสมือนบ้านของเหล่าสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม (Catacean) มากกว่า 20 สายพันธุ์ ดังนั้นหากคุณอยากเป็นหนึ่งในนักเดินทางที่ได้เห็นปลาวาฬในธรรมชาติแล้วละก็ ประเทศไอซ์แลนด์แห่งนี้คือคำตอบของคุณ
อย่างไรก็ตามปลาวาฬที่พบได้บ่อยคือ Minke Whales และ Humpback Whales นอกจากนี้หากคุณโชคดีจริง ๆ อาจจะได้พบกับเหล่าวาฬเพชรฆาต (Killer Whales) ด้วยก็เป็นได้
อ่านมาแล้วก็สงสัยว่าจะได้เจอจริงเหรอ ? ตรงนี้หายห่วงได้เลย เพราะ Reykjavik นั้นเป็นเมืองหลวงของการชมวาฬที่ ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Husavik’s Fjords แหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของเหล่าวาฬนั้นเอง นอกจากนี้แล้วเรือที่นำพาเราออกชมวาฬนั้นยังมีเทคโนโลยีตามคลื่นเสียงวาฬอีกด้วย ทำให้ความเป็นไปได้ที่จะได้ชมวาฬนั้นสูงมาก และเมื่อรวมกับบรรยากาศธรรมชาติไอซ์แลนด์ด้วยแล้ว ประสบการณ์ชมวาฬของคุณจะเป็นประสบการณ์ติดอันดับต้นของคุณแน่นอน
06. Horseback Riding
(Icelandic Horseback Riding)
หากคุณเป็นหนึ่งในนักเดินทางที่วาดฝันตนเองอยู่ท่ามกลางบรรยากาศ และธรรมชาติที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยายแล้วละก็ การชมไอซ์แลนด์ด้วยการขี่ม้าคือสิ่งที่คุณตามหาอยู่
Icelandic Horse นั้นเป็นสายพันธุ์ม้าอนุรักษ์ของประเทศ ทำให้ม้าดังกล่าวเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของประเทศ นอกจากนี้แล้วม้าสายพันธุ์นี้ยังถูกสั่งห้ามเพาะข้ามสายพันธุ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวด้วยการขี่ม้านั้นได้จะนำท่านไปบนเส้นทางที่จะให้คุณได้เห็นความ “ว้าว” ของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งการเดินทางไปบนเส้นทางนี้นั้นจะมีผู้เชี่ยวชาญ (Certified Horse Riding Instructors) คอยดูแลอยู่เสมอ ทำให้มือใหม่ก็สามารถเข้าร่วมด้วยได้ แต่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลงไหลกับการขี่ม้าบนไอซ์แลนด์นั้นก็คือความรู้สึกเมื่ออยู่บนม้า แล้วมองออกไปไกลสู่เหล่าฟยอร์ดอันสวยงาม ซึ่งตรงจุดนี้เองคือสิ่งที่นักเดินทางตัวจริงต้องมาลองด้วยตัวเอง
05. Relax @BLUE LAGOON
(Spa at Blue Lagoon)
นักเดินทางสาย “Healthy” พลาดไม่ได้กับการสปาที่ดีและดังสุดในไอซ์แลนด์
“Blue Lagoon” แห่งนี้อันประกอบด้วยโคลนซิลิกาที่มีสรรพคุณบำรุงฟื้นฟู น้ำที่อบอุ่นสบาย และบรรยากาศที่คลาสสิกสุด ๆ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว และชุมชน IG เพราะสปาแห่งนี้นั้นมีศักยภาพในการให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลาย และฟื้นฟูสภาพผิวนั้นเองอย่างที่นักรักสุขภาพต่างติดอกติดใจมาแล้วนักต่อนัก
นอกจากจะเป็นสปาที่ดังที่สุดในโลกแล้ว ยังเป็นศูนย์สินค้า Skincare ชั้นนำอีกด้วย ซึ่งสรรพคุณของสินค้า Skincare ที่นี้นั้นโด่งดังเป็นอย่างมากในการเพิ่มความเปล่งปลัง เยาว์วัย และเสริมให้ผิวมีสุขภาพดี เพราะฉะนั้นอย่าลืมเอากลับติดไม้ติดมือกันมาด้วยนะ
04. Amazing “Jökulsárlón”
(Diamond Beach)
ในประเทศที่สถานที่ทางธรรมชาติมีความงดงามหลากหลาย จนทำให้ยากที่จะตัดสินใจว่าจุดในสวยงามกว่ากันนั้น นักเดินทางตัวจริงจะพบว่าทะเลสาบน้ำแข็ง Jökulsárlón แห่งนี้สมแล้วที่เป็นหนึ่งในดวงใจของเหล่านักเดินทางทั่วโลกทุกคนที่มาเยือนไอซ์แลนด์
นอกจากนี้ด้วยเพียงการเดิน 5 นาทีจากทะเลสาบแห่งนี้ นักเดินทางจะได้มาถึงสถานที่อันมีสมญานามว่า “Diamond Beach” หาดริมฝั่งยืดยาวอันเป็นจุดที่เหล่าน้ำแข็งเกยหาดทรายสีดำขึ้นมา ก่อเป็นเอกลักษณ์พิเศษสวยงามเหลือเชื่อ ทำให้ที่นี้เป็นจุดที่มีทัศนียภาพ และฉากที่สวยเหนือคำบรรยายติดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว (และเป็นที่นิยมสำหรับถ่ายภาพลง IG อีกด้วย)
03. Golden Circle and Snow Mobile
(Thingvellir National Park)
“Golden Circle” คือเส้นทางการท่องเที่ยวที่โด่งดัง และเป็นที่รู้จักที่สุดในไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ เพราะบนเส้นทางนี้ประกอบไปด้วยจุดห้ามพลาดทั้งสามจุดไว้ด้วยกัน คือ Thingvellir National Park, Haukadalur Georthermal Valley, และ GullFoss Waterfall
เริ่มต้นด้วยอุทยานแห่งชาติ “Thingvellir” อุทยานมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) แห่งเดียวในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งนอกจากจะมีความสวยงามที่ทำให้รู้สึกสงบแล้ว อุทยาน ฯ ยังมีประวัติเป็นสถานที่ก่อตั้งรัฐสภาโดยระบอบประชาธิปไตยขึ้นเป็นครั้งแรกบนโลก เมื่อ 930 AD อีกด้วย นอกจากนี้แล้วเปลือกโลก หรือผืนแผ่นธรณี (Teutonic Plates) ของอเมริกาเหนือ และยูเรเซียน นั้นยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่าสร้างความประทับใจต่อนักเดินทางเป็นอย่างมาก
(Haukadalur Geothermal Valley)
เดินทางกันต่อไปยัง หุบเขาน้ำพุร้อน Haukadalur โดยน้ำพุร้อน ณ หุบเขาแห่งนี้นั้นสามารถพุ่งขึ้นได้สูงมากกว่า 20 เมตร ภายในทุก ๆ 5 นาที เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้โดยรอบยังงดงามด้วยบ่อน้ำร้อน และบ่อโคลนร้อนธรรมชาติมากมายอีกด้วย
(Gullfoss Waterfall)
จากนั้นเดินทางขึ้นเหนือสู่ น้ำตก Gullfoss จุดหมายสุดท้ายของเส้นทาง Golden Circle โดยตัวน้ำตกนั้นมีความสูง 32 เมตร ที่แสดงถึงขุมพลังของระบบแม่น้ำของประเทศไอซ์แลนด์ในขณะที่ไหลตกลงสู่หุบเขาอันตระการตาเบื้องล่าง
(Langjökull. Snowmobile Tour)
กิจกรรมสุดท้ายบนเส้นทางแห่งนี้คือการทัวร์ Snowmobile บนธารน้ำแข็ง Langjökull ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ
ด้วยกิจกรรมนี้นั้นนักเดินทางโดยส่วนใหญ่มักทำหลังจากได้รับชมน้ำตก “Gullfoss” แล้ว ซึ่งกิจกรรมนี้มีความสนุก เร้าใจเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะได้ขับขี่ไปในพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมกว้างใหญ่ไพศาล พร้อมกับได้รับชมทิวทัศน์อันงดงามมากมายไปด้วยได้ในเวลาเดียวกัน
02. Northern Light Hunting
(Aurora Borealis at Iceland)
แสงเหนือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงาม โลดแล่น ไปบนท้องฟ้า ด้วยสีสันอันสดใสนั้น เป็นปรากฏการณ์ห้ามพลาดเป็นอันขาดในฤดูหนาวที่ ไอซ์แลนด์
ด้วยปรากฎการณ์นี้นั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ฟ้าโล่ง และสภาพอากาศต้องเป็นใจด้วยแล้วนั้น ทำให้เมื่อใดก็ตามที่แสงเหนือได้ปรากฏขึ้น มักจะมีความสวยงามเกินคำบรรยายในทุก ๆ ครั้ง ซึ่งตามตำนานชาวเอเชียเราเชื่อว่าจะนำพาความโชคดีมาสู่ผู้ที่ได้พบเห็นอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตามหากตั้งใจจะไปล่าแสงเหนือ และคาดหวังจะต้องเจอจริง ๆ แล้วละก็ นักท่องเที่ยวต้องศึกษาเลือกทัวร์เฉพาะทางเพื่อล่าแสงเหนือจริง ๆ ด้วยเพราะทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการล่าแสงเหนือนั้น จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ทันสมัย และคำแนะนำด้านวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เกี่ยวกับแสงเหนือ ให้คุณได้มีโอกาสพบกับแสงเหนือมากขึ้น แต่ตรงจุดนี้คุณต้องพร้อมทำใจที่จะต้องออกจากจุด “Comfort Zone” ของตนเองเพื่อออกตามหาพื้นที่ที่มีสภาพอากาศที่เหมาะต่อการปรากฏแสงเหนือด้วยเช่นกัน
01. Glacier Hiking & Ice Caving
(Iceland Ice Caving)
สมดั่งชื่อ “ICELAND” ณ ประเทศแห่งนี้นักเดินทางจะได้พบกับ ภูมิประเทศอันเป็นน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา เหล่าน้ำแข็งยักซ์ “Icebergs” และถ้ำน้ำแข็งสีครามงดงามเรืองรองเมื่อต้องแสงอาทิตย์
แน่นอนว่ามีนักเดินทางหลายท่านที่ได้ประทับใจกับการเยือนไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูร้อนมาแล้ว แต่ไอซ์แลนด์ในฤดูหนาวนั้นคือช่วงฤดูที่จะนักเดินทางจะได้เห็นประเทศนี้ในแบบที่อัศจรรย์ที่สุด
อย่างไรก็ตาม ธารน้ำแข็ง “The Glaciers” นั้นสามารถเข้ารับชมได้ทั้งปี ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับนักเดินทางที่อยากรับชมธารน้ำแข็งยักษ์ใหญ่นี้อย่างใกล้ชิด ในเวลาที่เหมาะสมกับตนเอง
(Svínafellsjökull Glacier)
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : Guide to Iceland, mariita_mx, Blue Lagoon
สนใจท่องเที่ยว กับ Reign International
Click >>> http://bit.ly/ReignTourPackages
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
-
Gunnarsdóttir, N. (n.d.). Top 12 things to do in Iceland. doi : https://guidetoiceland.is/best-of-iceland/top-12-things-to-do-in-iceland
การท่องเที่ยวทางทะเลเป็นหนึ่งเส้นทางอันมหัศจรรย์ที่จะเปิดโลกของคุณให้กว้างขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เพราะการได้เห็นโลกของเราในมุมมองหลาย ๆ มุม จะทำให้คุณตะลึง ประทับใจ และรักโลกของเรามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้ “Albatros Expedition” ที่ประกอบด้วยการผจญภัยแบบชิลล์ พร้อมกับศึกษาวัฒนธรรมพื้นเมือง และได้เห็นทิวทัศน์อันเหลือเชื่อไปด้วยในทริปเดียวกันนั้น กลายเป็นเทรนด์เที่ยวที่ Hot ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
What is Albatros Expedition ?
Albatros Expedition คือการล่องเรือ Ocean Atlantic สำรวจขั่วโลกเหนือ และใต้ โดยมุ่งหมายที่จะสำรวจ และผจญภัยบนพื้นที่ขั้วโลกตามมาตรฐาน Nordic Standards พร้อมกับพัฒนาการสำรวจเพื่อรักษาสภาพแวดล้อม เพื่อให้ได้ผจญภัยที่ได้ทั้งความรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์อันวิเศษไปด้วยในเวลาเดียวกัน
Ocean Atlantic
Ocean Atlantic คือหนึ่งในเรือที่สมบูรณ์แบบ และเหมาะสมที่สุด สำหรับการท่องเที่ยวสำรวจ Antarctic ด้วยศักยภาพการขับเคลื่อนสูง และประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่แกร่งทำให้เรือดังกล่าวสามารถนำคุณไปสู่เหล่าฟยอร์ดที่งดงาม พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์การผจญภัยอันเหลือเชื่อแก่นักเดินทาง และนักสำรวจทุกท่าน
ไม่เพียงเท่านี้ Ocean Atlantic ยังได้รับการปรับแต่งในปี 2016 ให้ห้องพัก หรือ ห้องรับรองต่าง ๆ มีความมอเดิร์น สวยงาม พร้อมที่จะรับรองผู้โดยสารมากถึง 198 คน อีกทั้งยังมีหน้าต่างบานใหญ่ในหลาย ๆ จุด ให้ไม่พลาดจุดไฮไลท์สำคัญตลอดการเดินทางอีกด้วย
Expert On-Board Staff
ด้วยกิจกรรมอันมากมาย อย่าง Hiking, Snowshoeing, Northern Lights, Wildlife Observation ฯลฯ ทำให้พนักงานบนเรือโดยส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายแขนง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสำรวจนั้นเอง เพราะเหตุนี้การออกสำรวจไปกับ Albatros จึงมีความปลอดภัยสูง พร้อมที่จะให้นักเดินทางทุกท่านได้สัมพัสกับไฮไลท์สำคัญอย่างครบรส ถึงพริกถึงขิงอย่างแน่นอน
Greenland Disko Bay
หนึ่งในเส้นทางยอดฮิตประจำปี 2019 นี้ เริ่มต้นด้วยการนำนักเดินทางออกเรือสู่เมืองแห่งสีสัน “Sisimiut” แล้วต่อด้วยการชมไฮไลท์ที่ต้องเห็นให้ได้ด้วยตนเองสักครั้งในชีวิต อย่างวัฒนธรรม “Kaffemik”, ธารน้ำแข็งยักษ์ “Equip Sermia”, และเมืองหลวงของภูเขาน้ำแข็ง “Illulissat” เป็นต้น ทั้งนี้ตลอดระหว่างการเดินทางท่านอาจจะได้เห็นเหล่าวาฬในแถบ Antarctic อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นประสบการณ์การผจญภัยแนวใหม่ที่คุณจะไม่มีวันลืม
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : Albatros Expedition
สนใจท่องเที่ยว กับ Reign International
Click >>> http://bit.ly/ReignTourPackages
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Mission Statement. (n.d.). doi: https://albatros-expeditions.com/mission-statement
- Ocean Atlantic. (n.d.). doi: https://albatros-expeditions.com/ships/ocean-atlantic
Hiking หรือ ไฮกิ้ง เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยว “Outdoor” โดยการเดินไปตามเส้นทางในธรรมชาติ ที่คนไทยคนไหนก็สามารถเริ่มต้นทำได้ทันที ด้วยเพราะเป็นกิจกรรมที่ใช้การวางแผน เตรียมตัวน้อย และเป็นวิธีที่ดี่ที่สุดแล้วสำหรับการที่จะรับชม พร้อมซึมซับบรรยากาศธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังสามารถเก็บภาพที่สวยเหนือคำบรรยายไว้เป็นความทรงจำไว้ได้อีกด้วย ทำให้ไฮกิ้งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทยอีกด้วย และนี้คือ เหล่าประเทศที่สวยสุดสำหรับ “Hiking”
1.GREENLAND
ประเทศกรีนแลนด์มีพื้นที่เกือบเท่ากับยุโรปตะวันตก แต่มีประชากรภายในประเทศแค่หนึ่งสเตเดียมฟุตบอลเท่านั้น ทำให้ธรรมชาติในที่แห่งนี้ สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับนักเดินทางที่จะซึมซับตนเองท่ามกลางธรรมชาติเป็นอย่างมาก เพราะทีนี้จะปลุกความรู้สึกความรู้สึกเป็นอิสระในตัวคุณออกมาด้วยอย่างแน่นอน
Hiking Hotspots :
- South Greenland
- Arctic Circle Trail
- Ilulissat Icefjord, North Greenland
- East Greenland
2.NORWAY
มีสถานที่น้อยมากที่จะผสมผสาน ฟยอร์ด และ หุบเขาให้ลงตัวงดงาม ได้อย่างประเทศนอร์เวย์ เพราะ ณ ที่แห่งนี้นักเดินทางจะได้สัมพัสกับบรรยากาศอันเหลือเชื่อดั่งในนิยายเลยทีเดียว
Hiking Hotspots :
- Segla Mountain, Senja
- Preikestolen, Ryfyllke
- Trolltunga, Hardanger
- Romsdalseggen, Romsdalen
3.SWITZERLAND
สวิตเซอร์แลนด์ เทือกเขาแอลป์ คือบรรยากาศที่คนไทยหลาย ๆ คนใฝ่ฝัน ทั้งยังเป็นประเทศที่ดีสำหรับการเดินชมวิว หรือเริ่มต้นเข้าสู่วงการไฮกิ้งอีกด้วย เพราะมีเส้นทางที่วิวสวยจับใจ แต่ะเดินไม่ลำบากอยู่มาก (แบบ ฮาร์ดคอร์ ก็มี) ทำให้เป็นที่ฝึกเริ่มไฮกิ้งสำหรับผู้สนใจมือใหม่ได้เป็นอย่างดี
Hiking Hotspots :
- Zermatt Gornergrat Riffelsee Trail, Zermatt
- Oeschinensee, Interlaken
- Flims
- Andermatt
- Staubbach & Trummelbach waterfalls, Lauterbrunnen
4.NEW ZEALAND
นิวซีแลนด์เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และถึงแม้ได้ไปแล้วก็อาจจะทำให้คิดถึงต้องหวนกลับไปอีกครั้ง เพราะภูมิประเทศของประเทศนี้สวยงามเป็นอย่างมาก และบางครั้งต้องไฮกิ้งเท่านั้นถึงจะได้สัมพัสกับเสน่ห์ของประเทศนี้ได้ นั้นรวมถึงทะเลสาบมรกต หาดเงียบสงบ ป่าอุดมสมบูรณ์ และภูเขาสง่า
Hiking Hotspots :
- Egmont National Park, Egmont
- Routeburn Track, Queenstown
- Rakiura Track, Stewart Island
- Abel Tasman Coast Track, Abel Tasman
- Whanganui National Park, Taupo Quay
5.ICELAND
การท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยการไฮกิ้ง มีความแตกต่างจากการนั่งรถ แวะชมแต่ละจุด เป็นอย่างมาก ด้วยเพราะตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกเดินจนถึงก้าวสุดท้ายนั้น นักเดินทางจะได้เห็นธรรมชาติจากในแฟนตาซีมีชีวิตขึ้นมาเลยทีเดียว ทุกย่างก้าวเหมือนได้สัมพัสกับธรรมชาติในทุกบรรยากาศที่จินตนาการไว้ได้ครบจบในที่เดียว
Hiking Hotspots :
- Mount Esja, Reyjavik
- Glymur Waterfall Hike, Hvalfjorour
- Reykjadalur Trail, Hveragerdi
- Hvannadalsnukur Summit
6.ENGLAND
นักเดินทางที่วางแผนท่องเที่ยวประเทศอังกฤษโดยส่วนใหญ่แล้วมักมองข้าม การไฮกิ้งในประเทศแห่งนี้ ซึ่งอันที่จริงแล้วมีหลายพื้นที่ที่จะทำให้คุณประทับใจ และเอิบอิ่มที่เกิดขึ้นได้เฉพาะจากการไฮกิ้งในอังกฤษเท่านั้น เพราะภูมิประเทศในอังกฤษนอกจากจะสวยงามอย่างมากแล้ว ในหลาย ๆ จุดจะทำให้รู้สึกสงบได้อย่างดีจนเป็นที่แปลกใจเป็นอย่างมากอีกด้วย
Hiking Hotspots :
- North Downs Way, Dover
- The Lizard Coastal Walk, Cornwall
- Hadrian’s Wall
- Stone Hedge
- The Thames Path
7.CANADA
ประเทศแคนาดา มีเส้นทาง ไฮกิ้ง มากกว่า 1000 ทาง ตั้งแต่ทางที่ง่าย ถึง ระดับ Hardcore แต่ทุกเส้นทางจะทำให้คุณได้ประทับใจกับธรรมชาติอันสวยงามของประเทศแห่งนี้ ซึ่งไฮไลท์ของการไฮกิ้งที่นี้คือ ทะเลสาบ เทือกเขาสูง ป่าฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นต้น
Hiking Hotspots :
- Bannf National Park, Alberta
- Skyline Trail, Alberta
- Algonquin Provincial Park, Ontario
- Gros Morne National Park, Newfoundland
- Cape Breton Highlands National Park, Nova Scotia
8.SCOTLAND
จากการเดินเบื้องต้น ถึง ระดับโปร มีหลายประเทศที่ยากจะเทียบเท่ากับภูมิประเทศที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยายได้เหมือน สก๊อตแลนด์ ที่นี้คุณจะได้เก็บภาพวิวที่เหนือความคาดหมายว่าจะทำได้มากมาย อย่างเหลือเชื่อ
Hiking Hotspots :
- Beinn a’Chrulaiste, Glen Coe
- The Old Man of Storr, Isle of Skye
- Cairngorms National Park, Cairngorm
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : bannf_lakelouise, stunningicelandd, tur.evelinn, solventures_photography, quarkexpeditions, ellina_bivol
สนใจท่องเที่ยว กับ Reign International
Click >>> http://bit.ly/ReignTourPackages
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Horodyski, K. (2017). The 12 most incredibl hikes to take in Canada. doi : https://theculturetrip.com/north-america/canada/articles/the-12-most-incredible-hikes-to-take-in-canada/
- Top 5 hikes. (n.d.). doi : https://www.fjordnorway.com/things-to-do/hiking/top-5-hikes
- Miller, C. (2017). 9 Great Walks of New Zealand: Beaches, Forest, and Mountains By Foot. doi : https://www.nationalgeographic.com/travel/destinations/oceania/new-zealand/9-great-walks-hike/
- Hiking. (n.d.). doi : https://visitgreenland.com/things-to-do/hiking-greenland/
- Komjati, V. (2018). The Ultimate List of the Best Hikes in Iceland. doi : https://www.trek.is/en/practical-info/hiking-in-iceland-information/the-best-hikes-of-iceland
- Yaya. (2019). The 12 Best Hikes In England You Have To Experience. doi : https://handluggageonly.co.uk/2018/06/05/the-12-best-hikes-in-england-you-have-to-experience/
- Green, G. (2019). 13 of Scotland’s best hikes. doi : https://www.wanderlust.co.uk/content/scotland-best-hikes/
มาชู ปิกชู หรือเมืองที่สาบสูญแห่งอินคาแห่งนี้ ตั้งอยู่บนยอดภูเขาสูง 2,430 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้นครลอยฟ้าแห่งอินคานี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าทึ่งที่สุดในโลก และยากที่จะหาคำพูดใดมาเพื่ออธิบายความมหัศจรรย์นี้ได้นอกจากจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง และนี้คือ 10 เหตุผลทำไมต้องไป “มาชู ปิกชู” ให้ได้สักครั้งในชีวิต
1. ความมหัศจรรย์ของสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม
(Architecture & Engineering)
ความอัจฉริยะด้านวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมของชาวอินคาในเวลานั้นถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่จำกัดบนภูเขาสูงเช่นนี้ ด้วยเพราะชาวอินคาได้เรียนรู้เทคนิคที่เรียกว่า “ASHLAR” ที่ตัดหินให้เข้ากันได้อย่างลงตัวแน่นหนาโดยไม่ต้องใช้ปูน พวกหินเหล่านี้ติดกันแน่นจนขนาดที่ผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ อย่าง แผ่นดินไหว น้ำฝนกัดเซาะ จนมาถึงปัจจุบันที่ยังตั้งตระหง่านอย่างองอาจให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความอัศจรรย์นี้อยู่ด้วยตนเองได้
2. ทัศนียภาพ และบรรยากาศอันดับต้นของโลก
(World Class Sights)
เมื่อยืนอยู่ใน มาชู ปิกชู บนยอดเขาสูง 2,430 เมตร เหนือทะเล ที่รายล้อมไปด้วยเทือกเขาแหลม “Apus” (แปลว่าศักดิ์สิทธิ ในภาษา Quechua) แน่นอนว่าทัศนียภาพ ณ ที่แห่งนี้จะทำให้คุณต้องตะลึงในความสวยงามอย่างแน่นอน และเมื่อยืนอยู่ในจุดที่เห็นทั้งหุบเขาทอดอยู่เบื้องล่างด้วยแล้ว ยิ่งบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เว้นแต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยตนเอง
3. ความลับที่ยังซ่อนอยู่ใน มาชู ปิกชู
(Machu Pichu Mysteries)
ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ภายในนครลอยฟ้าแห่งนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่นักโบราณคดี (Archaeologist) แต่ความเห็นที่เป็นเอกฉันท์นั้นเชื่อว่าที่แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “Pachacuti” ผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิเพื่อบูชาเหล่าผู้นำอันยิ่งใหญ่ต่าง ๆ อีกด้วย ทำให้มีที่ต่าง ๆ มากมายให้พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง อย่าง การค้นหา “The Intihuatana” ที่กำลังเป็นเทรนด์การท่องเที่ยว มาจู ปิกชู อยู่ในขณะนี้
4. เพลิดเพลินไปกับเหล่า อัลปาคา
(Alpacas Cuteness)
ระหว่างที่กำลังเดินชมเมืองที่สาบสูญแห่งอินคาอยู่นั้น นักเดินทางจะได้พบกับผู้อยู่อาศัยอีกท่าน นั้นคือเหล่า อัลปาคา ผู้น่ารักนั้นเอง ซึ่งความสำคัญของเหล่าอัลปาคานั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อเครื่องห่มกายของชาวอินคา แต่ในปัจจุบันหากยืนถูกที่ถูกเวลาแล้วก็ท่านอาจจะเก็บภาพคู่กับเหล่าอัลปาคา (ในเทรนด์ภาพแคนดิด) กลับมาไว้ ทำให้คอลเล็กชั่นภาพการท่องเที่ยวของคุณมีเอกลักษณ์ที่พิเศษเป็นอย่างมาก
5. “Palacio Del Inka” โรงแรมสวย วัฒนธรรมงาม
(Palacio Del Inka Luxury Cultural Hotel)
กำลังสงสัยว่าทำไมโรงแรมถึงเป็นเหตุผลให้ต้องมา มาชู ปิกชู อยู่รึเปล่า ? นั้นเพราะ “Cusco” และบริเวณโดยรอบของ มาชู ปิกชู นั้นปกคลุมไปด้วยจารีตประเพณี “Andean” และวัฒนธรรม “Peruvian” และภายในโรงแรมนี้คุณจะได้สัมผัสกับการพักผ่อนแบบ Luxury ท่ามกลางบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม Peruvian นั้นเอง ทำให้การพักผ่อนนั้นเกิดความคลาสสิกเป็นอย่างมาก ทั้งห้องนอน และการบริการเองก็ดีมากเช่นกัน
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : travelpassportt, culturetrip
สนใจท่องเที่ยว อเมริกาใต้ Click >>> http://bit.ly/reignsouthamericatour
ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Dupre,B. (2018). 11 Reasons Why You Must Visit Machu Picchu At Least Once In a Lifetime. doi : https://theculturetrip.com/south-america/peru/articles/11-reasons-why-you-must-visit-machu-picchu-at-least-once-in-a-lifetime/
ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างหลงไหลไปกับแสงเหนือ (Aurora Borealis, Northern Light) ครั้งแรกที่ได้เห็นจากในรูปภาพ หรือจากในสารคดี จนวันหนึ่งถึงกับต้องลุกขึ้นมาวางแผนเพื่อไปประสบปรากฏการณ์อันวิเศษนี้ด้วยตนเองเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกเดินทางไปนั้น บางท่านต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากยังขาดข้อมูล และความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ดังกล่าว เช่น แสงเหนือคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ไหนบรรยากาศเหมาะสมกับการถ่ายรูป เป็นต้น ซึ่งตรงจุดนี้เอง ที่เราได้รวบรวมข้อมูล และคำตอบที่ นักเดินทางต่างต้องทราบเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม และโอกาศที่จะได้เก็บภาพที่สวยงาม และพบกับมหัศจรรย์ของโลก
What is Northern Light ?
ข้อมูลจาก “สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)” และ “National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)” สามารถสรุปได้ว่า แสงเหนือ (Aurora Borealis) เกิดจากการที่อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากพระอาทิตย์ (โปรตรอน และอิเล็กตรอน) ได้เดินทางเข้าสู่ขั่วโลกด้วยความเร็วสูง ซึ่งอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ได้เดินทางเข้ามาในขั้วโลกนี้จะถูกเร่งความเร็วขึ้นไปอีกด้วยสนามไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ที่มีลักษณะเป็นแผ่นเหนือชั้นบรรยากาศโลก) ทำให้เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้านั้นเข้าพุ่งชนพร้อมส่งพลังงานให้กับอะตอมต่าง ๆ ของโลก (อย่างออกซีเจน และไนโตรเจน) ส่งผลให้อะตอมเหล่านี้อยู่ในสภาวะพลังงานสูง และต้องปลดปล่อยพลังงานนั้นออกมาในรูปแบบ แสง เช่น อะตอมออกซิเจนจะปล่อยแสงสีเขียว และสีแดง ในขณะที่ไนโตรเจนปล่อยแสงสีฟ้าและสีแดงเข้ม เป็นต้น ทั้งนี้ปรากฎการณ์แสงเหนือสามารถเกิดขึ้นเหนือพื้นโลกประมาณ 80 – 500 กม.
Where & When to Watch Northern Lights
แน่นอนว่ายิ่งขึ้นขั้วโลกเหนือไปมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาศได้รับชมแสงเหนือมากขึ้น แต่นั้นไม่ถูกต้องสะทีเดียว เพราะความเป็นจริงแล้วนั้น ปรากฎการณ์แสงเหนือนั้นจะมีโอกาศปรากฎขึ้นตามค่าพายุแม่เหล็ก KP ในพื้นที่ โดยวัดได้จาก 0 – 9 ซึ่งยิ่งขึ้นเหนือ ค่า KP ที่ต้องวัดได้เพื่อให้รับชมแสงเหนือได้ก็น้อยลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 7 เราก็มีโอกาศที่จะรับชมแสงเหนือ ณ ประเทศอังกฤษได้ แต่หากเราวัดค่า KP ได้ เท่ากับหรือน้อยกว่า 5 เราจะไม่สามารถรับชมแสงเหนือ ในอังกฤษ ได้ แต่สามารถรับชมได้ในนอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นั้นเอง โดยภาพจาก “NOAA” ข้างล่างนี้จะทำให้เข้าใจในคอนเซปต์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ เมื่อนำมารวมกับบรรยากาศการท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้วยแล้ว พื้นที่ที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ จึงได้แก่ ประเทศ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน อลาสก้า และแคนาดา ทั้งนี้เราได้รวบรวมเมืองที่ดีที่สุดในการรับชมแสงเหนือ ไว้ให้ท่านแล้ว ดังนี้
- Tromso : ดังที่สุดในนอร์เวย์สำหรับการรับชมแสงเหนือ ภายในเมืองมีโปรแกรมตามล่าแสงเหนือมากมายให้ท่านได้เลือกรับชม
- Lofoten Islands : ให้คุณได้ชมแสงเหนือบนทัศนียภาพที่เหนือคำบรรยาย
- Senja : ให้คุณได้ชมแสงเหนือที่งดงามท่ามกลางเทือกเขาอลังการณ์ พร้อมสะท้อนแสงเหนือบนเหล่าฟยอร์ดของนอร์เวย์
ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับความมหัศจรรย์ของโลกนี้เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม – มีนาคม เลยที่เดียว และนี้คือตัวอย่างปรากฏการณ์แสงเหนือในนอร์เวย์ในช่วงดังกล่าว
View this post on Instagram
Northern Lights Forecast
ถึงแม้ว่าดวงจะเป็นส่วนหนึ่งทีสำคัญเป็นอย่างมากในการตามล่าแสงเหนือ แต่การคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และอุปกรณ์ในการพยากรณ์ปรากฏการณ์แสงเหนือ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน (รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้คาดการณ์เมฆ เพราะเมฆหนาจะบดบังแสงเหนือได้) และนี้คือแอปพลิเคชัน กับเว็บไซต์อัพเดทอย่าง Real – Time บนระบบแผนที่ “Oval Prediction System” ที่จะเพิ่มโอกาศให้กับคุณได้ออกไปตามล่าเสียเหนือไม่เสียเที่ยว และไม่ผิดหวัง
• Space Weather Prediction Center : เว็บไซต์ทางการจาก NOAA ที่พยากรณ์อากาศ และความเป็นไปได้ที่จะได้รับชมแสงเหนือได้ พร้อมรับชม Aural Oval แบบ Real – Time ได้ เพียงแค่กดเพลย์เท่านั้น
• Space Weather Live – Website : เว็บไซต์นี้เปรียบเสมือนไบเบิ้ลสำหรับนักล่าแสงเหนือเลยก็ว่าได้ เพราะเว็บนี้ได้รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดไว้มากกว่า อย่างการแสดงค่า KP เป็นกราฟต่าง ๆ เลยทีเดียว
• My Aurora Forecast : แอปพลิเคชั่นที่นักเดินทางโหวตให้ว่ามีออฟชั่นครบที่สุด ซึ่งจุดเด่นรวมไปถึงการแสดงค่า KP จนถึงความสามารถประมาณการโอกาศที่จะได้เจอแสงเหนือเป็น เปอร์เซนต์ ได้ด้วย
• Northern Eye Aurora Forecast : ตัวแอปพลิเคชั่นมีการใช้งานเหมือนกับ My Aurora Forecast แต่มีระบบพิเศษขึ้นมาสองระบบ คือ ความสามารถตั้งค่าแจ้งเตือน และการกำหนดเจาะจงพื้นที่ที่เราต้องการตรวจสอบมากกว่าหนึ่งจุดได้
How to Photograph Northern Lights
Legends of Northern Lights
แน่นอนว่าแสงเหนือได้มีการปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทำให้มีความเชื่อต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับแสงเหนือด้วยเช่นกัน และการท่องเที่ยวที่ดีนั้นควรมีเรื่องเล่าอยู่เสมอเพื่อเพิ่มอรรถรสของการท่องเที่ยวในแต่ละทริปให้มีความคลาสสิก ซึ่งการที่รู้ถึงตำนานของแสงเหนือจะทำให้การรับชมของคุณกับครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อน มีความโรแมนติกเป็นอย่างมากเมื่อรับชมร่วมกัน และตำนานเหล่านั้นมีรายละเอียดดังนี้
- ชาวกรีกโบราณ : ในอดีตคงมีเหตุการณ์ โซลาร์ ครั้งใหญ่ขึ้น ขนาดที่ทำให้ชาวกรีกโบราณสามารถรับชมแสงเหนือได้ กลายเป็นเหตุให้ชาวกรีกเชื่อว่าแสงเหนือนั้นคือ เทพ Aurora ผู้เป็นน้องสาวของ Helios และ Seline (เทพแห่งพระอาทิตย์ และพระจันทร์) เป็นคนออกวิ่งรถลากหลากสีของนางไปบนท้องฟ้าเพื่อแจ้งเตือนพี่ ๆ ของ ตน ถึง “วันใหม่”
- ชาวญี่ปุ่น : ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการมีทายาทร่วมกันภายใต้แสงเหนือนั้น จะทำให้ทายาทของตนหน้าตาดี เฉลียวฉลาด และโชคดีเป็นอย่างมาก
- ชาวจีนโบราณ : แน่นอนว่าการที่ชาวจีนโบราณจะรับชมแสงเหนือได้นั้น ต้องเกิดเหตุการณ์โซลาร์ที่ใหญ่กว่าครั้งชาวกรีกโบราณ ที่มีโอกาศเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วนั้นชาวจีนโบราณที่พบเห็นต่างก็เชื่อว่า เป็นมังกร และในบางพื้นที่ก็เชื่อว่าแสงเหนือนั้นแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว
- ชาวนอรส์ (Norse) : ชาวนอร์ส เชื่อว่าแสงเหนือคือสะพานไบฟรอสต์ (Bifrost Bridge) ที่จะเปิดขึ้นเพื่อนำทางเหล่านักรบในสงครามได้ขึ้นไปพักผ่อนอย่างสุขสบายใน วัลฮาลล่า (Valhalla)
- ชาวสวีเดน : ชาวสวีเดนเชื่อเสมอว่าการเห็นแสงเหนือเป็นรางดี ที่แจ้งให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ในการประมง และการเกษตร
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : globalgemz, capturetheatlas
สนใจท่องเที่ยว ประเทศนอร์เวย์ >>> 02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> http://bit.ly/2GY4jIr
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- มหัศจรรย์แสงออโรรา. (n.d.). doi : http://www.narit.or.th/index.php/nso/588-miracle-aurora
- Aurora. (n.d.). doi : https://www.swpc.noaa.gov/phenomena/aurora
- Zafra, D. (n.d.). The Ultimate Guide to Photographic the Northern Lights. doi : https://capturetheatlas.com/how-to-photograph-the-northern-lights/
- Northern Lights Legends from Around the World. (n.d.). doi : https://www.theaurorazone.com/about-the-aurora/aurora-legends
ใครจะไปเชื่อว่า เยอรมนี นั้นก็สามารถเป็นประเทศแห่งความรักเหมือนเขาได้ เพราะเมื่อพูดถึงเยอรมนี แว๊บแรกก็คงนึกถึงรถยนต์ วิศวกรรม และอุตสาหกรรมกัน แต่อันที่จริงแล้วนั้น ลงไปทางตอนใต้ของเยอรมนีนี้เองที่ได้ซ่อนเทรนด์การท่องเที่ยวเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1950 จนถือเป็นเส้นทาง “All Time Classic” ที่คู่รัก หรือครอบครัว ต้องมาให้ได้สักครั้งเลยที่เดียว
เส้นทาง “Romantic Road”
เส้นทางแห่งนี้ของเยอรมนีได้ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Romantic Road” และมีระยะทางยาวประมาณ 220 ไมล์ ที่ประกอบด้วยเมือง และ ปราสาทต่าง ๆ มากมาย ซึ่งไฮไลท์ของเส้นทางนี้ จะทำให้นักเดินทางได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมเยอรมนี และบรรยากาศที่เสมือนหลุดออกมาจากนิยาย “Fairy Tale” อย่าง ซินเดอเรล่า ให้ความโรแมนติกอย่างที่สุด จนนักเดินทางคู่รักหลายท่านต้องเผลอใช้เวลาไปมากมายในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้ผิดแผน และต้องปรับแผนการเดินทางกันบ้างอยู่ตลอดเวลา และนี้คือสถานที่/กิจกรรมที่ต้องไปสัมผัสให้ได้บนเส้นทางนี้
1. สำนัก วูร์ซบวร์ก
(Würzburg Residence)
View this post on Instagram
เริ่มต้นเส้นทางบนถนนแห่งความรักนี้ด้วยการเยียมชม สำนักวูรซ์บวร์ (Würzburg Residence) ณ เมืองวูรซ์บวร์ก ที่ถูกสร้างขึ้นมาใน ศตวรรษที่ 18 และเป็นหนึ่งในพระราชวังบาโรค (Baroque Palace) ที่สำคัญของเยอรมนี และตรงจุดนี้เองที่ทำให้สถานที่แห่งนี้วิเศษ จนทำให้หลายต่อหลายคนมักมาถ่ายพรีเวดดิ้ง หรือเก็บภาพโรแมนติกตามจุดต่าง ๆ ในสวน และภายในตัวสำนัก ฯ (ที่มีภาพวาด โดยจิตรกรชื่อดัง Giovanni Battista Tepolo วาดอยู่บนเพดาน) อีกด้วย
2. ชิมไวน์สไตล์บาวาเรียน
(Bavarian Wine Tasting)
ขอให้ท่านได้ลองจินตนาการ วาดฝันถึงช่วงเวลาที่เราได้นั่งอยู่กับครอบครัว ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดคลาสสิก และโรแมนติกที่สุดสักประมาณ 1 นาที ก่อนออกเดินทางไปร่วม กิจกรรม ณ โรงกลั่นไวน์บนเส้นทางแห่งนี้ เพราะโรงกลั่นไวน์ต่าง ๆ บนเส้นทางนี้จะทำให้ฝันของคุณอันนั้นเป็นจริง เพราะนอกจากไวน์รสเลิศแล้ว โรงกลั่นไวน์บนเส้นทางนี้ ยังตั้งอยู่บนสถานที่ที่ทัศนียภาพงดงาม และภัตตาคารบรรยากาศสุดคลาสสิก เหมาะสำหรับทั้งการเดินทางไปแบบครอบครัว หรือส่วนตัวกับคนรักอย่างที่คุณได้วาดฝันไว้ (และนี้คือไวน์ที่ท่านห้ามพลาด : ilvaner, Riesling, Müller-Thurgau and Pinot Blanc)
3. โรเทนเบิร์ก : เมืองแห่งนิยาย
(Rothenburg: the Fairy Tale Town)
View this post on Instagram
เมืองโรเทนเบิร์ก คือเมืองเก่าธีมยุคกลางที่คลาสสิกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยเพราะตัวเมืองให้บรรยากาศที่เหมือนกับหลุดออกมาจากเทพนิยายเลยจริง ๆ จนขนาดที่ดิสนีย์ ใช้เมืองแห่งนี้เป็นต้นแบบในเมืองต่าง ๆ ในเรื่อง “Pinocchio” ทั้งนี้เมืองยังมีกิจกรรมทัวร์เมืองไปกับ “Night Watchman” ผู้เฝ้าดูแลเมืองแห่งนี้มาตั้งยุคกลาง และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะผู้เฝ้าเมืองแห่งนี้มักพาเดินไปจุดที่เป็นไฮไลท์ห้ามพลาดของเมืองนั้นเอง
4. ค้างคืนที่เมืองยุคกลาง นอร์ดลิงเก้น
(Spend a night in Nördlingen)
View this post on Instagram
แน่นอนว่าบนเส้นทางนี้มีที่พักเมืองยุคกลางมากมายให้ท่านได้เลือก แต่ถ้าคุณต้องการพักผ่อนแหวกแนว และมีเอกลักษณ์แล้วละก็ ให้คุณเลือกพักผ่อนที่เมืองนอร์ดลิงเก้น เพราะเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในแอ่งรายส์ (Ries Basin) ที่เกิดจากดาวตกเมื่อ 15 ล้านปีก่อน อีกทั้งทัศนียภาพเมืองจากด้านบนยังได้ถูกนำไปใช้ในหนังเรื่อง “Willy Wonka and the Chocolate Factory” (1970) ในตอนท้ายอีกด้วย
5. ชมโถงทองคำที่ เอ้าท์สบวร์ก
(Augsburg’s Goldener Saal)
ออกเดินทางไปต่อบนเส้นทางนี้ จนมาถึงเอ้าท์สบวร์ก เมืองที่เป็นที่ตั้งของห้องโถงทองคำ ห้องอันวิจิตรที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมั่งคั่งของชนชั้นกลางในช่วง ปี
ค.ศ.1615-1620 ซึ่งภายในห้องนั้นเหลืองอร่ามไปด้วยทอง และเด่นที่สุดคือเพดานข้างบนที่เป็นภาพวาดเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมือง ทั้งนี้ยังสามารถไปเยี่ยมชมสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีได้ภายในเมืองนี้อีกด้วย (คลิ๊ก ชมตัวอย่าง >>> https://www.instagram.com/p/BzYfAbjo9gg/?utm_source=ig_web_copy_link)
6. ปราสาท นอยส์วานสไตน์
(Neuschwanstein Castle)
View this post on Instagram
พร้อมปิดเส้นทางด้วยภาพปราสาทที่ทำให้เห็นแล้วรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ? นั้นเพราะปราสาทนอยส์วานสไตน์ แห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจในภาพยนตร์เรื่อง “Sleeping Beauty” ของดิสนีย์นั้นเอง อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความโรแมนติกของโลกอีกด้วย ซึ่งไม่เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะ กษัตริย์ ลุดวิก ที่ สอง (King Ludwig II) ได้ทรงวางแผนสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากนักออกแบบละครเวที มากกว่าที่จะเป็นสถาปนิกนั้นเอง
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
ขอขอบคุณ : maru_see_ , guiaviajarmelhor , ociokids ,dfdsuk
สนใจท่องเที่ยว ประเทศเยอรมนี >>> 02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวประเทศเยอรมนี คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> http://bit.ly/2KiGNYH
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์เอเชีย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Hyder, S. (2016). Infographic: Eight European Road Trips For Your Next Holiday. doi: https://designtaxi.com/news/386560/Infographic-Eight-European-Road-Trips-For-Your-Next-Holiday/
- Road trippin’ : Exploring Germany’s Romantic Road. (2016). doi : https://www.liligo.com/travel-edition/road-trippin-exploring-germanys-romantic-road-3945.html
- Stutner, S. (2017). 12 Reasons Germany’s Romantic Road is the Ultimate European Road Tip. doi: https://www.huffpost.com/entry/romantic-road_n_5206182?g
หากคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวนอร์เวย์ โดยมุ่งหวังที่จะพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบหรู นุ่ม ๆ “Norwegian Style” แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มไหนดี และพักที่ไหนดี คุณมาถูกที่แล้ว เพราะเร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล ได้ออกเดินทางไปสำรวจเปิดเส้นทางนอร์เวย์ พร้อมที่จะนำเสนอ รีสอร์ต “HAMN I SENJA” ที่มีห้องพักเรียบหรู ติดริมทะเล บรรยากาศคลาสสิกจริง รวมไปถึงน้ำในทะเลก็ใส และ กิจกรรมก็มีเยอะมากมาย ซึ่งเร้นจ์ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ท่านได้สัมผัสด้วยตนเอง โดยรีสอร์ต ฯ มีรายละเอียด และกิจกรรมรอบ ๆ ดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
อพาร์ทเม้นต์
(Accommodations in Apartments)
สถานที่พักอันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของ Hamn I Senja ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 2008 แห่งนี้ ประกอบด้วย ห้องนอน 2 – 3 ห้องนอนภายในหนึ่งอาคาร พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมอเดิร์นคุณภาพสูงต่าง ๆ รวมกับห้องนั่งเล่นที่ใหญ่สบาย (ประมาณ 65 – 70 ตร.ม. ) ด้วยแล้ว อพาร์ตเม้นต์เหล่านี้จะทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และเอิบอิ่มไปกับบรรยากาศอันเรียบหรู ริมทะเล ณ Hamn I Senja แน่นอน
บ้านพัก ฮามน์ พาโนราม่า
(Hamn Panorama)
(กดรูปเพื่อชมห้องนอน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ภายในบ้านพักจาก Google Drive)
บ้านพักสำหรับนักเดินทางที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่าง VIP ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์มิติใหม่ในการพักผ่อนภายใต้คอนเซปต์ “Norwegian Exclusive” ให้คุณได้สัมผัสกับการพักผ่อนริมระเบียงที่หันออกไปสู่ฟยอร์ด และเทือกเขาอันงดงาม (และหากโชคดี จะได้เห็นวาฬเล่นน้ำภายในฟยอร์ดจากระเบียงนี้) รวมไปถึงห้องนอน ห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ก็ได้ถูกคัดเกรดให้มีมาตรฐานสูง งดงามตามสถาปัตยกรรมสไตล์บ้านชาวประมงนอร์วีเจียน แบบสงบ เรียบหรู ดังนั้นแล้วตลอดเวลาที่คุณเข้าพักภายในบ้านพักแห่งนี้ คุณถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติค และคลาสสิกสุด ๆ แน่นอน
ทุงเนเซ็ท
(Tungneset)
(กดรูปเพื่อชมสถานที่ ทุงเนเซ็ท จากอินสตาแกรม #tungneset)
หากคุณเป็นคนชอบเทรนด์สถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่แล้วละก็ ทุงเนเซ็ท (Tungneset) คือคำตอบของคุณ เพราะเหมือนกับเพชรในตม สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงจุดพักที่ให้คุณสามารถเดินไปตามชายฝั่งตะวันออกของเกาะเซนญา แต่เอกลักษณ์ที่ทำให้นักเดินทางประทับใจ ตามกันไปจนเป็นเทรนด์ขึ้นมานั้น เป็นเพราะในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ถูกยกให้เป็นจุดชมทัศนียภาพอันดับท๊อปของนอร์เวย์ไปแล้ว ด้วยเพราะ ณ จุดนี้คุณจะได้สัมผัสกับภาพสะท้อนของเทือกเขาเซย์กลา ที่มีความสวยสดงดงามเหนือคำบรรยายเป็นอย่างมาก
เบอร์สบอทน์
(Bergsbotn)
(กดรูปเพื่อชม ชมสถานที่ เบอร์สบอทน์ จากอินสตาแกรม #bergsbotn)
อีกหนึ่งจุดชมทัศนียภาพที่กำลังเป็นเทรนด์ห้ามพลาด เมื่อมาพักที่ Hamn I Senja ด้วยเพราะนอกจากจะมีวิวฟยอร์ดที่งดงามแล้ว แต่ตัวจุดชมทัศนียภาพเองก็มีเอกลักษณ์ที่พิเศษของตัวเองเช่นกัน ทำให้นักเดินทางที่ชอบถ่ายรูปได้สามารถพลิกแพลงถ่ายภาพได้ในมุมที่หลากหลายมากขึ้น มีความแหวกแนวในแต่ละรูป และที่สำคัญคือพื้นหลังที่เป็นฟยอร์ดธรรมชาติที่งดงามในทุกฤดู
ประภาคาร
(The Lighthouse)
(กดรูปเพื่อชมตัวอย่างภายในประภาคาร 360°)
สถานที่ที่เหมาะกับการพบป่ะเพื่อนฟูง นั่งคุยกัน อย่างชิลล์ เพราะ ไม่ว่าคุณจะพักผ่อนภายใน หรือภายนอกของประภาคาร คุณก็จะได้รับรู้ถึงบรรยากาศที่คลาสสิก และโรแมนติกแบบนุ่ม ๆ ไป พร้อมกัน ทั้งนี้ประภาคารของ “Hamn I Senja” เองยังเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์กลางคืน และแสงเหนือที่งดงามอีกด้วย
กิจกรรม “Kayak”
(Kayaking)
(กดรูปเพื่อชม ฟยอร์ดในการคายัค จากอินสตาแกรม @hamnisenja)
Hamn I Senja อาจจะถือเป็นหนึ่งในสวรรค์ของนักเดินทางที่รักในกิจกรรมภายเรือคายัคเลยก็ว่าได้ ด้วยเพราะเมื่อภายเรือไปในฟยอร์ดนอก Hamn I Senja แล้ว นักเดินทางจะถูกห้อมล้อมด้วยเทือกเขาที่โอ่อ่า น้ำทะเลที่ใสเขียวมรกตไปตามหาดทรายขาวรอบ ๆ เกาะ และในเวลา และสถานที่อันเหมาะเจาะ นักเดินทางจะพบตัวเองอยู่บนภาพสะท้อนธรรมชาติที่งดงาม และยิ่งเมื่อได้ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนด้วยแล้ว ยิ่งต้องไปสัมผัสให้ได้ด้วยตัวเองอย่างยิ่ง
Hamn I Senja Teaser Trailer
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
สนใจท่องเที่ยว ประเทศนอร์เวย์ >>> 02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> http://bit.ly/2SxzAqj
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์เอเชีย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Hamn I Senja. (n.d.). Retrieved from http://www.hamnisenja.no/
ประเทศจีน เพียงแค่ได้อ่านชื่อก็สามารถทำให้อยากเก็บกระเป๋า เตรียมรองเท้าออกเดินทางแล้ว แต่เพราะประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล ยากต่อการวางแผนการเดินทางให้ครบอรรถรส ด้วยเหตุนี้ เร้นจ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล (Reign International Travel) จึงได้ออกไปศึกษาเส้นทางการเดินทางประเทศจีน พร้อมนำเสนอประเทศจีนภายใต้ธีม “Ancient Wonderland” กับเส้นทางเฉิงตู, ฉงชิ่ง ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ และปัจจุบันได้ผสมความมอเดิร์น พร้อมเอกลักษณ์พิเศษของตนรวมไว้ในแต่ละเมืองด้วย ทั้งนี้สถานที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดในเมืองทั้งสอง มีรายละเอียดดังนี้
1. ความไจ่เซี่ยงจื่อ
(Kuan Zhai Alley, Chengdu)
ย่านเมืองเก่าอนุรักษ์ธีมสไตล์ราชวงศ์ฉิง อันสำคัญแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของเหล่าทหาร มากกว่า 3,000 นาย ในยุคราชวงค์ ฉิง (Qing Dynasty) ทั้งนี้ในปัจจุบันย่านแห่งนี้ได้ผันแปรเป็นย่านเมืองเก่าที่รวบรวม ตรอกควาน (Kuan Alley) ตรอกไจ่ (Zhai Alley) และตรอกจิง (Jing Alley) ไว้ด้วยกัน ทำให้ย่านควานไจ่เซี่ยงจื่อเป็นศูนย์กลางการค้าที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิค และโรแมนติก เพราะไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า ร้านกาแฟ โรงน้ำชา และวิลล่า ก็ถูกออกแบบให้อยู่ในธีมสไตล์ราชวงศ์ฉิง (Qing Dynasty) ทั้งนั้น แม้กระทั่งอาคาร Starbucks ภายในย่านนี้ก็ถูกออกแบบให้เข้ากับธีมเช่นเดียวกัน ดังนั้นย่านนี้จึงได้สร้างความประทับใจให้กับเหล่านักเดินทางมาแล้วมากมาย
2. เขาเอ๋อเหมยชาน
(Emeishan, Chengdu)
เขาเอ๋อเหมยชาน หรือที่รู้จักไปทั่วโลกว่า ยอดเขาทองคำ (The Golden Summit) เป็นวัดทองคำบนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งทัศนียภาพโดยรอบบนยอดเขาที่งดงามเป็นอย่างมาก และเมื่อรวมทัศนียภาพนั้นกับรูปปั้นทองคำ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ไว้ด้วยแล้ว ยิ่งบรรยายเป็นคำพูดได้ยากเมื่อเห็นกับตาตัวเอง ที่สำคัญกว่านั้นคือความงามทางสถาปัตยกรรมของศรีษะ 10 หน้า ของรูปปั้น พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ที่แสดงถึงปณิธาณทั้ง 10 ประการของท่านด้วยแล้ว ชาวพุทธ และผู้มีความสนใจในศิลปะต้องไปเห็นให้ได้กับตาตัวเองเลยทีเดียว นอกจากนี้ชาวพื้นเมืองยังเชื่ออีกด้วยว่า พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ได้บำเพ็ญสมาธิบนยอดเขาแห่งนี้ ทำให้เหมาะกับการเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยว พร้อมทำบุญไปในตัวด้วยเป็นอย่างมาก
3. ศูนย์วิจัย และเพาะพันธุ์หมีแพนด้า เฉิงตู
(Chengdu Research Base of Giant Panda Breeding)
(ภาพออกแบบ ศูนย์วิจัย และเพาะพันธุ์หมีแพนด้า โดยบจก. SASAKI)
ศูนย์วิจัยที่ได้รับการแต่งตั้ง โดย องค์กรการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ (World Tourism Organization) ให้เป็นหนึ่งในรีสอร์ทการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งยังมีแพลนทุ่มงบรีโนเวทศูนย์วิจัย ฯ แห่งนี้อีกด้วย ซึ่ง บริษัท Sasaki เองก็ได้ปล่อยมาสเตอร์แพลนออกแล้วเมื่อต้นปี 2019 นี้เอง อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ศูนย์วิจัย ฯ เองก็ได้จัดทำโปรแกรมทัวร์ที่ได้ผสมผสานความบันเทิง และความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ และสามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยตนเองได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือการได้พบกับเหล่าหมีแพนด้าผู้น่ารัก ให้คุณได้สัมพัส พร้อมถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดได้อีกด้วย
4. อุทยานแห่งชาติ หลุมฟ้า สะพานสวรรค์ อู่หลง
(Wulong Karst National Geology Park, Chongqing)
อุทยานสุดงดงามเหนือคำบรรยาย สมบัติอันล้ำค่าที่ธรรมชาติได้สรรสร้างขึ้นมาด้วยตนเองแห่งนี้ ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาเลยก็ว่าได้ เพราะบริเวณแห่งนี้เกิดขึ้นเองโดยการที่พื้นผิวโลกที่ได้ถูกน้ำใต้ดินกันกร่อนนั้นถูกยกตัวขึ้นมา ทำให้บางส่วนที่ถูกยกขึ้นมานั้นเป็นรูปทรงสะพาน และบางส่วนเป็นหลุมคาสต์ขนาดใหญ่ ก่อเป็นเอกลักษณ์สะพานสวรรค์นั้นเอง ซึ่งความงดงามของที่แห่งนี้นั้นได้ถูกบันทึกเป็นมรดกโลกรวมไว้ใน “South China Karst” โดย UNESCO ในปี 2007 สถานที่หนึ่งเดียวในโลกที่มีผืนคาสต์ที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อนจะลงหุบเขาไปนั้นนักเดินทางสามารถชมความมหัศจรรย์ได้บนระเบียงแก้วอู่หลง (Wulong Glass Platform) เพื่อซึมซับบรรยากาศร่มรื่นของธรรมชาติให้เต็มอื่ม ก่อนเดินทางลงไปภายในหุบเขา สถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โรงเตี๊ยมโบราณ เทียนฟู (Tianfu Post House) สถานที่ ๆ บรรกาศปกคลุมไปด้วยความคลาสสิก หลายล้อมด้วยความอลังการของธรรมชาติ อันเคยเป็นจุดพักแรมของเหล่านักเดินทางที่ผ่านกาลเวลามาให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศแสนโรแมนติกนั้นเอง
5. ผาสลักหินแห่งด้าจู
(Dazu Rock Carvings, Chongqing)
งานมรดกโลกที่ตั้งอยู่ ณ เมืองด้าจู แห่งนี้ ประกอบไปด้วยรูปปั้นหินประมาณ 50,000 รูป พร้อมด้วยอักษรจีนแกะสลักบนหินมากถึง 100,000 ตัว ซึ่งทั้งหมดนี้นอกจากจะมีอายุเป็นพันปีแล้ว ยังสื่อถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื้อ และลัทธิเต๋า ในศตวรรษที่ 7 (7th Century AD.) โดยความงามของผลงานนี้ได้สร้างความประทับใจในหมู่นักเดินทางมาแล้วมากมาย คงเป็นเพราะเมื่อได้สัมผัสกับผลงานนี้จริง ๆ ด้วยตนเองแล้วนั้น เหล่านักเดินทางต่างก็รู้สึกว่าสวยงามกว่าในรูปเกินที่ตัวเองคาดหวังไว้
6. เจี่ยฟ้างเป่ย
(Jiafangbei Pedestrian Street, Chongqing)
ย่านดังสุดโมเดิร์นที่เป็นที่ตั้งของ “Chongqing Timesquare” และเป็นย่านที่หรูหราที่สุดในจีนตะวันตก ซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านต้องเดินทางมาให้ได้เมื่อท่านเดินทางมายังเมืองฉงชิ่ง โดยท่านจะได้รื่นรมย์ไปกับ การช้อปปิ้ง ถ่ายรูป พักผ่อน ท่ามกลางร้านค้าแบรนด์เนมดัง ภายในบรรยากาศทั้งหรู และโมเดิร์นสุด ๆ พร้อมจะทำให้การเดินในย่านแห่งนี้ของคุณสนุก และเรียบหรู แน่นอน ทั้งนี้
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
สนใจท่องเที่ยว ประเทศจีน >>> 02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวประเทศจีน คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> http://bit.ly/2SrplUg
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์เอเชีย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Welcome to China. (n.d.). Retrieved from https://www.lonelyplanet.com/china
- Stevens, P. (2019). Sasaki masterplans panda reserve in China for one of the world’s fastest growing cities. Retrieved from https://www.designboom.com/architecture/sasaki-chengdu-panda-reserve-masterplan-china-01-01-2019/
หากท่านเป็นนักเดินทางที่รัก และมุ่งหวังที่จะพักผ่อนอย่างเรียบหรู สงบ รื่นรมย์ ท่ามกลางทัศนีย์สภาพบรรยากาศอลังการเหนือความคาดหมายแล้วละก็ “นอร์เวย์” คือฝันที่คุณตามหาอยู่ ด้วยเพราะ ณ แดนแห่งอาทิตย์เที่ยงคืนแห่งนี้คุณจะได้สัมพัสกับธรรมชาติ อย่าง ฟยอร์ดต่าง ๆ ที่มีหุบเขารายล้อม รวมไปถึงเหล่าธารน้ำแข็ง (Glaciers) ที่ปกคลุมหุบเขาเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้นอร์เวย์เป็นประเทศที่งดงาม และมีเอกลักษณ์ที่พิเศษ ขนาดที่ทำให้นักเดินทางที่ได้มาแล้ว ต้องบอกต่อ ๆ กันอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลกิจกรรม และสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณห้ามพลาดเมื่อเดินทางถึงนอร์เวย์ ไว้ให้คุณแล้วดังต่อไปนี้
1. เมืองเคอร์คีเนส (Kirkenes)
WHY :
เหนือขึ้นไปของประเทศนอร์เวย์ บริเวณชายแดนรัสเซีย คุณจะได้พบกับเมืองเล็ก เคอร์คีเนส (Kierkenes) เมืองหลวงแดนบาร์เร้นท์ (Barents Region) ที่พร้อมจะทำให้ประสบการณ์ของคุณในนอร์เวย์ทั้งสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ และอิ่มหนำสำราญไปกับอาหารที่เป็นที่โด่งดังในบ้านเรา และเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างมากสำหรับคนชอบทานปู ซึ่งทั้งหมดมีรายละเอียดดังนี้
- โรงแรมหิมะ เคอร์คีเนส (Kirkenes Snow Hotel) โรงแรมแห่งนี้มีเอกลักษณ์พิเศษอยู่ที่การก่อสร้างของบริเวณโรงแรมหิมะ ที่ต้องมีการก่อสร้างใหม่เสมอในทุก ๆ ปี ก่อให้เกิดสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ ในการสร้าง หรือประดิษฐ์ ปติมากรรมน้ำแข็งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยทั้งหมดนี้โรงแรมได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพื่อเก็บภาพบรรยากาศได้อีกด้วย
- ซาฟารีปูยักษ์ (King Crab Safari) สถานที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดสำหรับนักท่องเที่ยวตัวจริง เพราะ ณ กิจกรรมนี้คุณจะได้ประสบกับกิจกรรมแบบ All-in-One เลยที่เดียว (จัดโดย Kirkenes Snow Hotel) เริ่มตั้งแต่ การขับขี่สโนว์โมบิล การนั่งรถเลื่อน หรือ “sledge” เพื่อเดินทาง และปิดท้ายด้วยกิจกรรมที่เด็ดสุดคือการจับปูยักษ์ โดยกิจกรรมนี้คุณจะได้เริ่มตั้งแต่การจับ เตรียม ปรุง กิน ซึ่งการจับปูนี้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดจับไม่ได้ เพราะกิจกรรมนี้จัดอยู่ภายในอาร์กติก ฟยอร์ด ที่อุดมด้วยปูยักษ์ดังกล่าว ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะจับปูไม่ได้ ดังนั้นแล้วสำหรับคนที่ชอบทานปูจริง ๆ ต้องห้ามพลาดกิจกรรมนี้ และห้ามลืมนำน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษของตนไปด้วยเป็นอันขาด แล้วคุณจะได้ลิ้มรองความฟินในการรับประทานปูยักษ์ในแบบของคุณแน่นอน
WHEN :
- ต้นเดือนธันวาคม – ปลายเมษายน : ในเวลาดังกล่าวนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของเมือง และในเวลานี้คุณจะได้ประสบกับทุกกิจกรรมที่คุณวางแผนไว้ได้ครบมากที่สุดได้
2.เซนญ่า (Senja)
WHY :
เซนญ่า เพชรในตม ของนอร์เวย์แห่งนี้ประกอบด้วยหุบเขาสูงชันที่ถลำลึกไกลออกไปจากชายฝั่ง เป็นหนึ่งในทัศนียภาพที่งดงามอย่างมาก เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับนักเดินทางที่ชอบเดินเขาด้วยแล้ว ทัศนียภาพพระอาทิตย์เที่ยงคืนเมื่ออยู่บนยอดเขาเซกลานั้นถือเป็นวิวที่สุดเหนือคำบรรยายเลยทีเดียว ทั้งนี้ สถานที่เหล่านี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการไปเก็บบันทึกภาพวิวสวย ๆ เป็นอย่างยิ่ง
- จุดชมวิวเบอร์สบอทน์ (Bergsbotn Viewpoint) ณ จุดชมวิวท่านจะได้ชมทัศนียภาพของ “Bergsfjord” บริเวณที่เสมือนว่าท้องฟ้าลงมาแตะท้องทะเล ท่ามกลางหุบเขาที่งดงาม บรรยากาศโรแมนติก
- จุดพัก “Tungeneset” ตั้งอยู่บริเวณจุดแบ่งแยก “Steinsfjord” และ “Ersfjord” จุดพักแห่งนี้ได้ก่อสร้างทางเดิน (Walkway) สถาปัตยกรรมไซบีเรีย เพื่อให้ท่านได้เดินชมทัศนียภาพริมทะเลไปเหนือโขดหินได้ โดย ณ ที่แห่งนี้เป็นจุดเก็บภาพในเวลาพระอาทิตย์ตก ที่งดงามมากที่หนึ่งอีกด้วย
- หาด “Ersfjordstranda” หาดแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน “Ersfjord” ซึ่งตัวหาดมีเม็ดทรายขาวสวยงาม ล้อมรอบด้วยหุบเขาสูง และเมื่อนำมารวบกับบรรยากาศโรแมนติกของนอร์เวย์ด้วยแล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในฉากหนังโรแมนติกฉากหนึ่งเลยทีเดียว
- หอสังเกตุปรากฎการณ์ ออโรล่า บอเรียลลิส (Aurora Borealis Observatory) ณ หอสังเกตุการณ์แสงเหนือแห่งนี้ นักเดินทางจะสามารถชมแสงเหนือ หรือ ออโรล่า บอเรียลลิส ได้พร้อมกับเพื่อน และ ครอบครัวได้อย่างสงบ ภายในโดมแก้ว ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับชมแสงเหนือท่ามกลางธรรมชาติ แต่ในบรรยากาศสบาย ๆ
- หุบเขาเซย์กลา (Segla) สถานที่อันพิเศษแห่งนี้เหมาะสำหรับนักเดินเขา เป็นอย่างยิ่ง โดยใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงเพื่อเดินถึงยอดเขา ซึ่งการเดินเขาที่นี้นั้นไม่ถือเป็นการเดินที่ไม่ยากมากนัก แต่ทั้งหมดคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ชมพระอาทิตย์ตก หรืออาทิตย์เที่ยงคืนเหนือยอดเขาเซย์กลา
WHEN :
- ต้นเดือนพฤษภาคม ถึง ปลายกรกฎาคม : เป็นช่วงฤดูร้อนที่เหมาะกับการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สุด ทั้งนี้บรรยากาศของเซนญ่ายังเหมาะกับกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเดินเขา ปั่นจักรยาน เป็นต้น
- ปลายกันยายน ถึง ปลายมีนาคม : เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการชมแสงเหนือให้ได้เป็นอย่างมาก เพราะในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงโพลาร์ไนท์ (Polar Night) ที่ระยะกลางคืนมีเวลายาวนาน
3.หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Islands)
WHY :
ความสวยงามของ โลโฟเทน (Lofoten) เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ด้วยเพราะเกาะโลโฟเทนนั้นอุดมไปด้วยธรรมชาติสมบูรณ์บนทะเลนอร์วีเจียน (Norwegian Sea) และทัศนียภาพที่ตระการตาของเหล่า ฟยอร์ดกับหุบเขาที่ล้อมรอบไว้อย่างโออ่า ยิ่งกว่านั้นเมื่อรวมความอลังการเหล่านี้กับ แสงเหนือ และอาทิตย์เที่ยงคืนด้วยแล้ว เกาะแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสวรรค์บนดินก็ว่าได้ ทั้งนี้สถานที่ห้ามพลาดในโลโฟเทนมีรายละเอียดดังนี้
- สโวลวาร์ (Svolvaer) เมืองใหญ่ที่สุดของเกาะโลโฟเทน และตั้งอยู่ทางชายฝั่ง “Austvågøy” แห่งนี้ คือจุดเริ่มต้นที่ดีอย่างมากในการท่องเที่ยวโลโฟเทน เพราะแม้บรรยากาศในเมืองจะสงบแล้ว แต่ท่าเรือของเมืองกลับมีสีสัน และมากมายด้วย คาเฟ่ บาร์ หรือภัตตาคาร ที่มีวิวงดงามตระการตาอย่างมาก ทั้งนี้ยังมีบริเวณที่รู้จักกันว่า “Magic Ice” ที่เล่าเรื่องของชีวิตบนเกาะโลโฟเทนผ่านงานปติมากรรมน้ำแข็ง โดยเปิดให้คุณเข้าชมได้ที่ ศูนย์จิตรกรรมนอร์วีเจียน (Norwegian Artist’s Centre)
- ไรน์ (Reine) หมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์แห่งนี้ เป็นที่โปรดปรานสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายรูป และจิตรกรที่รักในการวาดรูปเป็นอย่างมาก ด้วยเมืองนั้นมีวิวฟยอร์ด และภูเขาที่งดงามเหนือคำบรรยาย ทั้งนี้ยังมีจุดชมน้ำวน “Moskenesstrømmen” ที่โด่งดัง และได้เป็นที่กล่าวถึงในประวัติศาสตร์ไว้มากมายอีกด้วย
- หมู่บ้าน ออร์ (Å) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ถนนทุกเส้นบนเกาะต้องมาจบที่ หมู่บ้านออร์แห่งนี้ ซึ่งนอกจากจะมีทัศนียภาพ และบรรยากาศที่งดงามแล้ว ที่นี้ยังเป็นจุดที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมงอีกด้วย และที่ห้ามพลาดกว่านั้นคือน้ำสต็อกปลาคอด ที่ “Lofoten Stockfish Museum” สินค้าส่งออกประวัติกว่าพันปี และเป็นที่นิยมใช้ในการปรุงปลาบนเกาะโลโฟเทนด้วย
WHEN :
- ต้นเดือนพฤษภาคม ถึง ปลายกรกฎาคม : เป็นช่วงฤดูร้อนของเกาะ ที่เหมาะกับการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สุด และยังเป็นช่วงที่ทัศนียภาพของเกาะงดงามเหมาะกับการถ่ายรูปที่สุดอีกด้วย
- ปลายตุลาคม ถึง ปลายมีนาคม : เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการชมแสงเหนือให้ได้เป็นอย่างมาก เพราะในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงโพลาร์ไนท์ (Polar Night) ที่ระยะกลางคืนมีเวลายาวนาน
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
สนใจท่องเที่ยว นอร์เวย์ เคอร์คีเนส โลโฟเทน เซนญ่า >>> 02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวนอร์เวย์ คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> ทัวร์ยุโรป : NORWAY LOFOTEN-SENJA 10 วัน (TG)
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์ยุโรป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง
- Meroona. (2019). Top 10 Most Beautiful Countries in Europe. Retrieved from https://travelaway.me/most-beautiful-countries-europe/
- Arctic Adventures by the Russian Border. (n.d.). Retrieved from https://www.visitnorway.com/places-to-go/northern-norway/kirkenes-eastern-finnmark/
- Senja. (n.d.). Retreived from https://www.nasjonaleturistveger.no/en/routes/senja
- Discover Norway’s untamed islands. (n.d.). Retrieved from https://www.visitnorway.com/places-to-go/northern-norway/the-lofoten-islands/
คุณกำลังวางแผนเดินทางเที่ยวยุโรป แล้วหวังที่จะทำการช้อปปิ้งให้คุ้มค่ากับการเดินทางด้วยใช่รึไม่ ? และยังไม่ทราบว่าควรจะเดินทางช่วงไหนดี หรือประเทศไหนดีในยุโรปถึงจะได้สินค้าแบรนด์เนมในราคาสุดคุ้ม ถ้าเช่นนั้นแล้วข้อมูลที่สำคัญที่สุดสำหรับการวางแผนของคุณได้ถูกรวบรวมไว้ที่นี้แล้ว โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของการจัดงาน “Sales” ในยุโรปนั้นแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ “Summer” และ “Winter” ซึ่งใน 2 ช่วงดังกล่าวนี้สินค้าแบรนด์เนมคุณภาพจะลดราคาค่อนข้างมาก ทำให้นักเดินทางต้องวางแผนซื้อสินค้าที่ตนอยากได้จริง ๆ ให้ดีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เพื่อให้การเดินทางของคุณมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อต้องแวะไปช้อปปิ้ง บล็อกนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่วงฤดูกาลเซลส์, ช่วงเวลา, และเมืองต่าง ๆ ในยุโรปที่ขึ้นคุณต้องไปช้อปให้ได้ไว้ให้คุณแล้ว ดังต่อไปนี้
ถนน อ็อกฟอร์ด (Oxford Street)
When
Summer Sales : ปลายมิถุนายน ถึงกลางกรกฎาคม
Winter Sales : ปลายธันวาคม ถึงกลางมกราคม
Why
ลอนดอนเป็นเมืองที่มีนักเดินทางมาเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะเป็นเมืองที่มีเขตการช้อปปิ้งเยอะ และสินค้าแฟชั่นก็มีหลากหลายแนวที่มีคุณภาพสูง ดังนั้นคุณจะได้พบกับแบรนด์ชั้นนำ และสินค้าออกแบบโดยดีไซนเนอร์ชั้นนำได้ที่เมืองแห่งนี้
Locations
- ถนน บอนด์ (Bond Street) | ถนนที่ “Fashionista” ทุกคนต้องไป
- ถนน อ็อกฟอร์ด (Oxford Street) | ร้านค้ามากกว่า 300 ร้าน และเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก พร้อมที่จะให้คุณเจอกับประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้ง
- ตลาด คอนเว้นท์ การ์เด้น (Convent Garden Market) | สถานที่ที่จะให้คุณได้พบกับสินค้าแบรนด์เนมที่มีความเรียบหรู
- ถนน คาร์นาบี้ (Carnaby Street) | ถนนแห่งนี้รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมอาคารที่งดงาม และมีร้านค้ามากมายที่จะทำให้การช้อปปิ้งของคุณตื่นตาตื่นใจ
อาฟว์นูว์ เด ช็อง เซลีเซ (Avenue des Champs Elysées)
When
Summer Sales : ปลายมิถุนายน ถึง ต้นสิงหาคม
Winter Sales : ต้น มกราคม ถึง กลางกุมภาพันธ์
Why
ปารีส เมืองหลวงของงานศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง (Haute Couture) จุดศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับแฟชั่น ที่แค่เฉพาะการช้อปปิ้งก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านให้เข้ามาใช้วันหยุดในเมืองหลวงแห่งนี้ได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นบ้านของแบรนด์หรูต่าง ๆ รวมถึงคอลเล็คชั้นเครื่องประดับหรูอื่น ๆ อีกด้วย
Locations
- อาฟว์นูว์ เด ช็อง เซลีเซ (Avenue des Champs Elysées) | อาฟว์นูว์ ฯ นี้นอกจากจะเป็นบ้านของแบรนด์เนมหรู อย่าง Louis Vuitton, Mont-Blanc, Guerlain เป็นต้น แต่ที่แห่งนี้ยังมีสีสรร และความหลากหลายที่พร้อมจะทำให้การช้อปปิ้งของคุณเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม
- เลอ มาเรส์ (Le Marais) | ย่านแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับช้อปปิ้งเป็นอันดับต้น ๆ ของเมือง โดยเมืองเป็นแหล่งของสินค้าวินเทจ เสื้อโค๊ต และ รองเท้า
- อาฟว์นูว์ เด เทอร์นส (Avenue des Ternes) | สวรรค์ของคนรักกระเป๋า และเสื้อผ้าแบรนด์หรู อีกทั้งอาฟว์นูว์ ฯ แห่งนี้เป็นย่านที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักช้อปปิ้ง
วีอา มอนเต้ นาโปเลียน (Via Monte Napoleone)
When
Summer Sales : ต้นกรกฎาคม ถึง กลางสิงหาคม
Winter Sales : ต้นมกราคม ถึง ต้นมีนาคม
Why
มิลาน หนึ่งในเมืองหลวงแห่งวงการแฟชั่น และแหล่งรวมตัวของดีไซนเนอร์ชื่อดัง เป็นเมืองที่มากมายด้วยร้านของเหล่าดีไซนเนอร์ และเอ้าต์เล็ท (Outlet) รวมทั้งยังเป็นบ้านของแบรนด์เนมงานศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง (Haute Couture) อย่าง Armani, Prada, Versace, Roberto Cavalli อีกด้วย
Locations
- วีอา มอนเต้ นาโปเลียน (Via Monte Napoleone) | ร้านค้าบูติก และร้านของเหล่าดีไซนเนอร์บนถนนแห่งนี้จะทำให้ประสบการณ์ในการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Armani, Gucci, และ Prada เป็นการประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ “Exclusive”
- คอร์โซ วิตโตริโอ้ เอ็มมานูเอล II (Corso Vittorio Emanuele II) | ถนนแห่งนี้เป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากสำหรับสินค้าแบรนด์เนม และ เครื่องประดับบูติคต่าง ๆ
โคหล์มารค์ต (Kohlmarkt)
When
Summer Sales : กลางกรกฎาคม ถึง ปลายสิงหาคม
Winter Sales : ปลายธันวาคม ถึง ปลายมกราคม
Why
เวียนนาคือความฝันที่จะมาเติมเต็มความเป็น “Fashionista” ในตัวของนักเดินทางทุกคน และ ณ ที่แห่งนี้คุณจะได้พบกับร้านบูติคระดับสูง กับงาน”Haute Couture” ที่มีความหลากหลาย และมีเอกลักษณ์ ทำให้เวียนนาเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องมาช้อปในยุโรป
Locations
- โคหล์มารค์ต (Kohlmarkt) | ย่านช้อปปิ้งที่เป็นจุดรวมของเครื่องเพชร “High End”และโด่งดังที่สุดในดาวน์ทาวน์เวียนนา ซึ่งคุณจะได้พบกับแบรนด์เครื่องเพชรดัง อย่าง Wagner, Bucherer, Schullin, Cartier, Chopard, Tiffany และ Wellendorf ทำให้ที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า “Golden U”
- มาเรียฮิลเฟอร์สตราวส์ (Mariahilferstrasse) | หนึ่งในย่านช้อปปิ้งหลักของเวียนนาที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมไว้ รวมทั้งคาเฟ่ และภัตตาคาร ให้คุณได้แวะพักเหนื่อยจากการเดินช้อปปิ้ง
พีซี ฮูฟสตรัต (P.C. Hooftstraat)
When
Summer Sales : ทั้งเดือนกรกฎาคม
Winter Sales : ทั้งเดือนมกราคม
Why
ด้วยห้างสรรพสินค้าที่มากมายด้วยสินค้า Exclusive อัมสเตอร์ดัมแห่งนี้จะทำให้นักเดินทางต้องควักเงินออกมาช้อปปิ้งแน่นอน
Locations
- ถนน คัลเวอร์สตรัต (Kalverstraat) | บนถนนแห่งนี้คุณจะได้พบกับร้านค้าระดับ Exclusive มากมาย อย่าง Paul Warmer, Filipa K, Shoebaloo และเอ้าต์เล็ต (Outlet) เช่น H&M, Zara, Esprit, Pull & Bear
- พีซี ฮูฟสตรัต (P.C. Hooftstraat) | ถนนที่รวบรวมร้านแบรนด์หรูไว้ อย่าง Chanel, Louis Vuitton, DKNY
- เดอ บีเอียนคอร์ฟ (De Bijenkorf) | สถานที่ที่รวบรวมร้านค้าแบรนด์ชั้นนำไว้ให้คุณ
- เดอ เนเกน สตรัตเจส (De Negen Straatjes) | สำหรับผู้ที่มีความสนใจในงานศิลปะ เครื่องเพชร และสินค้าวินเทจ ย่านแห่งนี้คือที่ ๆ คุณตามหาอยู่
ห้างสรรพสินค้า คาเดวี (KaDeWe)
When
Summer Sales : ปลายกรกฎาคม ถึง ต้นสิงหาคม
Winter Sales : ปลายมกราคม ถึง ต้นกุมภาพันธ์
Why
เบอร์ลิน เมืองหลวง และสวรรค์ของนักช้อปปิ้งในเยอรมณี ณ เมืองแห่งนี้คุณจะได้พบกับศูนย์รวมของสินค้าแบรนด์หรู ยี่ห้อดัง และสินค้าคุณภาพราคาเป็นกันเองที่มากมายไปทุกทิศทาง
Locations
- ห้างสรรพสินค้า คาเดวี (KaDeWe) | ห้างใหญ่โออ่าแห่งนี้คือศูนย์รวมของสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ผสมผสานกับสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย
- แกลเลอรี่ ลาฟาเยต (Galaries Lafayette) | ห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมสินค้าแบรนด์ชั้นนำไว้
ถนน ดร็อทนิงกาทัน (Drottninggatan)
When
Summer Sales : กรกฎาคม ถึง สิงหาคม
Winter Sales : ปลายธันวาคม ถึง ต้นมกราคม
Why
งานดีไซน์แบบ “clean lines” เรียบหรู ของชาวสแกนดิเนเวียเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งไม่เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของ H&M และ IKEA ทำให้ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของสินค้าแฟชั่นที่มีความเรียบง่าย แต่เก๋ ให้คุณได้ช้อปมากมาย ดังนั้นหากคุณตั้งใจจะมาช้อปที่นี้แล้ว คุณควรเตรียมกระเป๋าเพิ่มไว้ต่างหากอีกด้วย
Locations
- ถนน ดร็อทนิงกาทัน (Drottninggatan) | ราชินีแห่งถนนช้อปปิ้งแห่งนี้ได้รวบรวมร้านค้าแฟชั่นแบรนด์เนมไว้อย่าง H&M, Monki, Zara, Gina Tricot, Salt ไว้ให้คุณแล้ว อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้า Ahléns ที่เป็นศูนย์รวมเครื่องสำอางค์สำหรับคุณผู้หญิงอีกด้วย
- ไบบริโอเทคสแตน (Bibliotekstan) | ย่านแฟชั่นของสต็อคโฮล์ม ที่รวบรวมแบรนด์เนมดังอย่าง Filipa K, Tiger of Sweden, Prada, Louis Vuitton
- อีเกีย (IKEA) | เข้าเมืองตาหลี่ว ต้องหลิ่วตาตาม ดังนั้นเมื่อมาถึงบ้านเกิดแล้วก็ต้องเข้าไปชมต้นฉบับให้ได้เช่นกัน ซึ่งคุณจะได้พบกับ IKEA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับสินค้ามากมายกายกองให้คุณเลือก จนคุณเพลิดเพลินไปกับการช้อปจนลืมเวลาเลยก็เป็นได้
ถนน โคโลนากิ (Kolonaki Street)
When
Summer Sales : สิงหาคม ถึง กันยายน
Winter Sales : มกราคม ถึง กุมภาพันธ์
Why
ดาวน์ทาวน์เมืองเอเธนส์ คือสถานที่ที่นักช้อปปิ้งตัวจริงยังต้องหลงไหล เพราะเมืองแห่งนี้ได้รวบรวมย่านการค้าไว้หลากหลายรูปแบบไปทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า ถนนการค้า สถานที่เหล่านี้จะทำให้การช้อปปิ้งของคุณไม่มีวันเบื่อ อีกทั้งตัวเมืองยังมากมายด้วยคาเฟ่ให้คุณได้หยุดพักจากการช้อปปิ้งอีกด้วย
Locations
- พลาก้า (Plaka) | ย่านเก่าแก่ที่สุดในเอเธนส์แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและจุดช้อปปิ้ง ที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความคลาสสิก
- ถนน เออร์มู (Ermou) | ถนนแห่งนี้เหมาะกับนักเดินทางที่กำลังมองหา เสื้อผ้า ผ้าต่าง ๆ และรองเท้าคุณภาพในราคากันเอง
- ถนน โคโลนากิ (Kolonaki Street) | ย่านที่รวบรวมร้านค้าของเหล่าดีไซนเนอร์
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
สนใจท่องเที่ยวยุโรป คลิ๊ก >>> ทัวร์ยุโรป
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์ยุโรป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
ถ้าหากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่จะตกหลุมรัก และหลงไหลไปกับเสน่ห์ของมันแล้วละก็ ประเทศกรีซ คือคำตอบที่คุณตามหาอยู่ เพราะความโรแมนติก และความคลาสสิกตลอดกาลของประเทศจะอบอวลคุณไปด้วยบรรยากาศอารยธรรมโบราณ, หรือความงดงามตระการตาของเมืองต่าง ๆ ที่ฝังตัวอยู่กับธรรมชาติ จนทำให้คุณรู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดให้ต้องอยู่ต่อจนไม่อยากให้วันเดินทางของคุณนั้นต้องสิ้นสุดลงเลย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงการที่ในแต่ละเมืองยังมีอาหารที่เลิศรสที่ได้รับอิทธิพลจากอิตาลี และตุรกีให้คุณได้ไปลิ้มลอง หรือไวน์ให้ตามไปทดสอบรสชาติอย่างเรียบหรูอีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเดินทางของคุณให้โรแมนติก และคลาสสิกแล้ว เราได้รวบรวมสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณห้ามพลาดเป็นอันขาดไว้ให้แล้วดังนี้
1.เมทีโอร่า (Meteora)
อาราม โฮลี่ ทรินิตี้ (Holy Trinity Monastery) บนหินในเมทิโอร่า
ลึกเข้าไปในแคว้นเทสสะลี (Thessaly) คุณจะได้พบกับหนึ่งในมรดกโลก เมทีโอร่า (Meteora) ซึ่งเป็นหินผาธรรมชาติหน้าผิวเรียบ ที่ตั้งเป็นแนวงดงามอย่างกับหลุดออกมาจากฉากหนังแฟนตาซี และสิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เหมือนกับเทพนิยายก็คืออารามนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ (Eastern Orthodox Monasteries) ที่ตั้งอยู่บนหินเมทิโอร่านั้นเอง โดยการก่อสร้างนั้นได้ถูกคิดค้นโดย นักบวช “Athanasios Koinovitis” ผู้มีความประสบความสำเร็จในการก่อสร้างอาราม เมทีโอรอน (Meteoron Monastery) บนหิน เพื่อหลีกเลียงอิทธิพลทางการเมือง และให้พวกของตนมีอำนาจในการควบคุมการเข้าออกของอารามในยุคนั้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันอารามแห่งนี้ยังรู้จักในอีกชื่อว่า อาราม แห่งวาราม (Monastery of Varlaam) และกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางที่ต้องการจะเก็บภาพของตนเองกับบรรยากาศที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย หรือหนังแฟนตาซีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้การเดินทางมายังเมทีโอร่านั้นควรหาที่พักในเมือง “Kalambaka” หรือในหมู่บ้าน “Krastiki” เพื่อไว้ให้เป็นสำนักงานน้อย ๆ ของเราในการเดินทางมายังดินแดนแฟนตาซีแห่งนี้
2.เมืองเดลฟี (Delphi)
Tholos of Delphi
เมืองมรดกโลก เดลฟี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สำคัญทั้งในการท่องเที่ยว และการศึกษา เหมาะทั้งสำหรับนักเดินทาง และผู้ที่มีความสนใจในรัฐศาสตร์ (Political Science) ด้วยเช่นกัน เพราะเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของวิหารอพอลโลที่เป็นที่พำนักของเทพพยากรณ์แห่งเดลฟี หรือ ที่รู้กันอีกชื่อว่า “Pythia” ผู้ที่ทุกคนเชื่อว่าเป็นตัวแทนของอโพลโล (Apollo) บนโลก ทำให้เมืองโบราณแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่ผู้นำทั่วโลกเดินทางมาเพื่อขอคำปรึกษาทางการเมือง และคำพยากรณ์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้เมืองเดลฟีในปัจจุบันจึงมากมายด้วยสถาปัตยกรรมกรีกโบราณให้เข้าชม หรือหากต้องการช้อปปิ้งพักผ่อนอย่างสบาย ๆ ก็สามารถเข้าชมเมือง “Chrissó” ที่มีความโด่งดังในน้ำมันมะกอก (Olive Oil) เป็นอย่างมากเหมาะกับการซื้อเป็นของฝากเป็นอย่างยิ่ง
3.เมืองเอเธนส์ (Athens)
ระเบียงคาเรียอาทิด แห่งอีเรคเทียน (The Caryatid Porch of the Erechtheion)
เมืองเอเธนส์ทั้งเมืองแห่งนี้เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับนักเดินทางที่ต้องการอาบตนเองอยู่ในบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยความสวยงามของอารยธรรมกรีกโบราณ (Ancient Greek) เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนในเมืองแห่งนี้ก็ยังมีกลิ่นอายความเก่าแก่ให้เห็นอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ยกตัวอย่างเช่นจุดเด่นของเมือง วิหารพาร์เทน่อน (Parthenon) ที่ยังคงเฝ้าเมืองแห่งนี้อยู่บนอะโครโพลิสมาตั้งแต่ ปี 438 BC (ในช่วงยุคทองของเมืองเอเธนส์) แต่ในปัจจุบันยังมีอีกหลายจุดในเมืองที่นักเดินทางต่างบอกกันปากต่อปากถึงความบันเทิง และความงาม อย่างแขวงพลาก้า (Plaka) วิหารโพไซดอนที่แหลมซูเนียน (Poseidon Temple at Sounion) และ ตลาดนัดโมนัสทีรากิ (Monastiraki Flea Market) เป็นต้น นอกจากนี้ภายในเมืองยังเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าเชฟดังหน้าใหม่ที่เข้ามาลงทุนเปิดภัตตาคารของตนเองในเมืองอีกด้วย ดังนั้นแล้วการเดินทางของคุณภายในเมืองแห่งนี้อาจจะเป็นการเดินทางที่คุณจะได้พบ พร้อมลิ้มลองฝีมืออาหารของเหล่าเซเลบในวงการอาหารโดยไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้
4.เกาะเอจิน่า (Aegina Island)
ท่าเรือเกาะเอจิน่า
สำหรับนักเดินทางที่ต้องการใช้เมืองเอเธนส์เป็นฐานในการเดินทาง แต่ยังอยากเห็นความงดงามของหมู่เกาะบนทะเลเอเจียนแล้ว เกาะเอจิน่า แห่งนี้คือสถานที่คุณตามหาอยู่ เพราะนอกจากตัวเมืองจะงดงามแล้ว บรรยากาศในเมืองบนเกาะยังไม่วุ่นวาย ทำให้เหมาะกับการเดินริมทะเลบรรยากาศสบาย ๆ แล้วเมื่อรู้สึกเหนื่อยก็สามารถแวะนั่งรับประทานอาหารซีฟู้ดสด ๆ ริมทะเลได้ที่ภัตตาคาร Miltos พอหายเหนื่อยแล้วก็สามารถไปเก็บภาพทัศนียภาพของเกาะบนเนินเขา “Koloni” แล้วลงมาหาซื้อถั่ว “พิสตาชีโอ” (Pistachio) ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกได้ ซึ่งเกาะแห่งนี้ยังมีความโรแมนติกตอนพระอาทิตย์ตกเป็นอย่างมากอีกด้วย
5.ซานโตรินี (Santorini)
ประภาคาร ฟารอส (Faros Lighthouse)
ซานโตลินี (Santorini) เมืองซุเปอร์โมเดลของกรีซแห่งนี้ เป็นที่รู้จักไปทั่วทุกมุมโลก และเป็นที่โปรดปรานสำหรับฮันนี่มูน รวมไปถึงการเดินทางมายังเกาะแห่งนี้อาจจะปลุกความเป็นศิลปินของตนออกมา หรือสะกดคุณด้วยความสบาย หรูหรา จนคุณอยากจะอยู่ต่อเท่าที่จะอยู่ได้ ทั้งนี้ตัวเมืองยังมีทัศนียภาพพระอาทิตย์ตกที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วย ซึ่งหากคุณไปถ่ายรูปคู่ด้วยแล้วอาจจะถึงขั้นนำรูปของคุณมาใช้เป็นปกนิตยสารได้เลยทีเดียว ทั้งนี้จุดที่คนในพื้นที่มักแนะนำให้นักท่องเที่ยวต้องไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ ประภาคา ฟารอส (Faros Lighthouse) เพื่อให้ได้สัมพัส พร้อมเข้าถึงความหมายของคำว่า “Romantic”
รวบรวม และเรียบเรียงข้อมูล : Reign International Travel
สนใจท่องเที่ยวเมทิโอร่า >>> ? 02-059-0400-3
สนใจท่องเที่ยวกรีซ คลิ๊กชมตัวอย่าง >>> ทัวร์ยุโรป : เจาะลึกกรีซ ดินแดนแห่งเทพเจ้า 8 วัน (EY)
ท่องเที่ยวตามใจ ไปตามฝัน กับ เร้นจ์ อินเตอร์ฯ ทราเวล “ท่องเที่ยวกับเร้นจ์ฯ มั่นใจไม่ผิดหวัง”
ทัวร์ยุโรป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
- Tel : 02-059-0400-3
- Email : info@reigninter.com
- Line@ : @reigninter
- instagram : reign_inter
อ้างอิง :
- Meteora. (n.d.). Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Meteora
- Meteora travel. (n.d.). Retrieved from https://www.lonelyplanet.com/greece/meteora
- Kalambaka travel. (n.d.). Retrieved from https://www.lonelyplanet.com/greece/kalambaka
- Longwell, L. (2019). Traveling back in time on a Delphi day trip from Athens. Retrieved from https://traveladdicts.net/delphi-day-trip-from-athens-greece/
- Top 10 things to do in Delphi. (2018). Retrieved from https://greeking.me/blog/escaping-athens/item/179-top-10-things-to-do-in-delphi
- Iatrou, H. (2018). Everything to know about Athens. Retrieved from https://www.nationalgeographic.com/travel/destinations/europe/greece/athens/fast-facts/
- Top 6 things to do in Aegina. (2018). Retrieved from https://theyogiwanderer.com/2016/02/16/aegina-greek-island/
- Santorini 101 : This is why you should visit before you die. (2017). Retrieved from http://www.greece-is.com/santorini-101-visit-die/